ผลการปั่นจักรยานเพื่อลดน้ำหนัก (ตอนที่ 2) และวิธีการยกเลิกการเอาขนมไร้สาระเข้าปากตัวเองอย่างง่าย

bike to weight lost

ภาพประกอบด้านบนเป็นกราฟแสดงน้ำหนักตัวที่ลดลงอย่างต่อเนื่องตลอด 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา

จาก blog ครั้งก่อนผมได้อธิบายว่า ผมจะลดน้ำหนักด้วยการปั่นจักรยาน ไม่ได้ไปพบหมอไม่ต้องพึ่งยาใดๆ น่าจะเป็นไปได้ไม่ยาก เพราะ concept สำหรับเรื่องลดน้ำหนักนั้น เกือบจะเป็นเรื่องคุณๆก็รู้กันอยู่แล้วนั่นก็คือ การใช้พลังงานให้มากกว่า การเอาพลังงานก้อนใหม่ๆเข้าสู่ร่างกาย โดยผมตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่า จะลดน้ำหนักเอาให้ได้สัก 64 kg จาก 67 kg หรือประมาณ 3 กิโลกรัมในหนึ่งเดือน ผมว่ามันไม่น่าจะเยอะหรือน้อยเกินไปแต่ก็แค่ตั้งเป้าหมายเอาไว้ให้ดูท้าทายหน่อยครับ

การลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังกายให้มากแล้ว ลดการเอาอะไรเข้าปากลงดูเหมือนว่าจะให้ผลลัพธ์เป็นไปตามต้องการได้ไม่ยาก โดยผมเลือกที่จะไม่เอาอาหาร “ไร้สาระ” หรือ “ขนมส่วนเกิน” เข้าปากเท่านั้น นอกนั้น อาหารการกินก็เหมือนเดิมทั้งหมด 

แล้วอาหารไร้สาระ และ ขนมส่วนเกิน ที่ปกติแล้วแต่ก่อนผมเอาเข้าปากไปนั้น มันหน้าตาเป็นยังไงกัน ?

คำว่าอาหารไร้สาระ และขนมส่วนเกินนั้นผมสามารถแยกแยะได้ไม่ยากว่าอะไรคือสิ่งเหล่านี้ครับ วิธีการก็คือ ถ้าหากว่าคุณกินอาหารหลักแล้ว และอาหารหรือขนมทั้งหมดผมเรียกว่า เป็นอาหารไร้สาระทั้งหมดทั้งสิ้น ไม่ว่ามันจะมาในรูปแบบขนม หรือกึ่งขนมก็ตาม  ผมกำหนดเอาไว้แค่ว่า อาหารหลักก็คืออาหารที่กินเอาไว้จานเดี่ยวจานเดียวแล้วก็อิ่มแล้วเท่านั้น ไม่มีการเพิ่มเติมไปมากกว่านี้ 

ปกติแล้วแต่ก่อนผมกินอาหารเย็น หรือว่าอาหาราเช้าก็จะมีการกินอาหารพิเศษเพิ่มเติม และไร้สาระพวกนี้เข้าไป ตัวอย่างเช่น ถ้าหากว่าผมกินข้าวเช้าแล้ว ก็จะหาชาหวานๆกินสักหน่อย (แต่ว่าตอนนี้ก็กินอยู่น่ะครับ โดยกินเป็นชาขมๆแทน ไม่ได้เป็นชาขวดหรือว่าชาที่มีน้ำตาลให้เอาออกจากสาระบบเสีย) การกินน้ำที่เติมน้ำตาลทั้งหมด ก็จะไม่กิน และไม่เอาเข้าร่างกาย เพราะ “รู้อยู่ว่ามันเป็นพลังงาน” ที่เราหรือคุณเองก็จะมองไม่เห็นเท่าไหร่ คุณไม่รู้หรอกว่า น้ำตาลที่ใส่เข้าไปมันมากน้อยแค่ไหน แต่ว่าที่แน่ๆ นอกจากคุณจะได้น้ำแล้ว คุณยังเอาน้ำตาลเข้าท้องไปอีกต่างหาก ! (หรือว่าคุณจะแกล้งทำเป็นไม่รู้อย่างงั้นหรือ)

แน่นอนว่า การที่คุณมองน้ำตาลไม่เห็น ไม่ได้แปลว่า มันไม่มี ! เหมือนกับอากาศนั่นน่ะหละ คุณไม่เห็นอากาศหรอก แต่ว่า จริงๆแล้ว อากาศมันมีอยู่รอบตัวเรายังไงล่ะครับ พวกน้ำหวานที่มาในรูปแบบเหมือนว่าจะดีต่อสุขภาพพวกนี้จะ “หลอกคุณ” ว่ามันดีต่อคุณอย่างงั้นอย่างงี้ แต่ว่า สุดท้ายแล้ว มันก็พ่วงด้วยปริมาณน้ำตาลเข้าสู่ร่างกายคุณ และ น้ำตาลหรือความหวานแบบมีพลังงานเหล่านั้น คุณไม่ต้องการ !

อาการติดหวานเป็นอาการที่ทำให้คุณหรือแม้กระทั่งผมเองคิดว่า มันจะเลิกได้อย่างไร ขอแถมสักหน่อยเป็น อาหารพิเศษๆ เพื่อให้เราหายอยากหวาน นิดหน่อยก็ยังดี แต่ผมขอย้ำอีกครั้งว่า อาหารหรือน้ำตาลเหล่านั้นคือพลังงาน ที่คุณมองไม่เห็น และคุณก็แกล้งทำเป็นไม่รับรู้ครับ แล้วคุณก็ยังไม่รู้หรอกว่า มันเหนื่อยแค่ไหน เพื่อที่จะทำให้พลังงานที่คุณได้แถมมากับความหวานที่คุณติดอยู่นั้น มันเป็นพลังงานเท่าไหร่ ถ้าหากว่าต้องออกกำลังกาย เพื่อเผาพลังงานเหล่านั้น มันต้องกินเวลา หรือเกิดความเหนื่อยยากต่อการออกกำลังกายมากน้อยเพียงใด

การปั่นแบบวัดพลังงงานด้วย heart rate จะทำให้คุณรู้คำตอบนี้ !

คุณลองมองไปที่กล่องนมกล่องหนึ่งที่ด้านหลังจะมีพิมพ์พลังงานเอาไว้ โดยปกติแล้วจะพิมพ์เอาไว้หราให้คุณเห็นว่า มันมีพลังงานทั้งหมด 280 kcal (ผมไม่ของอธิบายเพิ่มส่วนพลังงานที่มาจากไขมันและพลังงานที่มาจากรูปแบบอื่นๆแล้วกันน่ะครับ ตอนนี้ให้คุณคิดว่าทั้งหมดมันก็คือ พลังงานนั่นน่ะหละ) ถ้าหากว่าคุณปั่นจักรยานแล้ววัดพลังงานจากการดู monitor ที่วัดได้จากอัตราการเต้นหัวใจ ระหว่างการปั่นออกกำลังกายของคุณ คุณจะเห็นได้ว่า 280 kcal นี่ผมต้องปั่นจักรยานต่อเนื่องด้วยความเหนื่อยของหัวใจเต้น 130 ครั้งต่อนาที ค้างเอาไว้ที่ 25 นาทีถึงจะได้ประมาณ 280 kcal

ลองคิดดูซิครับว่า ถ้าหากว่าคุณเป็นพวกที่ออกกำลังกายเหลาะแหละไม่สม่ำเสมอยังคิดว่าต้องออกกำลังกายวันเว้นวัน ก็มากแล้ว เหมาะสมแล้วเพื่อการลดน้ำหนักแล้วล่ะก็ ผมบอกให้เลยว่าคุณคิดผิดแล้วล่ะครับ !  คนที่ออกกำลังกายเหลาะแหละจะคิดว่าการออกกำลังกายประมาณ 30 นาทีนั้นน่าจะเหมาะสมแล้ว แต่นั่นก็เท่ากับพลังงานแค่นมกล่อง 1 กล่องเท่านั้นนั่นเอง แปลว่า วิธีการที่ฉลาดกว่านั้น และคุ้มค่ากว่ามากๆนั่นก็คือ “การไม่กินนมกล่องนั้นเข้าปากหลังจากทานอาหารที่อิ่มแล้วยังไงล่ะครับ!”

การที่คุณจะไปปั่นจักรยานเกือบครึ่งชั่วโมง กับความสุขในการได้ดื่มน้ำอะไรพิเศษๆเข้าร่างกายไปอีกหน่อยแค่ไม่ถึง 1 นาทีมันต่างกันราวฟ้ากับดินระหว่างความสุขจากการบริโภคและความหฤโหดในการเผาพลังงานมันออกด้วยการออกกำลังกาย ถ้าหากว่าคุณรู้ว่าคุณกินอะไรเข้าไปเท่าไหร่แล้วจะกำจัดมันทั้งหมดจะต้องทำกิจกรรมออกกำลังกายนานเท่าไหร่แล้วล่ะก็ จะทำให้คุณรู้ว่า “การกินอะไรพิเศษๆ หรือกินของที่มีน้ำตาลที่เป็นพลังงานแฝงเข้าไปนั้น แบบไหนมันจะคุ้มค่ากว่ากัน”

คิดดูแล้วกันน่ะครับว่พฤติกรรมการกินแต่ก่อนผมก็คือ เมื่ออิ่มแล้ว ต้องเอาอาหารอะไรใส่ต่ออีกสักหน่อย ไม่ว่าจะเห็นขนมหวาน (พลังงานทะลุไม่ได้นับว่าเท่าไหร่) การกินน้ำหวานๆอีกสักแก้วหนึ่ง ชานมใส่น้ำตาลสักขวด  หรือ จะเป็นชาเขียว หรือน้ำผลไม้ที่ใส่น้ำตาลเอาไว้ให้แล้ว จะได้ไม่ดูน่ารังเกียจระหว่างกินและไม่รู้สึกผิด แย่ไปกว่านั้น ผมเลือกที่จะกินไส้กรอก หรือมีไอติมเก็บเอาไว้ที่บ้าน เพื่อความสะดวกในการเอาเข้าปากได้เมื่อเกิดความต้องการ (ย้ำว่าเมื่อเกิดความต้องการ ไม่ได้เกิดความจำเป็นน่ะครับ) พลังงานไร้สาระเหล่านี้จะทำให้คุณอ้วนถ้าหากว่าคุณเผาพลังงานต่อวันได้น้อยกว่าพลังงานที่เอาเข้าไปเหล่านี้ และ อ้วนมากขึ้นเรือ่ยๆ หากคุณยังคงไม่รู้ว่าอะไรเป็นเหตุผล และแนวความคิดที่ถูกต้องต่อการกินอาหารไร้สาระเหล่านี้มันคืออะไรกัน คุณไม่รู้ว่าการออกกำลังกายมันเป็นความโหดร้ายสักเท่าไหร่เมื่อเทียบกับความสบายจากการกินอาหาร หรือขนมส่วนเกิน ไร้สาระเหล่านี้ คุณก็จะไม่ว่ารู้หรอกว่า จะทำให้ตัวเองน้ำหนักลงด้วยการออกกำลังกายนั้นจะต้องทำอย่างไร

tips สำหรับวันนี้ : เพื่อความยากต่อการเติมอาหารส่วนเกินและน้ำไร้สาระได้ ให้คุณเดินไปกินขนมและน้ำเหล่านั้นเป็นครั้งสุดท้ายจากตู้เย็นของคุณ แม้ว่าจะกินมันไม่หมดก็ทิ้งมันไปเสีย และบอกกับตัวเองและคนอื่นๆว่า ไอติมแม็คนั่ม (260 kcal) น้ำชาเขียว นมหวานๆ (250 kcal) ไม่ต้องเอามาใส่ตู้เย็นอีกต่อไป คุณจะต้องลำบากออกเรือไปเพื่อที่จะได้ทานมันเท่านั้น อย่าให้มันสะดวกกับตัวคุณเองที่จะได้กินมัน แค่นี้ก็จะเป็นการลดอัตราในการเอาอาหารขนมและน้ำตาลไร้สาระเหล่านั้นเข้าสู่ร่างกายคุณแล้วล่ะครับ

คำค้นหาของคุณที่มาเจอหน้าเว็ปนี้:

  • ปั่นจักรยาน ลดน้ําหนัก
  • ปั่นจักรยานลดน้ําหนัก
  • ปั่นจักรยานลดความอ้วน
  • ปั่นจักรยานลดน้ำหนัก
  • ปั่นจักรยานลดต้นขา
  • ปั่นจักรยาน ลดต้นขา
  • ขี่จักรยาน ลดน้ําหนัก
  • ปั่นจักรยาน ลดความอ้วน
  • ปั่นจักรยาน ลดน้ำหนัก
  • การ ปั่น จักรยาน เพื่อ ลด น้ํา หนัก
Submit your comment

Please enter your name

Your name is required

Please enter a valid email address

An email address is required

Please enter your message

rackmanagerpro.com © 2024 All Rights Reserved

Rackmanagerpro.com all right reserved 2007 - 2019

Copyright by Rackmanagerpro.com

Content Creted by Rackmanagerpro.com