โควิดสิบเก้าทำให้โลกแบบสุดโต่งได้เกิดขึ้นแล้ว

ผมเป็นคนหนึ่งที่คิดว่า โอกาสการเกิดเหตุการณ์ที่รุนแรงไม่น่าจะเกิดขึ้นได้หรือถ้าหากว่ามันจะเกิดขึ้น มันก็น่าจะมีโอกาสได้น้อยเอามากๆ แต่รับรู้อยู่ในใจว่ามันมีเล็กน้อย แต่เมื่อมันเกิดก็จะให้ผลลัพธ์ที่รุนแรง เรียกได้ว่าเป็นแบบหน้ามือเป็นหลังเท้ากันเลยก็ว่าได้ ซึ่งเหตุการณ์การเกิดโรคระบาดในมนุษย์นี้ก็ถือได้ว่าเป็นเหตุการณ์อย่างหนึ่งที่มันได้เกิดขึ้นแล้ว และ มันส่งผลกระทบรุนแรงทั้งต่อสังคมและเศรษฐกิจอย่างไม่เคยพบเจอมาก่อนเรียกได้ว่า ทุกคนก็จะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เรื่องนี้มันหนักเอามากๆจริงๆ 

ทำไมกลับมามองคิดว่า .. เรื่องที่ไม่ได้เคยเกิดขึ้นอยู่ในพิสัยที่จะเกิดขึ้นได้แต่ส่งผลกระทบรุนแรงนั้น น่าจะยังมีอีกมาก และ มันก็จะมีเรื่องที่มีโอกาสเกิดได้น้อยเอามากๆ แต่เมื่อมันเกิดแล้ว มันก็คือเกิดขึ้นอย่างแน่นอน (เรื่องที่ผ่านมาแล้วนั้นย่อมทำให้ความน่าจะเป็นคือเท่ากับ 1 โดยไม่ต้องสงสัย) 

เหตุการณ์ที่เรามักจะได้ยินกับบ่อยๆว่ามันได้เกิดขึ้นหรือมีโอกาสเกิดขึ้นอยู่เป็นประจำเช่น 

  • การระเบิดของดวงอาทิตย์ที่ส่งผลทำให้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ารุนแรงกระทบมายังโลกของเรา 
  • การเกิดโรคระบาดในสัตว์มนุษย์ (เกิดขึ้นแล้วเช่นในยุคใหม่นี้ก็ตัวโควิดสิบเก้า) แต่เป็นแบบที่เราเรียกว่า Superbugs ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆและไม่สามารถหาทางป้องกันได้ในระยะยาว ลองจินตนาการว่าเป็นโควิดที่เปลี่ยนรูปร่างไปเรื่อยๆ และอยู่เป็นอมตะ ไม่มียาอะไรรักษาหรือป้องกันได้อีกต่อไป
  • การเกิดภาวะขาดแคลนอาหารอย่างรุนแรงด้วยเหตุผลของการระบาดของโรคพืชหรือสัตว์ทางเศรษฐกิจที่เป็นอาหาร หรือ สภาพแวดล้อมไม่เอื้อต่อการปลูกพืช
  • น้ำท่วมจากสภาพระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นทำให้ที่ดินให้อยู่อาศัยลดลงอย่างมากและรวดเร็ว
  • สภาวการณ์มุ่งชนของอุกกาบาดจากนอกโลกที่มีขนาดใหญ่เกินกว่าชั้นบรรยากาศจะเผาผลาญมันได้หมด และ เหลือมวลมากพอที่จะทำให้กระแทกกับพื้นโลก ยังก่อให้เกิดหมอกควันหนาเหมือนกับตอนยุคสูญพันธ์ของไดโนเสาร์
  • การเกิดสงครามนิวเครียร์จากประเทศต่างๆและยังผลทำให้เกิดสงครามโลกที่รุนแรง
  • การเข้ามาของสิ่งมีชีวิตต่างดาวที่มีวิวัฒนาการที่สูงกว่าเอามากๆเพื่อเข้ามาใช้พื้นที่และทรัพยากรของโลก

ที่ร่ายมาทั้งหมดนั้นน่าจะเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่จากประสบการณ์ได้รับการสื่อสารและมีโอกาสเกิดขึ้นมา โดยแท้ที่จริงแล้วยังมีเหตุการณ์รุนแรงและส่งผลกระทบแบบหน้ามือเป็นหลังเท้าอย่างนี้อีกมากที่เกินกว่าจะจินตนาการได้ เพราะ ความรู้ความเข้าใจ หรือแม้แต่จินตนาการนั้นเข้าไปไม่ถึงดินแดนแห่งนั้น ซึ่งโดยธรรมชาติแล้ว เราก็พบเห็นกันอยู่บ่อยๆว่าธรรมชาตินั้นได้สร้างกลไกอะไรเอาไว้ เกินกว่าที่เราจะนึกคิดได้เองจริงๆ โดยเฉพาะความรู้ในยุคหลังยุคอุตสาหกรรม เช่น พวกทฤษฎีควอนตัมและโลกของควอนตัมเป็นต้น เรารู้ลึกไปถึงระดับที่ว่า โลกนี้อาจจะสภาพการณ์ของการเป็นโลกคู่ขนาน และ พิสูจน์ได้ว่ามิติที่สูงกว่าที่เรารับรู้ได้นั้นมีอยู่จริง และ มีมากไปถึง 11 มิติจากทฤษฎีสตริง เรารู้และเข้าใจเรื่องพวกนี้ในระดับ utilize ปรากฏการณ์เหล่านี้อยู่แม้ว่มันจะไม่น่าเชื่อในมุมมองของคนทั่วไปได้เลย เช่น อนุภาคขนาดเล็กจัดพวกนี้มีสองสภาวะได้พร้อมกันในเวลาหนึ่งๆ ซึ่งหากมองเป็นสเกลที่ใหญ่ขึ้นมันก็คือ เราจะมีตัวตนได้มากกว่าแบบเดียวในเวลาหนึ่งๆ หรือ เรื่องที่ไม่น่าเชื่ออีกเช่น การสำเหนียงรู้ทำให้สถาวการณ์ที่มีหลากหลายนั้นกลับควบรวมเป็นสภาพวการณ์เดียวเพื่อสื่อว่าเป็น ความจริง ในโลกโลกหนึ่งของมิติหนึ่งๆ 

เอาเป็นว่าย่อหน้าตะกี้หากอ่านไม่เข้าใจก็ไม่แปลกอะไรหรอกสำหรับคนไม่เคยรู้มาก่อน เพราะมันเกินกว่าที่เราจะรู้ได้ว่ามันเป็นเรื่องปกติ เพราะยังไงซะ ต่อให้รู้ว่าอะไรเป็นอะไรในโลกระดับควอนตัม เราก็ยังแทบไม่เชื่อว่ามันเป็นไปได้อย่างงั้นจริงๆอยู่ดี แต่สำหรับนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมนั้น กลับเอาคุณลักษณ์ต่างๆเหล่านี้ออกมาใช้เพื่อสร้างประโยชน์กันแล้วได้จริงๆ เหมือนที่โลกเราได้ผ่านมันมาแล้ว ยกตัวอย่างเช่น เชื่อหรือเปล่าล่ะว่า เราสามารถส่งข้อมูลผ่านคลื่นวิทยุที่ไม่เห็นได้ในอากาศ และ ไม่สามารถรับรู้ได้ด้วยผัสสะของคนเราได้ และนั่นทำให้เราสามารถใช้ wifi และ มือถือได้ยังไงล่ะ ซึ่งเราเองก็ไม่เห็นอะไรมัน ไม่รับรู้ว่ามันมีอยู่ แต่เรากลับใช้งานสิ่งเหล่านี้ได้ และ เรียกสัมปทานกันด้วยโดยภาครัฐ 

ดังนั้นแล้ว โดยสรุป ความรู้ความเข้าใจต่อโลกนั้นไม่มีทางที่จะรู้ไปได้หมด และ ทำให้โอกาสการเกิดเรื่องอะไรก็ไม่รู้! ที่เรียกได้ว่าเกินกว่าจะหยั่งคิดได้ถึงนั้นและยังผลให้เกิดผลลัพธ์ที่รุนแรงมาก นั่นก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน แต่ว่ามันจะเกิดขึ้นตอนไหนหรือมันได้เกิดขึ้นไปแล้วก็ไม่รู้เหมือนกัน ซึ่งมันก็เป็นเหมือนกับโควิดสิบเก้านี่นั่นแหละ เพียงแต่ว่า เชื่อได้เลยว่า มันจะมีอะไรที่รุนแรงมากไปกว่านี้อีกมากและเราอาจจะต้องทำใจและรอรับชะตากรรมกันต่อไปก็แล้วกัน 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *