ผมมีประสบการณ์เป็นคนที่ดูแลหน้าเว็ป (Web Administrator) ของหน้า website ทั้งส่วนตัวและของบริษัทที่ดูแลอยู่ แล้วเว็ปทั้งหมดนั้นผมเลือกใช้เป็น CMS ของ WordPress เป็นหลักเพื่อความสะดวกในการปรับเปลี่ยนและตกแต่งหน้าเว็ป เรียกได้ว่า เดี๋ยวนี้คนที่หันมาทำ website ประเภท company profile website จะเลือกใช้ระบบจัดการข้อมูลตัวนี้กันเกือบทุกที่ เท่าที่เห็น และ พวกที่รับหน้าที่เป็น Freelance เองก็เลือกที่จะใช้ระบบนี้เช่นเดียวกัน เพราะส่งผ่านความรู้ในการจัดการต่อได้ค่อนข้างง่าย เพราะ มันมีหนังสือหนังหา คอร์สสอน กันในโลก internet เยอะแยะให้เลือกเรียนรู้กันเลยก็ว่าได้
กระบวนการหนึ่งในการใช้ WordPress เพื่อให้ได้หน้าตาของหน้าเว็ปด่วนทันใจและดูดี แบบไม่ต้องคิดมาก ก็คือ การเลือกซื้อ template หรือ wordpress theme มาใช้งานทันที เพราะ เราจะคิดออกว่า เราจะเอาเนื้อความอะไร หรือรูปภาพอะไรวางไว้ที่ไหน โดยมีการคิดกับธุรกิจเราเสียบเข้าไปแทนตัวอย่าง มันคิดเริ่มต้นสร้างเว็ปได้ง่ายกว่าการที่เราเริ่มต้นด้วยกระดาษเปล่า หรือหน้าเว็ปเปล่านั่นเอง ผมว่าเป็นวิธีการเริ่มต้นทำเว็ปที่เร็วและดีที่สุดเท่าที่เคยมีเลยก็ว่าได้ เพราะเลือกสร้างหน้าเว็ปจากกระดาษเปล่านั้นไม่ได้ให้ผลลัพธ์ออกมาดีเท่าไหร่ เพราะ คุณต้องรู้ตัวเองว่า คุณไม่ได้เป็นนักออกแบบหน้าเว็ปแต่อย่างใด และนอกจากนี้ ในการออกแบบเว็ปตอนนี้ เหมือนว่ามีมาตราฐานกำหนดกันแล้วว่า ปุ่ม อะไรอยู่ที่ไหน เช่น ปุ่ม Home หรือหน้าแรกต้องอยู่ด้านซ้ายบนสุด สำหรับแบบแถบ navigation ทั่วไป แนวนอน หรือ หน้า contact us (ติดต่อเรา) จะอยู่ด้านขวาสุด และ ด้านล่างสุดของหน้าแรกของหน้า homepage อะไรทำนองนี้ ซึ่งอย่างว่าล่ะครับ เราไม่ได้รู้หรอกว่าอะไรอยู่ที่ไหน แต่ว่าถ้าหากว่าคุณเลือก WordPress Theme มาใช้งานกันแล้วล่ะก็ ! เรื่องนี้เหมือนมันมี guide แสดงเอาไว้แล้ว แค่เราเปลี่ยนภาษาเป็นไทยในทุกๆข้อความเท่านั้นก็เสร็จแล้วล่ะครับ ง่ายนิดเดียว !
ทีนี้ WordPress Theme ที่มีขายกัน เราจะเรียกในตลาดว่า WordPress Premium Theme ที่คุณจะต้องเสียเงินตั้งแต่ 20 เหรียญสหรัฐฯ ไล่ไปถึง 199 USD ก็มีแล้วแต่ว่าคนสร้างจะกำหนดราคากันอย่างไร กับน้ำพักน้ำแรงที่ลงไปทั้งหมด และน้ำแรงส่วนที่เหลือที่ต้องดูแล theme ทำการ update version ของ WordPress Theme ต่อไปอีกด้วย นั่นก็เป็นแค่เหตุผลหนึ่งเท่านั้นแต่ว่า บทความนี้อยากจะเล่าทีละประเด็นว่า ถ้าหากว่าคุณ จะเลือกใช้ WordPress Theme ต้องซื้อ License เท่านั้น ! ด้วยเหตุผลอะไรกันบ้างล่ะไปดูเป็นรายข้อต่อไปนี้กันเลย
WordPress มีการ update ตลอดเวลา และคุณจำเป็นต้อง update ด้วย
เนื่องด้วยระบบ content managing system (CMS) แบบ WordPress นี้มีการแสดง code ให้เห็น เพราะว่า เป็นการ download มาใช้งานโดยการเอาไปฝากไว้กับ Web Hosting ใดก็ได้ทำให้แปลว่า คนที่สนใจอยากรู้ว่า ด้านหลังด้านหน้ามันมี code อะไรอย่างไร สามารถเข้าไปที่ดูได้ แน่นอนว่าไม่ได้ว่าทุกคนจะเป็นคนดีทั้งหมด คนที่ไม่ดี ที่อยากจะเอา malware เพื่อการโฆษณาไปฝังไว้หน้าเว็ปคนอื่นที่ใช้ WordPress ก็จะคอยดูช่องว่างของโค้ดเหล่านี้ด้วยเช่นเดียวกัน ในทางกลับกันคนดีก็ทำหน้าที่เหล่านี้ด้วย แต่ว่าคนดีจะแจ้ง bug เหล่านี้ไปที่ส่วนกลาง หรือทีมที่ทำ code ของ WordPress เพื่อทำการปรับปรงรูรั่วของ code เหล่านั้นให้เกิดความปลอดภัยมากกว่าเดิม โดยที่คนที่ดีๆเค้าก็จะไม่หาผลประโยชน์ในการใช้ช่องว่างที่เจอไปในทางไม่ดีหรือทางที่ทำให้คนอื่นเค้าเดือดร้อนกันแต่อย่างใด ต่อมาเมื่อทางเจ้าหน้าที่ทีมงานที่เค้าทำหน้าที่ปรับปรุง code ของ WordPress เรียบร้อยแล้วก็จะมีการประกาศอัพเดท WordPress version ให้เป็นเวอร์ชั่นใหม่และ แน่นอน มันก็จะบอกว่าด้วยว่ารูรั่วที่มีการเปลี่ยนแปลงหรืออุดรูไปคืออะไร เพราะเป็นการเทียบโค้ดระหว่างรุ่นกันเท่านั้น แปลว่า เหมือนเป็นการประกาศให้คนร้ายได้รู้อยู่รำไรว่า เวอร์ชั่นเก่ามันมีรูอะไรเกิดขึ้นและรูนั้นมันมีผลต่อความปลอดภัยคุณสามารถเอาช่องโหว่นี้ไปเล่นของได้ เรียกว่าได้ ถ้าหากว่าคุณ update version กันไม่ทันหรือว่าคุณเล่นไม่ได้ update version ของ WordPress เลยเนี่ยะ ทำให้เกิดความเสี่ยงที่ว่า คนร้ายหรือพวก hacker พวกนี้จะใช้ความแตกต่างของ version และรูรั่วที่ประกาศให้ทราบออกมาแล้วก็จะสามารถเข้าโจมตีหน้าเว็ป WordPress ที่เป็นเวอร์ชั่นเก่าได้นั่นเอง
ในทางกลับกันหน้าที่ของคนที่ดูแลหน้า website เพื่อให้ปลอดภัยและ ดูแลเรื่องเนื้อหาต่างๆเพื่อให้การใช้งานของคนที่เข้ามาเจอหน้าเว็ปเห็นเว็ปเป็นปกติและปลอดภัยเมื่อเข้าเยี่ยมหน้าเว็ปเหล่านี้ จะต้องทำการติดตาม update version ของ WordPress เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่คุณไม่จำเป็นต้องเสี่ยงได้ไม่ยาก แค่ติดตามและ update เท่านั้น แต่มันก็จะมีเรื่องตามมาคือ “WordPress Theme” ที่คุณใช้อยู่จะต้อง compatible หรือมีความเข้ากันได้กับ WordPress เวอร์ชั่นใหม่ที่คุณเพิ่งลงด้วยเช่นเดียวกัน นั่นก็แปลว่า ถ้าหากว่าคุณเลือกใช้ของ copy หรือ wordpress theme แบบเถื่อนมา คุณจะไม่ได้รับการ update ของคนสร้าง WordPress theme เหล่านั้นแต่อย่างใด และ ก่อให้เกิดความเสี่ยงทางด้านความปลอดภัยตามมา
ความเสี่ยงที่ว่านี้มีผลกระทบแค่ไหน !?
มันมีผลกระทบมากถึงมากที่สุด ถ้าหากว่าหน้าเว็ปของคุณเป็นหน้าเว็ปหลักที่คุณใช้ทำมาหากัน เช่น คุณไปใช้หน้าเว็ปนี้เพื่อเรียกคนเข้ามาติดต่อเราที่บริษัทด้วยคำค้นหาทำเงินของคุณ เพราะถ้าหากว่าหน้าเว็ปคุณไม่ปลอดภัยต่อการเข้าถึงแล้วล่ะก็ คนที่จะเล่นคุณไม่ได้เป็นเจ้านาย หรือเจ้าของบริษัทที่คุณไปดูแลหน้าเว็ปให้เค้าหรอก แต่ว่าเป็น Google ต่างหากที่จะเล่นงานคุณ ! เพราะ Google ต้องการให้คนที่ใช้งาน internet และค้นหาหน้าเว็ปผ่านทาง Google search ต้องปลอดภัยเท่านั้น หรือ ซ้ำร้ายไปกว่านั้นแค่จะเข้าหน้าเว็ปผ่านทาง Google Chrome ก็จะมีแจ้งเตือนแล้วว่า เว็ปนี้ไม่ปลอดภัย ให้ออกจากหน้าเว็ปนี้ทันที อะไรทำนองนี้ ซ้ำร้ายของร้ายที่สุดแล้วการที่คุณทำอันดับดี ผ่านทาง Google Search ด้วยคำค้นหาทำเงินของคุณจะโดนลดอันดับลงอย่างรวดเร็วในระยะเวลาอันสั้น พร้อมทั้งมีจดหมายเตือนผ่านทาง Google Webmaster Tools บอกว่าเว็ปคุณติดไวรัสอะไรเทือกนั้น และนั่นคือ การทำสูญเสียครั้งใหญ่ของการมี website online เพื่อการหากินกันเลยทีเดียว !
ความเสี่ยงที่ว่านี้จะลดลงไปได้ ถ้าหากว่าคุณไม่ได้ hosting กับผู้ให้บริการรายใหญ่สุดๆ เช่น bluehost หรือ hostgator ที่เป็นที่หมายปองของนัก hack ต่างๆ เพราะถ้าหากว่าเอา malware ไปปล่อยกับ website ที่ hosting บนเว็ปพวกนี้ได้แค่ 1% ของเว็ปทั้งหมด แปลว่าจะมี website หลายแสนหลายร้านเว็ปติด malware เข้าไปและทำการส่ง malware เหล่านั้นไปยังคนที่เข้าหน้าเว็ปอีกต่อหนึ่งนั่นเอง แปลว่า มีความเป็นไปได้มากขึ้นหากคุณ host กับ Hosting service รายยักษ์เหล่านี้ แล้วคุณไม่มีความรู้ในการป้องกันตัวเอง หรือการ backup หน้าเว็ปไซท์อย่างเพียงพอ อาจจะทำให้คุณถึงกับล่มจมกันได้เลย แล้วถ้าหากว่าจะแนะนำ hosting ผมแนะนำว่าให้เลือก ipage.com หรือว่า fatcow.com ถ้าหากว่าจะเลือกระหว่างสองตัวนี้อีก จะเลือกเป็น ipage.com เอาไว้ก่อน เพราะว่ามันถูกกว่านิดหน่อยน่ะครับ แค่เดือนละ 60 บาทเท่านั้นเอง ก็มี website ที่เราจัดการอะไรต่อมิอะไรเองได้แล้วทั้งหมด
สาเหตุที่ถ้าหากว่าผมจะ host กับ website ต่างประเทศพวกนี้มีด้วยกันอยู่แค่ สองประเด็นคือ เพราะ web hosting service พวกนี้ไม่ได้มีคนเยอะแยะอะไรสักเท่าไหร่และ มีระบบการติดตั้ง Website WordPress แบบแค่กดปุ่มเดียวก็ติดตั้งทั้งหมดแล้ว และ เป็น Hosting ที่ผมเคยใช้งานมาก่อนแล้ว ก่อนที่จะย้ายไปอยู่ที่ Bluehost.com แต่ว่า ผมเลือกที่จะเลิกกับ Bluehost แล้วก็เพราะว่ามันผ่านประสบการณ์อันเลวร้ายอย่างที่ผมบอกไว้เรื่องการโดนของใน Host ที่มีคนเยอะมากๆแบบนี้นั่นเองเหมือนเคยเป็นข่าวในออกโทรทัศน์ในสหรัฐกันเลยก็ว่าได้ อ่าน ข่าวเกี่ยวกับการที่ Bluehost แล้วใช้ WordPress โดน Hack แบบสุดๆกันได้
WordPress Theme Free แบบเถื่อนมี virus หรือ malware script ฝังมาด้วย
การที่คุณใช้ของเถื่อน และคนทำของเถื่อนมาเพื่อขายคุณ หรือให้ดาวน์โหลดนั้นเกือบจะอยู่เหตุผลเดียว คือ เค้าได้เงินจากคุณไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง เช่น ถ้าหากว่าคุณไม่ได้ซื้อมันมา มันก็จะต้องยัดโฆษณามาส่วนไหนส่วนหนึ่งโดยที่คุณอาจจะไม่รู้ตัวหรือรู้ตัวก็ได้ ถ้าหากว่าเป็น WordPress Premium Theme ฟรี แบบดาวน์โหลดเถื่อนแล้วล่ะก็เรียกได้ว่า มันฝัง malware code มาไว้ที่ไหน คุณเองก็มองไม่ออกหรอก เพราะ คนทำเรื่องพวกนี้เค้ารู้อยู่แล้วล่ะว่าถ้าหากว่าคุณเลือกใช้ของ WordPress Premium Theme แบบ download ฟรีเถื่อนๆใต้ดินเอาแบบนี้เนี่ยะ แสดงว่า คุณไม่มีความรู้เพียงพอ ที่จะรู้เรื่องที่ผมเล่าให้ฟังเนื้อหานี้ยังไงล่ะ ! และสุดท้ายก็ต้องตกเป็นเหยื่อให้กับ Malware และ Hacker ฉลาดๆพวกนี้ในที่สุด เอาเป็นว่าไม่แนะนำให้ download ของเถื่อนเหล่านี้เพื่อเอามาทำมาหากินเป็นแน่แท้น่ะครับ เพราะ ไหนๆจะทำ website แล้ว ก็ขอให้ลงทุนเสียหน่อยน่าจะดีกว่าครับ คุ้มค่ากว่ากันมากเลยทีเดียวเชียวแหละ
การใช้งาน WordPress Premium Theme จำเป็นต้องการ support จากคนทำ
WordPress Premium Theme นั้นจำเป็นอย่างมากระหว่างตอนที่คุณเพิ่งเริ่มใช้ใหม่ๆ เพื่อที่จะให้ปรับแต่งตามใจของคุณ คุณจำเป็นจะต้องได้รับเอกสาร หรือหน้า weblink วิดีโอการสอนว่าจะใช้อะไรอย่างไร เพื่อให้คุณติดตั้งและใช้งาน theme พิเศษที่สร้างมานั้นได้รวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลางมและทดลอง ต้องบอกเสียก่อนว่า แต่ละ WordPress Theme นั้น มันจะมีความแตกต่างกันมากแล้วแต่ว่าผู้ออกแบบ WordPress Premium Theme เหล่านั้นว่า ทำ User interface ส่วนของการปรับแต่งได้ดีแค่ไหน และแต่ละ theme ก็จะให้การตั้งค่า และ settings รวมทั้งวิธีการใช้งานไม่เหมือนกัน เรียกได้ว่าต้องมาเรียนรู้กันทุกอันก็ว่าได้ เพราะงั้นแล้ว ถ้าหากว่าคุณไม่สามารถเรียนรู้การใช้งานมันได้ผ่านทาง user manual หรือ forum แล้วล่ะก็เหนื่อยเปล่าๆกับการพยายามใช้ theme ปลอมพวกนั้นครับ แน่นอนว่าถ้าหากว่าคุณโหลด bit torrent เพื่อให้ได้ WordPress Premium Theme เถื่อนเหล่านี้มา คุณจะไม่ได้คู่มือการตั้งค่าการใช้งานต่างๆมา ไม่ได้การ support update และไม่ได้คน support อีกต่างหาก ไม่คุ้มเอามากๆเลยล่ะครับ
แหล่งรวม WordPress Premium Theme ที่นักออกแบบมารวมตัวกันมากที่สุด
เนื่องจากผมจะเน้นว่าการซื้อ WordPress Premium Theme นั้นจะต้องเลือกซื้อและเงินจะต้องถึงคนที่เค้าสร้างและออกแบบ WordPress theme นั้นด้วยไม่ใช่เป็นขายช่วง หรือ โดนหลอกขาย(เหมือนกับว่าเราไปซื้อแผ่นผีรวม WordPress Theme ที่หน้าร้านในพันธ์ทิพย์พลาซ่าอะไรแบบนั้นเงินมันไม่ได้ถึงคนสร้าง Theme แต่อย่างใด) แนะนำว่าให้ซื้อผ่านทางตลาดซื้อขาย WordPress Theme จริงจังในโลก online ผ่านทาง Themeforest.com โดยถ้าหากว่าจะเลือก WordPress Premium Theme ให้เลือกด้วยว่า theme นั้นมีการซื้อแล้วทั้งหมดกี่ครั้ง ถ้าหากว่ายิ่งเยอะแปลว่า ผู้สร้างรายนั้นจะต้องรับผิดชอบเยอะคนเอามากๆ และ เหมือนว่าจะมีแรงจูงใจมาก เพื่อทำการ update maintain ธีมเวริ์ดเพรสของตัวเองเอาไว้ในระบบให้ได้นานที่สุด เท่าที่มันยังจะทำงานทำเงินให้กับผู้สร้างได้เพิ่มเติม อีกวิธีการเลือกที่ผมใช้ก็คือดู rating review ว่าได้มากกว่าสีดาวหรือไม่ หากว่าได้ตำกว่านั้นแปลว่า น่าจะได้รับความพึงพอใจในการใช้งาน theme นั้นน้อยหน่อย เราก็แค่ไม่เลือกซื้อ theme นั้นมาใช้ก็เท่านั้นเองครับ
Freemium WordPress Theme ดีๆ ก็มีนี่ทำไมไม่เลือกมาใช้ล่ะ ?
คุณอาจจะแปลกใจว่าทำไมถึงไม่เลือกใช้ Free WordPress theme แล้วยังจะต้องเลือกใช้ WordPress Premium Theme แทน แน่นอนว่า ประเด็นหลักที่ไม่เลือกของ Free ก็เพราะว่า “มันไม่หรูหราถูกใจ” และ ปกติแล้วของฟรีจะต้องมีอะไรแอบแฝงเอาไว้ อยู่ เช่น มีการกำหนดว่าจะต้องมีส่ง link ด้านล่างสุดแสดงเอาไว้ว่าเป็น Theme อะไรของใคร ถ้าหากว่าคนสนใจที่จะดูรายละเอียดสามารถกดออกจาหน้า website เราไปยังหน้า website คนทำ WordPress Theme นี้ได้ เรียกว่า กว่าเราจะเรียกคนเข้ามาเพื่อให้สนใจหน้า website หรือเนื้อหาของเราแต่ว่ากลับต้องเสีย traffic กับเรื่องไร้สาระ กดไปดู theme ว่าเราใช้ theme อะไรและเข้าไปที่หน้าเว็ปของคนทำซะอย่างงั้นแทน นอกจากนี้ ถ้าหากว่าคุณเลือกใช้ของ Free การ support ใดๆจะไม่มีหรือถ้าหากว่ามี ก็จะมีด้วย community เป็นหลัก เรียกว่า อาจจะไม่ได้การดูแลแก้ปัญหาสักเท่าไหร่ ไม่คุ้มเอามากๆถ้าหากว่าคุณต้องดูแลหน้า website หลายหน้าและ ต้องเจอปัญหาแบบโดนปล่อยเกาะให้เคว้งคว้างเหมือนหลงทางกลางป่าแบบนี้
ทั้งนี้สรุปแล้วว่าถ้าหากว่าคุณจะใช้งาน WordPress เป็นอุปกรณ์หลังในการจัดการเนื้อหาของ website คุณแล้วล่ะก็ ให้เลือกใช้ WordPress Theme พรีเมี่ยมที่มีการจ่ายเงินไปยังผู้สร้าง WordPress Premium Theme เหล่านั้นด้วย เพราะว่ามันคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้มเสียอีก ขอให้คิดแบบนี้ดีกว่าว่า ก็เพราะว่าเราได้ download WordPress หลักมาแล้วฟรี ! แล้วจะเสียเงินเพื่อให้มันใช้งานได้อย่างที่เราต้องการด้วยเงินอีกประมาณ 2000 – 4000 บาท (แล้วแต่ theme) อีกหน่อยน่าจะคุ้มค่าเอามากๆแล้วจริงหรือเปล่าล่ะครับ ?