rackmanagerpro.com

เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไรกับสถานการณ์โควิดสิบเก้าที่เหมือนจะดีมาตลอดแต่ดีแยกในระรอกสามนี้

ถ้าหากว่า คุณมองย้อนกลับไป ตั้งแต่การระบาดระรอกแรกสุด และ ระรอกสอง เราก็พบว่า เหมือนประเทศไทยเป็นประเทศที่สามารถจัดการการป้องกันการระบาดเชื้อโควิดสิบเก้าได้เป็นอย่างดี และ มันก็ดีจริงๆ ถึงระดับที่นานาประเทศนั้น ยกประเทศไทยเป็นตัวอย่าง และ ได้รับการยอมรับในระดับโลก .. แต่นั้นก็เป็นได้จำเพาะช่วงแรกของการระบาดเท่านั้นที่แต่ละประเทศได้รับผลกระทบ และ เกิดการระบาดแบบรุนแรงไปเลยในการระบาดระรอกแรกๆ เช่น อังกฤษ หรืออิตาลี เป็นต้น ประเทศเหล่านั้น ไม่สามารถป้องกันการระบาดได้ตั้งแต่แรก ทำให้ได้รับผลกระทบจากการเสียชีวิตและ การล็อคดาวน์เป็นระยะเวลายาวนานตั้งแต่มีการระบาดกันเลยก็ว่าได้ 

แล้วถ้าหากว่าเราทำได้ดีจริงๆ ทำไมเรามาถึงจุดนี้กันได้ยังไงกัน 

มันมีเหตุผลหลักๆ ว่าทำไมเราโชคไม่ดีที่เดินทางมาถึงจุดที่มีการระบาดที่รุนแรง ซึ่งแท้ที่จริงแล้วก็ไม่ได้แปลกอะไร เพราะ แต่ละประเทศจะต้องได้เคยลิ้นลองรสชาติแล้วสภาวการณ์ระบาดรุนแรงนี้อย่างแน่นอน เว้นแต่ประเทศที่ยังคงยื้อต่อไปได้ เช่นประเทศที่ประชากรไม่มากและเป็นหมู่เกาะ ที่ป้องกันการเข้าออกของคนประเทศภายนอกได้ง่าย อาทิ นิวซีแลนด์ เป็นต้น 

เรามักจะเทียบกับประเทศไทยกับประเทศอื่นๆได้เปรียบในการได้รับวัคซีนที่แยกออกมาเป็นจำพวกได้ดังต่อไปนี้

1. ประเทศที่มีประชากรน้อยมากๆ ทำให้สามารถจัดหาซื้อวัคซีนเพื่ออัดเข้าประชากรได้ในสัดส่วนสูงมากได้ง่ายๆ เพราะ มีเงินมากเพียงพอสำหรับการจัดซื้อเหล่านั้นทันทีตั้งแต่มีการระบาดของโรค โดยไม่ต้องมองเรื่องราคาหรือกฏเกณฑ์ในประเทศสะดวกในการสั่งได้ทุกแบบ เพื่อประชากรของตนเองในประเทศนั้นได้วัคซีนเป็นสำคัญ​

2. ประเทศที่ีมีประชากรน้อยและเข้าร่วมโครงการที่ได้รับการบริจาควัคซีน เช่น ประเทศลาว ที่คนมีตน้อยกว่าประชากรของกทม.เสียอีก และ เขาเหล่านั้นก็ไม่มีเงินเพพียงพอเพื่อซื้อวัคซีนให้กับประชากรนประเทศของตนเอง ทำให้ต้องรอรับบริจาค และเขาก็โชคดีได้รับการบริจาค จากประเทศที่เป็นจ้าวโลกหรือผลิตวัคซีนได้ล้นเหลือมากกว่าประชากรในประเทศของตนเอง 

3. ประเทศที่เป็นมหาอำนาจคือชาติอเมริกาและจีน ซึ่งเขาสามารถผลิตวัคซีนเองได้ และ ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องส่งวัคซีนไปให้ประเทศไหน หากว่าเขายังจำเป็นต้องใช้อยู่ เรียกได้ว่า กลุ่ม ประเทศเหล่านี้เป็นประเทศที่ อาวุธครบมือ และเป็นผู้เล่นที่ควรได้รับวัคซีนทั้งประเทศหรือในสัดส่วนที่สูงมากด้วยเวลาอันรวดเร็ว

4. ประเทศที่ร่ำรวยมากต่อหัวประชากรต่อคน เช่น ประเทศต่างๆใน EAU พวกอาหรับที่ทุกคนได้เงินจากการขายน้ำมันและลงทุนเป็นเจ้าของบริษัททำเงินระดับโลกมากมาย ประเทศเหล่านี้ จะสามารถใช้เงินต่อหัวประชากรเพื่อซื้อวัคซีนได้เท่าที่ตนต้องการ เพื่อให้เพียงพอกับประชากรที่ก็ไม่ได้มากอะไร ทำให้เขาเหล่านั้นได้รับวัคซีนที่เร็วและดีในเวลาอันสั้นได้เป็นต้น 

แล้วประเทศไทยเราอยู่ตรงไหนของห่วงโซ่อาหาร supply chain ของการได้รับวัคซีนกันล่ะ ? 

ถ้าหากว่าสังเกตดีๆ เราไม่ได้เข้าข่ายเงื่อนไขทั้งหมดที่ได้กล่าวมาข้างต้น ประชากรเราไม่ได้น้อยนิดเหมือนบางประเทศ และ รายได้ต่อประชารก็ไม่ได้มากเหมือนประเทศอื่นๆในกลุ่มที่กล่าวมา ไม่ได้เป็นเจ้าของเทคโนโลยี และ ไร้ซึ่งอำนาจในการผลิต หรือต่อรองใดๆ ทั้งอำนาจรัฐศาสตร์ และ อำนาจเชิงเศรษฐศาสตร์ก็ว่าได้ เรียกว่า มันไม่ได้ลงตัวเข้ากับกลุ่มประเทศที่จะได้รับโอกาสรอดจากการได้รับวัคซีนไวและดีได้เลยก็ว่าได้ 

เรามาถึงจุดนี้ได้ด้วยโชคดีต่อที่หนึ่ง : ที่เราตัดสินใจเอาวัคซีนจากคนที่ศึกษาไวรัสได้รายแรกๆของโลกนั่นคือวัคซีนจีน 

แต่โชคยังดีอย่างหนึ่งว่า ประเทศไทยนั้นเป็นประเทศที่มีความสัมพันธ์อันดีเชิงรัฐกับประเทศจีน ถ้าหากว่า สังเกตดีๆ เป็นประเทศที่เราพึ่งพิงได้และเขาเป็นมหาอำนาจของโลกอยู่ ซึ่งเรารู้กันอยู่ก็มีเพียงจีนและอเมริกา เท่านั้นเองจากมุมมองของคนทั่วไปที่บอกได้เต็มปากเต็มคำว่า เป็นมหาอำนาจทั้งเศรษฐกิจและเทคโนโลยี (และการผลิตด้วยสำหรับประเทศจีน) รัฐจีนต่างหากถึงเป็นมิตรแท้ยามยากได้สำหรับรัฐไทยยังไงอย่างงั้น ทำให้เรามองว่า ถ้าหากว่า เราได้วัคซีนจาก “รายแรกที่ผลิตและรู้เหตุปัจจัยประเทศแรกของโลก” ก็น่าจะได้วัคซีนที่ดีอย่างงั้นไม่ใช่หรือไม่ ? การคิดแบบนี้ เหมือนว่าจะเป็นการคิดที่ถูกต้องเหมาะสมกับสถานการณ์การดิววัคซีนที่ระบาดตั้งแต่แรกแล้ว เรียกได้ว่า มันจะเป็นการตัดสินใจที่พลาดไปได้ยังไง เราไม่รู้หรอกว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น และ เราคาดหวังว่าวัคซีนนี้น่าจะต้านการกลายพันธ์ไปได้ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องจริง การกลายพันธ์นั้นมันจะเกิิด และ มันก็ยังให้ผลได้ดีต่อสายพันธ์อื่นๆมากมาย เว้นแต่เดลต้า ที่มันเปลี่ยนแปลงตัวเองไปมากเหลือเกินเกินกว่า วัคซีนที่พัฒนาโดยชุดไวรัสแรกสุดที่ไม่ได้รับการ update มาจะต้านทานเอาไว้ได้ 

แนวคิดนี้ไม่ได้มีแต่ประเทศไทยประเทศเดียวหรอกที่คิดว่า ถ้าหากว่า คนที่เข้าถึงข้อมูลไวรัสได้เร็วกว่าประเทศอื่นๆ และ อยู่ที่หน้างาน จะเข้าใจและ ปรับปรุงวัคซีนออกมาได้ดีกว่านั้น ประเทศอื่นๆที่คิดแบบนี้ก็เช่นกลุ่ม EAU ที่ถือได้ว่าเขามีตัวเลือกที่จะเลือกใช้จ่ายเงินเพื่อนำเอาวัคซีนจากประเทศไหนก็ได้เพื่อเอามาฉีดให้ประชากรในประเทศของตน ดังนั้นแล้ว การเลือกวัคซีนจากประเทศจีน ไม่ได้เป็นการตัดสินใจที่โดดเดี่ยว และ ไร้เหตุผลอะไร ที่เหลือ มันเป็นเพียงโชคที่ไม่ดีต่อกันเป็นสภาพต่อเนื่องที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ เมื่อเวลาเปลี่ยนแปลง 

เรามาถึงจุดนี้ได้ด้วยโชคดีต่อที่สอง : เรามีโรงงานผลิตยาที่มีคุณภาพระดับดีเยี่ยมและสามารถผลิตวัคซีนได้ในประเทศไทย อย่างที่ประเทศอื่นๆจะต้องอิจฉา! 

อย่างที่เรารู้กันดีและจริงๆแล้วตอนนั้นถือได้ว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก! ที่ประเทศไทย เรามีโรงงานเพื่อการผลิตวัคซีนพร้อมสรรพ ส่วนตัวได้มีโอกาสได้คุยกับคนที่ทำงานในโรงงานดังกล่าวและเวลานั้นวัคซีนแอสตร้าเซเนาก้าก็กำลังผ่องถ่ายความรู้ในการผลิต Know How การผลิตเพื่อให้โรงงานในประเทศไทยแห่งนี้สามารถผลิตวัคซีนแอสตร้าเซเนาก้าออกมาได้ ไม่ต้องพึ่งพาการผลิตจากประเทศอื่นๆอีก และ ไม่ต้องในกระบวนการขนส่งวัคซีนจากต่างประเทศใดๆเลยก็ว่าได้ และ คาดการณ์อัตราการผลิตนั้นน่าจะเพียงพอ และ มากพอต่อความต้องการในระยะเวลาอันสั้นได้อีกต่างหาก … ใช่แล้ว มันจะเป็นอะไรที่ลงตัว เหมือนกับได้มีการเตรียมตัวอะไรเอาไว้แล้วยังไงอย่างงั้นเลยก็ว่าได้ และนั่นเป็นที่มาของวาทกรรม เรื่องของการแทงม้าตัวเดียว ! ซึ่งไม่จริงหรอก เพราะ รัฐแทงเอาไว้แล้วสองตัวต่างหาก มันไม่ใช่การแทงม้าตัวเดียวอะไรเลยแม้แต่น้อย เราถือได้ว่า เรามีทางเลือกอื่นสำรองเอาไว้หมดแล้ว เกินจำเป็น และเผื่อเอาไว้แล้วนั่นเอง ใช่สิ มันต้องใช่แน่ๆ ณ เวลานั้นที่มีการตัดสินใจไม่สามารถคิดอย่างมีเหตุผลให้เป็นแบบอื่นไปได้เลยแม้แต่น้อย 

และนั่นเห็นเหตุผลอันชอบธรรมว่าการคิดว่าไม่เอาวัคซีนบริจาคนั้นคือเรื่องที่ถูกต้องแล้วและไม่มีหรอกที่เจ้าหน้าที่รัฐคนไหนจะกล้าเข้าโครงการ COVAX 

ถ้าหากว่า คุณเป็นรัฐบาลที่คิดอย่างมีเหตุผลและมีคนเก่งที่ีมีตรรกะที่ดีรุมล้อมแล้ว ณ สถานการณ์การตัดสินใจที่ได้เกิดขึ้นไปแล้วว่า เราได้รับวัคซีนจากจีนที่เป็นคนผลิตวัคซีนรายแรกๆและมีการระดมฉีดในประเทศจีนมาแล้ว ซึ่งมันก็ดีแน่ๆ และ ยังมีวัคซีนหลักที่หวังพึ่งพาได้แน่นอน เพราะ มันผลิตในประเทศไทยนี่เอง พร้อมทั้งคาดการณ์การผลิตได้มากอีกด้วย มันจะมีเหตุผลอะไรที่จะต้องอยากได้ของฟรีจากโครงการรับบริจาควัคซีนด้วยล่ะ เพราะ ถ้าหากว่าอยากจะได้วัคซีนจากการบริจาค จะเป็นกระบวนการสั่งซื้อภาครัฐแบบที่มีไม่เคยมีมาก่อนในสาระบบการจัดซื้อในไทยเลยก็ว่าได้ คือ การสั่งซื้อมัดจำแบบที่ไม่ยืนยันว่าจะได้ของหรือคืนเงินมัดจำได้ และ ไร้ซึ่งวันกำหนดการได้รับของ ! ลองคิดดูดีๆ ถ้าหากว่า คุณจะเลือกซื้อของที่คุณต้องการใช้ในเวลาอันสั้นเช่น ยาอะไรสักอย่างแล้ว คนเสนอบอกว่า ให้คุณจ่ายเงินมาก่อนนะ แล้วก็ไม่แน่ว่าจะได้ของหรือเปล่า หรือได้เมืื่อไหร่ก็ไม่รู้ หรือ ถ้าหากว่าไม่ได้ก็เดี๋ยวคืนเงินก็แล้วกันนะ แต่สัญญาแหละว่า ถ้าหากว่าได้คินเป็นเงินก็ให้ยาเท่าที่ยอดที่มัดจำมาในที่สุดแต่อาจจะเป็นอีกสองปีข้างหน้าก็ได้นะ .. นั่นคือดิวที่เกิดขึ้นสำหรับโครงกาณโคแว็คนี้ ซ้ำร้ายไปกว่านั้นหากว่าไม่ได้ของคนที่เซ็นอนุมัติสั่งจะต้องโทษคดีอาญา ! ทั้งๆที่ไม่ได้เป็นความผิดอะไรของผู้ซื้อเลยแม้แต่น้อย และนั่นแปลว่า ถ้าหากว่า คนที่อยากจะเข้าโครงการโคแว็คเป็นคนไทยและเป็นราชการระดับสูงแล้ว ใครล่ะ จะกล้า ! ที่เอาตัวเองไปเสี่ยงกับหน้าที่การงานที่สั่งสมมาตั้งแต่วัยหนุ่มสาว กว่าจะได้ก้าวย่างมาระดับนี้ เพื่อเสี่ยงเอาอาชีพการงานของตนเป็นเดิมพันกับการได้มาของวัคซีนอีกไม่มากนัก แถมดิวอื่นๆก็มีแล้วอีกต่างหาก ดังนั้นแล้ว … ไม่มีเหตุผลอะไรด้วยประการทั้งหมดที่ดิวการขอรับบริจาคจากโคแว็คจะเกิดขึ้นได้ คุณเชื่อหรือเปล่าว่า ต่อให้เป็นคุณไปนั่งเก้าอี้ที่ตัดสินใจเหล่านั้น คุณจะตัดสินใจแบบเดียวกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วอย่างเลี่ยงไม่ได้เลยก็ว่าได้ เว้นคนบ้าเท่านั้นที่กล้าและโง่เพียงพอที่จะเสี่ยงอะไรแบบนั้น 

เอาล่ะ … ทุกอย่างลงตัวพร้อมรับกับแรงกระแทกของเหตุการณ์ต่อเนื่องที่เกิดขึ้นกันแล้ว !

และแล้วสถานการณ์ก็เปลี่ยนแปลงไปตามเวลาด้วยเหตุผลต่อเนื่อง เรามีเหตุผลมากมายเพียงพอเพื่อยืนยันได้ว่า การตัดสินใจทั้งหมดถูกต้องและเกิดจากตรรกะได้สมบูรณ์แบบมากๆ แบบไร้ความเสี่ยง ประชาชนจะได้รับวัคซีนตามแผนงานและเป้ะๆเหมือนกับการจัดซื้อจัดจ้างปกติที่สามารถกำหนดโทษกับคนที่ไม่เอาของมาส่งให้ได้ และ ทุกอย่างจะเป็นไปตามแผน  แต่ … ทั้งหมดนั้นไม่ได้เป็นอย่างมามโนเอาไว้เลย และนั่นคือเหตุทีี่ทำให้ เรามายืนถึงจุดนี้ได้

เหตุการณ์ต่อเน่ื่องที่ไร้การควบคุมหรือไม่อาจรู้ได้แน่ชัด 

เหตุการณ์ที่ต่อเน่ื่องจากผลของการตัดสินใจที่ ณ เวลานั้นมันดูดีและฉลาดที่สุด กลับไม่ได้เข้าข้างและหลุดแผนการณ์ไปเสียทั้งหมด และ นั่นเอง ทำให้ “ประเทศไทยมาถึงจุดนี้ได้ในที่สุด” ที่เหลือก็ขอเพียงแค่ว่า โชคของเมือง โชคของประเทศ และโชคของคนไทยในประเทศจะยังคงดีอยู่ เพราะ เราได้มีการปรับแผน ปรับเปลี่ยนวิธีการฉีด สูตรการฉีด การวิจัยค่าของภูมิรูปแบบต่างๆจากทีมแพทย์ที่อยู่กองหน้า และ ทีมวิจัยแบบเร่งด่วน เพื่อเลือกทางออกหรือทางไป ที่ยังคงต้องใช้โชคในการดำเนินการอยู่ ไม่ว่าโชคที่หวังเอาไว้ว่า สิ่งที่เราตัดสินใจต่างๆในเวลานี้จะยังเป็นไปตามนั้นหรือไม่ เช่น การดิวได้ของ mRNA ทั้งโมเดินน่าและไฟเซอร์ที่คาดการณ์ว่าเดือน 10 จะมีเข้ามาในประเทศไทยเรา (ซึ่งก็อาจจะไม่มีก็ได้!) และโชตที่เกิดขึ้นมาแล้ว คือ การฉีดวัคซีนจีนต่อด้วยพวกวัคซีนแอสตร้าเซเนาก้าจะทำให้ภูมิมากเพียงพอสำหรับสายพันธ์เดลต้านี้ 

Exit mobile version