เหตุผลว่าทำไมเราถึงเลือกที่จะไม่สั่งออเดอร์แบบ delivery ผ่านแอพ

ทำไมเราถึงไม่ควรสั่งอาหารผ่านแอพ Delivery

ตอนนี้สถานการณ์ต่างๆทำให้เราอาจจะต้องเลือกการใช้บริการสั่งอาหารมาทานกันบ้านมากกว่าแต่ก่อนและ ตัวเลือกของเราผ่านแอพ delivery นั้นก็มากขึ้นเอามากๆทำให้เราสามารถเลือกหาอาหาร ร้านอร่อย หรือ แม้กระทั่งเครื่องดื่ม และขนมผ่านแอพ เรียกอาหารมาทานที่บ้านได้มากขึ้น อย่างไรก็ดี เราอาจจะพบได้ว่าพฤติกรรมเหล่านี้ ก็จะยังไม่ตรงจริตสำหรับใครหลายคนอยู่ดี และ มีเหตุผลมากมายที่ทำไมเราถึงไม่อยากจะเรียกอาหารมาส่งที่บ้านกัน วันนี้อยากจะเล่าประสบการณ์และแนวคิดของคนที่ไม่อยากจะสั่งอาหารแบบดีลิเวอรี่มาทานที่บ้านเป็นข้อๆกันเลย

กินที่ร้านอร่อยกว่าจัดมากินที่บ้านเป็นไหนๆ

สำหรับร้านอาหารหลายร้านนั้น อาหารไม่ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ขนส่งทานที่บ้านได้อร่อยเหมือนกับที่หน้าร้าน เช่น ความร้อนของอาหาร ลักษณะบรรจุภัณฑ์ที่ไม่เข้ากับอาหาร (ร้านพวกเน้น dining-in) หรือแม้กระทั่งน้ำจิ้มที่ไม่มีทางที่อาหารที่ส่งมาจะใส่มาได้เยอะเท่าที่เราอยากจะได้ เราอยากจะได้ซอสนี้ๆเยอะมากๆเพื่อเอามาใส่กันอาหาร แม้เราจะเน้นไปที่แอพบอกว่ากับคนขับก็ตาม ร้านค้าก็มักจะใส่น้ำจิ้มมาให้ในอัตราที่ดูเป็นคนปกติทานกัน เพราะเขาไม่รู้หรอกว่าปกติแล้ว เรากินน้ำจิ้มที่ร้านเค้ามากน้อยเพียงใด ร้านอาหารอาจจะคิดว่า เพราะ การบรรจุทำให้เกิดต้นทุนที่มากกว่าการที่ให้ลูกค้ากดเติมที่หน้าร้านยังไงอย่างงั้น (ซึ่งเป็นความจริงแท้แน่นอนเพราะมันมีค่า packaging อยู่แล้วแหละ) ร้านอาหารเลยอาจจะต้องรู้สึกงกกับของแถมต่างๆหรือเครื่องเคียงมากมายด้วยเหตุผลเชิงเศรษฐศาตร์ก้เป็นไปได้ 

หน้าตาอาหารไม่ดีเหมือนกับที่เห็นอยู่ที่ร้าน

หน้าตาเป็นสิ่งหนึ่งที่เราเห็นและรับรู้ได้เมื่อเราได้อาหารมาทานกัน แน่นอนว่าที่หน้าร้านนั้นมันได้ทั้งบรรยากาศที่แสดงถึงความเป็นร้านไม่ว่าจะเป็นความเก่าดั้งเดิม หรืออารมณ์และกลิ่นของการปรุงผัดอาหารสดๆจากอาเฮียที่ประจำร้าน ทำให้ยังไงซะหน้าตาของอาหารที่เราได้ผ่านการส่งแบบ delivery มันก็แตกต่างราวฟ้ากับเหวออกมาไปมากเมื่ือเทียบกับการเข้าไปรับประทานหน้าร้าน 

ราคามีแนวโน้มแพงกว่าหน้าร้าน

หากคุณคิดว่าอยากจะสั่งอาหารมื้อใหญ่เพื่อกินกันหลายคนที่บ้าน แน่นอนว่าการสั่งอาหารผ่านแอพจะทำให้เราเสียเงินมากขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะ โครงสร้างค่าอาหารที่แสดงในแอพจะมีการอัพราคาขึ้นไปอีกเพื่อให้ครอบคลุมต้นทุนการขนส่งของพนักงานไรเดอร์ที่นำเอาอาหารมาส่งให้ที่บ้านของคุณ นอกจากค่าส่งอาหารที่ต้องจ่ายแล้ว ต้นทุนราคาแอบแฝงนี้เรียกได้ว่าไม่น้อยเลยหากมองเป็นค่าส่งอาหารทั้งหมด แม้ว่าหลายแอพจะออกมาบอกว่าเรากำหนดให้ร้านค้ากำหนดราคาแสดงเดียวกับที่หน้าร้าน แต่นั่นเป็นสิทธิ์ของร้านค้าเช่นเดียวกันว่าเค้าจะเลือกที่จะเป็นคนจ่ายต้นทุนนี้แทนลูกค้าคนสั่งอาหารหรือเปล่าต่างหาก เพราะยังไงต้องมีสักคนหนึ่งเสียเงินก้อนนี้อยู่ดี ! เพราะงั้นแล้ว คิดให้ดีก่อนว่า ถ้าหากว่า คุณจะสั่งอาหารเป็นปริมาณมากด้วยยอดเงินมากๆ การไปโทรสั่งที่ร้านหรือการไปกินที่หน้าร้านจะประหยัดกว่าได้จริงๆ

แม่บ้านและคุณแม่ไม่ชอบใจกับเรื่องการล้างจาน

หากวันใดที่แม่บ้านไม่อยู่ แนวโน้มการเลือกที่จะกินอาหารที่บ้านนั้นจะแทบเป็น 0 กันเลยก็ว่าได้ เพราะ คนเราถ้าหากว่าขี้เกียจแล้ว ก็จะขี้เกียจให้สุด คือ จะไม่ล้างจานกันเอง เพราะปกติแล้วก็จะมีคนล้างให้หรือถ้าหากว่าคิดกลับทางกัน การที่เราเดินทางไปกินที่ร้านใกล้บ้านนั้น ทำให้เราไม่ต้องล้างจานหรือภาชนะใดๆที่เอามารองรับอาหาารเหล่านั้น แต่อย่างว่าแหละ สำหรับอาหารจากร้านบางร้านนั้นได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ทานกับจานกระดาษหรือพสาสติกของเขาได้เลย แต่นั้นทำให้การกินก็เหมือนกับการกินอาหารกล่องบนเครื่องบินที่อะไรๆก็เหมือนกระทัดรัดไปเสียทั้งหมด จะหยิบจับตักยกอะไรมันก็ไม่ได้เหมือนกับภาชนะปกติลงได้หรอก ใช่แล้ว ! อาหารมันไม่ได้หน้าตาพร้อมกินเป็นธรรมชาติเหมือนกับอาหารญี่ปุ่นทุกรายการซะที่ไหนล่ะ ดังนั้นแล้ว การเอาไปกองลงจานหรือเสริฟด้วยจานชามที่บ้าน ก็เป็นทางเลือกที่ดีอยู่ถ้าหากว่าต้องการความสะดวกในการทานเหมือนกับร้านหรืออย่างน้อยก็ไม่ได้ทุลักทุเลเหมืิอนกับการทานอาหารบนเครื่องบิน

กินแล้วจะรู้สึกเสียใจกับซากพลาสติกและบรรจุภัณฑ์ที่ทิ้งขยะที่บ้านของเรา

สำหรับอาหารที่สั่งมากินที่บ้านจะพบได้ว่า จะเกิดขยะไร้สาระมากมายเรียกได้ว่า ถ้าหากว่าเราเดินทางไปกินที่หน้าร้านด้วยน้ำมันผสมแบบแก้ซโซฮอล์แล้วจอดรถ และ เดินทางกลับมาด้วยรถน้ำมันที่ว่า น่าจะเกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่า จากการเผาพลังงานน้ำมันประเภทถ่านหินเมื่อเทียบกับการสร้างพลาสติกเข้ามาเพื่อให้เราใช้เพียงครั้งเดียว ! (ใช่แล้วเราใช้มันแค่ครั้งเดียวแล้วทิ้ง) ขยะเมื่อเราทานเสร็จจะพบได้ว่ามันเป็นพลาสติกทั้งหมดที่ไม่ได้เอาไป recycle ได้แม้แต่น้อย ที่สำคัญมันเยอะมากๆ เรียกได้ว่า ห่อเป็นถุงแล้วไม่สามารถยัดลงถุงขยะที่อยู่ในบ้านได้ ก็ต้องเดินออกไปที่หน้าบ้านเพื่อโยนลงถังใหญ่เพื่อให้รถขยะมาเก็บและนำไปทำลายกันต่อไป เรียกได้ว่า นี่เป็นความรู้สึกผิดทุกครั้งที่่เราต้องเรียกอาหารมาส่งเพื่อรับประทานกันี่บ้าน และ นี่ก็เป็นความรู้สึกที่ไม่ดีเอามากๆ และ ต้องตัดใจว่าจะเลือกอาหารมากินที่บ้านกันหรือเปล่าสำหรับมื้อหนึ่งๆ 

ความไร้ประสิทธิภาพเชิงสิ่งแวดล้อมของการส่งอาหารด้วย Rider

หากคุณขับรถบนท้องถนนแล้วติดไฟที่ย่านสาทรสีลม คุณจะเห็นได้ว่ามอเตอร์ไซด์ที่จอดรอสัญญาณไฟเขียวด้านหน้าสุดของแถวรถทั้งหมดนั้นพบว่า “เกือบทั้งหมดเป็นไรเดอร์สำหรับส่งอาหาร” ลองคิดดูว่าคนเหล่านี้กำลังนำเอาอาหารเพียงมืิ้อเดียว มันอาจจะสำหรับคนเพียงคนเดียวด้วยซ้ำไป ! พี่ไรเดอร์เหล่านี้จอดรถสัญญาณไฟเพื่อเดินทางจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งด้วยรถมอเตอร์ไซด์ที่กินพลังงานน้ำมันและต้องเผชิญกับรถติดเช่นเดียวกับคนเดินทางคนอื่นๆเป็นปกติ พี่ไรเดอร์ที่เราเห็นนั้นจอดรถไฟเขียวกันเป็นสิบๆคันและแต่ละคนก็มุ่งหน้าไปทางเดียวกัน (แน่นอนว่าปลายทางอาจจะแยกกันไปคนละทางก็ได้) สิ่งนี้น่าจะเป็นการใช้ทรัพยากรแบบไร้วิธีคิดเรื่องประสิทธิภาพเอามากๆ และ ทำลายสิ่งแวดล้อมแบบไม่จำเป็นกันเลยก็ว่าได้ มันไม่เหมือนกับระบบขนส่งพัสดุที่จะเน้นการกองเอาไว้ด้วยกัน และ แยกสายเพื่อกระจายส่งเพื่อให้เกิดความคุ้มค่าในการเดินทางมากขึ้น และ มันคุ้มมากกว่าการเดินทางเพื่อนำส่งเพียงชิ้นเดียวนั่นเอง 

ทั้งหมดนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวและเหตุผลจากการสอบถามคนมาบ้างว่าทำไมถึงเลี่ยงการสั่งอาหารผ่านแอพ Delivery ทั้งหลายที่ทำให้เราประหยัดเวลาลงไปในการเดินทางไปและเดินทางกลับจากร้านอาหาร คิดว่าทางที่ดีกว่านั้นคือการอดมื้ออาหารหากทำได้ เพราะ จะเป็นการประหยัดเงินและเวลาได้อย่างแท้จริงและเป็นการดีต่อสุขภาพของเราอีกด้วย เช่น การใช้แนวคิดของ intermittent fasting เพื่อควบคุมน้ำหนัก มันจะลดออเดอร์ของการสั่งอาหารออกไปได้มื้อหนึ่งเลย มันประหยัดโลก ประหยัดเงิน ได้เวลามากขึ้น และดีต่อสุขภาพสำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนักได้ดีทีเดียว

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *