คนที่จะทำหน้าร้าน online นั้นถ้าหากว่าไม่ได้มี product เป็นของตัวเองแล้วคำถามแรกๆที่เกิดในหัวก็คือ จะเอาอะไรมาขาย หรือ แปลอีกความหมายว่า "อะไรล่ะที่คนจะซื้อกัน online" ผมแตกภาพออกมาให้เกิดความเข้าใจได้ไม่ยากเป็นข้อๆได้ดังต่อไปนี้เลยน่ะครับ
– ของที่หาซื้อได้ลำบากครับ เพราะอย่างที่อเมริกาการซื้อผ่าน internet จะไม่ต้องเสีย vat. เพื่อเข้าไปอีก เพราะเป็นการซื้อส่งต่างรัฐ จะได้ราคาที่ดีกว่า การได้ราคาดีกว่านั้น เพราะข้อมูลด้วยอีกส่วนหนึ่งข้อมูลที่อยู่ตรงหน้าถ้าค้นหาผ่าน Google แล้วจะได้ของที่ราคาที่ค่อนช้างต่ำเพราะถือว่าเป็นการค้นหาร้านค้ามากกว่าหนึ่งร้านเพื่อทำการเปรียบเทียบทันทีที่หน้าคอมพิวเตอร์ (internet)
– นอกจากหาซื้อยากแล้ว ยังมีอีกปัจจัยในทางตรงข้ามคือ ของนั้นมี ดาษดื่นทั่วไปก็ได้ แต่ว่า ตีกันด้วยราคาเป็นตลาดแดงเดือด แม้ว่าจะบวก shipping เข้าแล้วก็ยังราคาดีกว่าอยู่ดี
– ของนั้นต้องไม่มีความต้องการใช้ในทันที เรียกได้ว่าเป็นของไม่จำเป็น ณ เวลานั้นๆ แต่หากคิดว่าต้องการใช้ทันที ก็จำเป็นที่จะต้องมีบริการส่งด่วนพิเศษซึ่งก็ charge ราคาการส่งแพงๆได้ เพราะนั่นเป็น need แล้ว แล้วก็คนซื้อหาของจากหน้าร้านปกติไม่ได้น่ะครับ (ผมไม่บอกแล้วกันว่าคืออะไรน่ะครับ)
– สำหรับของทีมีดาษดื่นแล้วราคาถูกกว่าถือว่า ร้านค้าที่แสดงของให้จับต้องได้เป็นแค่ศูนย์การสาธิตเท่านั้น เพราะ คนจะซื้อก็ต้องไปดูของจริงจากที่หน้าร้านก่อน เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าใช้งานได้ดี แต่เวลาซื้อก็มาซื้อ online เท่านั้นเอง เพราะเกิดการเปรียบราคาระหว่างหน้าร้าน กับ ร้าน online + shipping cost ก็จะเป็นราคาเพื่อการเปรียบเทียบได้ไม่ยาก
– ของนั้นอาจจะมีความเป็น unique หาซื้อที่อื่นไม่ได้อีกแล้ว เช่น การขายหนังสือเก่าหรือ การขายเสื้อผ้าเก่า หรือ การขายตุ้กตาไหมพรมแบบส่วนตัว งานทำเอง hand-made product หรือเสื้อผ้า brand ที่เรา Design เองส่วนตัว หรือ แบบส่วนตัว
– ซื้อของที่ซื้อปกติแล้วต้องอาย เช่น condom หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เกิดความละอายแก่การซื้อ ชุด sexy แบบพิเศษหรือแผ่นผีก็แล้วแต่แต่ว่าแน่นอนว่าของ copy ไม่ดีแน่เพราะเกิดความเสี่ยงสำหรับคนขายครับ ต้องมีการปิดๆเปิดๆเว็ป แล้วก็ข้อมูลใน internet จริงแล้วสามารถสืบค้นกันได้ไม่ยาก แต่สำหรับ condom แล้วถือได้ว่าเป็นตัวอย่างสินค้าที่เหมาะสมที่สุด
– ของที่ยังไงก็ตามต้องไปส่งถึงที่อยู่แล้ว ก็จะไมมีการพิจารณาค่า shipping เข้ามาเกี่ยวข้อง แล้วข้อมูลสามารถอธิบายได้ครบถ้วนสมบูรณ์ผ่านหน้าเว็ปไซท ์ เช่น ตู้ โต้ะ furniture หรือ สระว่ายน้ำ ลักษณะ e-commerce แบบนี้ website จะไม่ได้เป็น full shopping cart แต่อย่างใด เน้นหนักไปทางการแสดง product ออกมาเป็นโบวขัวร์ เว้ปซะมากกว่าน่ะครับ
– สินค้าที่เป็น pure digital จะไม่มีค่าใช้จ่ายอันเนื่องมาจากการขนส่ง เช่น file , เพลง ,หนังสือ pdf ,ebook , software การบริการบางอย่าง เช่น รับจ้างออกแบบ website หรือ website สำเร็จรูป หรือแม้กระทั่ง online course trainning ต่างๆ นานา เป็นต้น
– สินค้านั้นเป็นสินค้าที่มีน้ำหนักเบาแต่ราคาสูง กำไรดี เช่น jewelry (แต่ตอนส่งต้องมีประกันอะไรบางอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง) หรือ เครื่องประดับ
– สินค้าที่รู้ว่าซื้อที่ไหนๆก็เหมือนกันเพราะว่าคุณภาพไม่ได้มี่ความแตกต่างกันแม้แต่น้อย เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือ สินค้า IT เช่น SDcard , ปากกาสายสืบ กล้องจิ๋ว เป็นต้น
ผมว่าโดยรวมแล้วก็ประมาณนี้ สำหรับ product ท
ี่ท่านๆเป็นผู้ผลิตอยู่แล้ว ลองคิดดูแล้วกันน่ะครับว่า product ของท่าๆนั้นเข้าข่ายหรือไม่ถ้าเข้าก็ online ได้เลยครับผม
คำค้นหาของคุณที่มาเจอหน้าเว็ปนี้:
- ขายอะไรกําไรดี
- ขายอะไรกําไรดีที่สุด
- สินค้าออนไลน์ที่ขายดีที่สุด
- การขายออนไลน์
- สินค้าที่ขายดีที่สุดในอินเตอร์เน็ต
- ขายสินค้าอะไรได้กําไรดี
- ขายอะไรได้กําไรดีที่สุด
- ขายสินค้าออนไลน์อะไรดี
- ขายอะไร กําไรดี
- ขายอะไรได้กําไรดี