คนที่จะทำเว็บในช่วงปี 2021 ขึ้นไปนั้นมักจะเลือกใช้ WordPress เป็นตัวจัดการเนื้อหา หรือเราจะเรียกมันว่า Content Management System (CMS) หรือแปลไทยได้ความว่าระบบจัดการเนื้อหา (เว็บ) โดย WordPress ถือได้ว่าเป็นตัว CMS ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา และ ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกในขณะนี้ เพราะ ได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องและมีตัวสำหรับการสร้างหน้าเว็บที่ดีขึ้นเรื่อยๆ และ ตั้งแต่ WordPress รุ่น Version 5.0 ขึ้นไปจะมีตัวจัดการที่ดีมาก ที่เรียกว่า Gutenberg ติดตั้งมาให้ใช้ทันทีเป็นค่าปริยายให้กับ website ที่ทำมาจาก WordPress ทันที
อย่างไรก็ดีสำหรับสองสามปีที่ผ่านมา จะมีตัวสร้างเว็บ (Web Builder) ที่เริ่มเห็นว่าคนเอามาใช้กับมากขึ้นเรื่อยๆ คือ Elementor ที่ทำหน้าที่ให้ผู้ออกแบบเนื้อหาเว็บไซท์สามารถจัดการหน้าเว็บได้ดีกว่าเดิม และ มันดูออกมาเป็นมืออาชีพเป็นอย่างมาก แน่นอนว่า Elementor จะมี Version Pro ก็ตามจริงๆแล้ว สำหรับเว็บทั่วไป เพื่อนำไปแสดงเนื้อหา blog content หรือ เพื่อนำไปเป็น company profile ก็สามารถใช้ตัว Elementor ธรรมดาได้เช่นเดียวกัน
สำหรับบทความนี้ เราจะเน้นการเลือก Web Hosting เพื่อติดตั้ง WordPress สำหรับการสร้างเว็บประจำปี 2021 นี้ ถือได้ว่าเป็นบทความที่เน้นคนสร้างเว็บมือใหม่
- Web Hosting คืออะไร ?
- เข้าใจกันก่อนว่า Share hosting และ Private Hosting มันต่างกันอย่างไร ?
- Web Hosting มันต่างอะไรกับ WordPress Hosting หรือเปล่า ?
- Woo Commerce Hosting ก็มีให้เลือกด้วยแล้วมันคืออะไรอีกล่ะนั่น ?
- บริการพ่วงอื่นๆที่ควรจะมีนอกจากการเป็น web hosting ปกติ
- บริการย้ายข้อมูลจากที่อื่นมาหาเขา
- บริการ ฟรี! Domain name 1 ชื่อเว็บได้จากโฮสติ้ง
- ระบบหลังบ้านต้องมีการติดตั้ง SSL ฟรีได้ง่าย
- WordPress 1 click installation : ติดตั้ง WordPress ได้ด้วยการกดเพียงปุ่มเดียว
- คุณควรเลือกบริการ Package ที่จะใช้ได้กับเว็บไม่จำกัด
- Unlimited Disk Space พื้นที่เก็บเนื้อหาและไฟล์สำหรับเว็บได้ไม่จำกัด
- Unlimited Database ชุดฐานข้อมูลที่เชื่อมต่อกับเว็บจะต้องรองรับได้ไม่อั้น
- Scalable Bandwidth หรือไม่จำกัดปริมาณการรับส่งข้อมูล
- Domain name นั้นสามารถซื้อได้จากคนละที่กับผู้ให้บริการ Web Hosting
- บางที่บอกว่าเค้าให้ Web Builder สำหรับ WordPress ด้วยมันคืออะไร ?
- จำเป็นหรือเปล่าว่าเว็บไทยจะต้องใช้บริการ web hosting ของไทยเท่านั้น ?
- Web Hosting ที่ราคาถูกแนะนำที่ไหนดี ? เหมาะกับการเริ่มต้นทำเว็บ WordPress ในปี 2021 นี้
Web Hosting คืออะไร ?
ต้องคิดแบบนี้ก่อนว่า เนื้อหา website ที่เราเห็นอยู่นั้นก็คือ การเอาไฟล์ต่างๆมาประกอบออกมาและเรียงตัวหนังสือ และ ภาพ หรือแม้กระทั่ง file ประเภทอื่นๆต่อกันเพื่อแสดงผลให้กับคนที่ต้องการเห็นนั้นได้เห็นผ่าน Browser (เช่น Google Chrome หรือ Internet Explorer หรือ Firefox หรือสำหรับ MacOS ก็จะเป็น Safari) โดยไฟล์ทั้งหมดนั้นจะวางเอาไว้ในคอมพิวเตอร์ตัวหนึ่งทีี่เราจะเรียกว่า web server หร่ือเครื่องเซิฟเวอร์ที่เอาไว้ฝากไว้ไซท์นั่นเอง และ เราเรียกบริการให้เช่าพื้นทีี่ของเครื่องคอมตัวนี้ก็คือ การให้บริการ Web Hosting นั่นเอง
โดยคอมพิวเตอร์ที่เราเรียกมันว่า web server นั้นจะมีอยู่มากมาย โดยผู้ให้บริการทั้งไทยและเทศ และราคาที่แตกต่างกันมาก และ เงื่อนไขการให้บริการที่ไม่เหมือนกันเลยก็ได้ แล้วแต่ว่า เราอยากจะได้บริการแบบใด และ เราได้ของแถมอะไรมาบ้างเพื่อใช้บริการจาก web hosting เหล่านั้น หรือที่แน่นอนทีสุด ราคาของการให้เช่าพื้นที่ฝากเว็บนั้น คิดเป็นรายเดือนหรีือรายปี ปีละหรือเดือนละเท่าไหร่ ก็แล้วแต่ว่าผู้ให้บีิการนั้นกำหนด โดยจะพบว่า มีทั้งที่เฉลียเดือนละหลักสิบบาท จนกระทั่งเดือนละ พันบาทก็มีเช่นเดียวกัน
สำหรับบทความนี้ เราอยากจะเอาประเด็นของผู้ให้บริการ web hosting เหล่านี้มาเล่าว่า เราน่าจะดูบริการอะไรบ้างสำหรับคนที่ทำเว็บ และ เป็น tip เทคนิคในการเลือกอย่างไรเพื่อที่เอาให้เหมาะกับพฤติกรรมการสร้างเว็บของมือใหม่อย่างท่านได้
เข้าใจกันก่อนว่า Share hosting และ Private Hosting มันต่างกันอย่างไร ?
บริการ web hosting นั้นยังมีบริการพ้ืนที่ให้ฝากเว็บบน server ประเภทต่างๆกัน โดยส่วนมาก จะแบ่งออกมาเป็นแค่สองพวกใหญ่ด้วยกันคือ ประเภท share และ private hosting ซึ่งพฤติกรรมนั้นก็ตามตัวชื่อประเภทเหล่านั้นเลยคือ hosting ที่เป็นพื้นที่ที่แบ่งปันกัน และ hosting ที่เป็นส่วนตัว ไม่ตีกันกับคนอื่น ไม่ได้ยุ่งอะไรกับใคร ซึ่งแน่นอนว่า Private hosting จะแพงกว่าอยู่แล้ว ก็เพราะว่ามันส่วนตัวนั่นเอง และ Shared Hosting มันก็จะประหยัดเงินกว่า ดังนั้นแล้ว สำหรับมือใหม่เช่นคุณ แนะนำให้เลือกใช้ Share Hosting เท่านั้นก็น่าจะเพียงพอแล้ว เพราะ เรายังคิดไม่ออกว่าเราจะเอาเว็บไปสร้างเงินกลับมาได้มากน้อยแค่ไหน และ มันต้องส่วนตัวอย่างงั้นหรือเปล่า และ ส่วนตัวไปเพื่ออะไรกันล่ะ ?
ดังนั้นแล้วเพื่อความเข้าใจ ขออธิบายให้เห็นภาพ เหมือนกับการเช่าห้องสำนักงานนั่นเอง ถ้าหากว่าเป็นการเช่าห้องสำนักงานเพื่อเทียบกับ Share hosting แล้วล่ะก็ มันก็จะเหมือนกับการเช่าพื้นทีี่ แบบ Co-working space คือเช่าพื้นที่ใช้ด้วยกันหลายบริษัทในพื้นที่เดียว ถ้าหากว่า พนักงานของบริษัทอื่น ทำตัววุ่นวาย เช่น เอาก๋วยเตี๋ยวต้มยำมากินที่โต้ะ กลิ่นมันก็จะรบกวนพนักงานของเรา และ ทำให้เกิดอาการหิวข้าวกับพนักงานของเราได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่เราไม่ต้องการ เพราะ เราต้องการให้พนักงานของเรา Focus กับงานทีทำอยู่นั่นเอง ซึ่งพฤติการณ์แบบนี้จะเหมือนกับ share hosting เลย คือ จะมี website อื่นๆของคนอื่นๆ ที่เช่าใช้ web server ตัวเดียวในพื้นที่เดียวกันกับเราเลยก็ว่าได้ และ เราก็โดยแบ่งทรัพยากรของ server computer นั้นๆ ไปให้กับเว็บคนอื่นนั้นด้วยเช่นเดียวกัน แต่ส่วนมาก แล้วผู้ให้บริการ Hosting นั้นจะมีการกำหนดกฏต่างๆเพื่อควบคุมผู้ร่วมเช่าพื้นที่ Hosting ด้วยกันเหล่านั้น เพื่อให้รบกวนกันน้อยที่สุด หรือ ถ้าหากว่าเทียบกับออกมาเป็นโลกจริง เจ้าร้าน co-working space ที่ว่านี้ เค้าก็กำหนดกฏออกมาเช่นเดียวกัน เช่นว่า ห้ามนำเอาอาหารกลิ่นแรงเข้ามาทานในสำนักงาน หรือ ห้ามส่งเสียงดังมากเกินไป ถ้าหากว่าจะเปิดเพลงให้เปิดผ่าน Bluetooth headset เพื่อกรอกหูตัวเองคนเดียวเท่านั้น เป็นต้น เพื่อไม่เป็นการรบกวนกัน
ทั้งนี้มันก็จะต่างกับ Private Hosting ถ้าหากว่าเทียบกับการเช่าพื้นที่สำนักงาน มันก็คือ การเช่าทั้งชั้นหรือทั้งห้องพื้นที่ โดยไม่มีพนักงานจาก บริษัทอื่นๆ เข้ามาใช้พื้นที่เดียวกันกับเรานั่นเอง ! แพงกว่า แต่ไร้การกวนกันว่าอย่างงั้นเถอะ !
อยากจะประหยัดงินเลือก web hosting ราคาถูกจำเป็นต้องเลือกเป็นแบบ Share Hosting เท่านั้นเพราะมันประหยัดเงินที่สุดแล้ว และ หาก hosting บริหารได้ก็ดีก็จะไม่ได้เกิดผลกระทบกับเว็บของเราแม้นว่าเราจะ Hosting บน share hosting ก็ตามที
ข้อแนะนำจากคนใช้งาน Shared Web Hosting ตามตลอดกับเว็บมากกว่า 25 เว็บ
โดยรวมแล้ว สำหรับมือใหม่ การเช่า web hosting นั้น แนะนำให้เลือกใช้ Share hosting ก็เพียงพอแล้ว เพราะ โอกาสที่จะรบกวนกันนั้นก็ไม่ได้มากอะไรนัก ถ้าหากว่าทุกคนเป็นผู้เช่าที่ดี และ ทำเว็บประเภทเพื่อการประชาสัมพันธ์เป็นหลักเหมือนกันไม่ได้ทำเพื่อโปรแกรมมิ่งอะไรแปลกๆ ก็จะอยู่ด้วยกันได้ดี ไร้ปัญหา และ ทุกคนก็จะได้ประหยัดเงินกันทุกๆคนนั่นเอง
Web Hosting มันต่างอะไรกับ WordPress Hosting หรือเปล่า ?
คุณอาจจะสงสัยว่า web hosting และ wordpress hosting มันต่างอะไรกันหรือไม่ เพราะ หากคุณเข้าไปดูที่หน้าเว็บของผู้ให้บริการ website hosting จะมีการให้เลือก web hosting ธรรมดา หรือ จะเป็น wordpress hosting ซึ่งขอบอกก่อนว่า มันเป็นแค่การจัดบริการที่อาจจะเหมือนกันทั้งหมดเลยก็ได้หรือแตกต่างกันก็ได้แล้วแต่ว่า เค้าจะให้บริการใดเพิ่มเติม ด้วยเหตุผลทางการตลาดก็เท่านั้น เพราะ คุณจะสามารถติดตั้ง WORDPRESS กับการใช้บริการ web hosting ได้เช่นเดียวกัน ไม่ได้ต่างอะไรกันหรอกในเชิงเทคนิค WordPress มันก็เป็นแค่โปรแกรมประเภท php ที่ทำงานเป็นเว็บนั้นแหละ การที่หน้าเว็บของผู้ให้บริการ web hosting นั้นแสดง package ด้วยคำว่า WordPress Hosting นั้นก็ด้วยเหตุผลทาง Google ว่า ถ้าหากว่ามีคนค้นหา่วา WordPress โฮสติ้ง ก็จะได้ไปเจอบริการของเขาเหล่านั้น และ คนที่เข้ามาที่หน้าเว็บแล้ว และ ต้องการติดตั้ง WordPress เป็นหลักก็จะได้กดเลือกได้เหมือนกับบริการนั้นโดยตรงมากกว่า ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว มันเหมืือนกันทั้งหมดนั่นเอง ไม่ได้ต่างอะไรเลยแม้แต่น้อย
ที่แย่ไปกว่านั้นคือ WordPress Hosting อาจจะแพงกว่าก็ได้เพราะเขาอาจจะปรับเสป็กของ Hosting ให้เหมาะกับ WordPress หรือ มีบริการที่มากกว่า ที่จะให้เข้ากับ WordPress ได้ดีขึ้น ซึ่งเราอาจจะไม่จำเป็นต้องใช้บริการเหล่านั้นก็เป็นไปได้
โดยสรุปแล้ว สำหรับการติดตั้ง website ประเภท WordPress Hosting ส่วนตัวแล้ว เราก็จะแนะนำให้เลือก web hosting ธรรมดานั้นแหละ เพราะ มันใช้งานได้เป็นปกติเหมือนกันทุกประการ ไม่ได้มีความจำเป็นต้องไปเลือก package บริการ WordPress Hosting แต่อย่างใด (อ้างอิงจากประสบการณ์ที่เราเลือกใช้แต่ web hosting ปกติจากผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้งมากมายหลายรายแล้วทั่วโลก)
Woo Commerce Hosting ก็มีให้เลือกด้วยแล้วมันคืออะไรอีกล่ะนั่น ?
เหมือนเดิมมันเป็นการตลาดของ Hosting เป็นหลักเช่นเดียว เพราะ แท้ที่จริงแล้ว การที่คุณจะใช้ woo commerce ได้มันเป็นเพียงโปรแกรมติดตั้งเพิ่มเข้าไปที่ WordPress ต่ออีกขั้นหนึ่งเพื่อที่จะทำให้ WordPress ของคุณสามารถมีระบบ e-commerce ได้ เรียกได้ว่า สามารถให้คนที่เข้าเว็บเลือกสินค้า เพิ่มสินค้าในตะกร้าได้ เป็นต้น ซึ่งสำหรับคนที่ตั้งใจจะขายสินค้าให้กับคนทั้งโลกทั่วโลกแล้ว การทำแบบนี้ก็ถือว่าเหมาะ แต่ หากว่าคุณต้องการทำเว็บเพื่อขายของให้กับคนไทยเท่านั้น เราแนะนำให้คุณเลี่ยง Woo-commerce จะดีกว่าเพราะ คนไทยติดที่จะใช้การพูดคุย Chat โทรหาหรือ LINE หาเพื่อให้เสนอราคาต่อราคา และอื่นๆ นอกจากนี้ คุณสามารถทำเว็บธรรมดาเนื้อหาปกติพิมพ์อธิบายสินค้าและบริการ และ เชื่อมต่อไปยัง Marketplace อื่นๆที่คนไทยนิยมได้ทั้งหมด เช่น Shopee / Lazada / หรือแม้กระทั่ง LINESHOP ทั้งหมด คุณสามารถใช้ระบบ marketplace หรือระบบ shopping เหล่านั้นได้ฟรีอยู่แล้วในประเทศไทย ไม่ต้องติดตั้งปรับแต่งอะไรให้วุ่นวายเพิ่มเติมเลยแม้แต่น้อย (นี่เป็นความจำเพาะของนัก shop ไทยเท่านั้น)
บริการพ่วงอื่นๆที่ควรจะมีนอกจากการเป็น web hosting ปกติ
นอกจากนี้ปกติแล้ว web hosting ก็จะบอกว่าเค้าแถมบริการอะไรให้เพื่อที่จะเป็นการดึงดูดใจให้กับคุณเลือกเขามาเป็นผู้ให้บริการ ต่อจากนี้ เราจะอธิบายทุกประเด็นที่คุณควรรู้สำหรับการเลือก web hosting ที่กล่าวถึงบริการพ่วงเหล่านั้น
บริการย้ายข้อมูลจากที่อื่นมาหาเขา
แน่นอนว่า ถ้าหากว่า คุณไม่ได้เป็นมือใหม่หรือมีเว็บและโอสอยู่กับ web hosting ที่อื่นแล้วไซร้ การย้ายนั้นเป็นเรื่องหนึ่งที่ทำได้ยาก! และ มีโอกาสเสียหายต่อเว็บได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นแล้ว สำหรับ web hosting ที่คุณกำลังจะเลือกใช้บริการเหล่านั้นจะมีการเสนอ “บริการย้ายเว็บให้ฟรี” เพื่อเป็นการเอาเนื้อหา ไฟล์และ ข้อมูลทั้งหมดจากโฮสเก่ามาที่โฮสใหม่ทั้งหมด และ หลังๆ เราจะเห็นบริการนี้ถูกเสนอจากผู้ให้บริการ web hosting ทั้งหมดทุกรายเลยก็ว่าได้ เพราะ มันจะทำให้การตัดสินใจมาใช้บริการ website hosting ที่ใหม่กับเขานั้นกระทำได้ง่ายหรือตัดสินใจได้ง่ายขึ้นอย่างแน่นอน
บริการ ฟรี! Domain name 1 ชื่อเว็บได้จากโฮสติ้ง
Domain name คือชื่อเว็บและผู้ให้บริการโฮสติ้งก็จะเสนอมาด้วยว่าถ้าหากว่าซื้อบริการรายปีกับเขาหรือรายสามปีกับเขาก็จะได้ฟรีโอเมนมาด้วย ซึ่งประเด็นบอกเอาไว้ก่อนว่า ถ้าหากว่าเลี่ยงไม่ไปจดชื่อโดเมนกับ Hosting ได้ก็จะเป็นการดีเสียกว่า เพราะปกติแล้ว การจดกับ web hosting service เหล่านี้ค่าจดจะแพงกว่า และ มันเป็นการที่ทำให้ยกเลิกหรือย้ายบริการ Web Hosting จากผู้ให้บริการ Hosting ได้ยากกว่าเดิม เพราะ มันจะต้องเป็นการค้างเอาไว้ของบริการและอื่นๆอีกมากมายที่เขาจะเลือกกำหนดเป็นกฏเกณฑ์ภายในได้ ดังนั้นแล้ว แม้นว่าจะได้ฟรีมาก็แนะนำอย่าเอาชื่อเว็บที่เป็นตัวหลักไปอยู่กับ web hosting จะดีกว่า !
ระบบหลังบ้านต้องมีการติดตั้ง SSL ฟรีได้ง่าย
SSL คือการเข้ารหัสหน้าเว็บและการเรียกชื่อเว็บ โดยมันจะแสดงเป็นรูปกุญแจที่หน้าเว็บให้คุณเห็น และ แน่นอนว่าตอนนี้มันเป็นข้อกำหนดของทาง Google เอาไว้แล้วว่าหากว่า คุณมีเว็บและต้องการให้เว็บแสดง หรือค้นได้เจอ การมีี SSL แสดงเอาไว้ติดไว้ที่หน้าเว็บจะทำให้โอกาสการพบเจอได้ดีกว่า และ คนเข้าเว็บก็จะมีโอกาสได้ค้นหาเจอหน้าเว็บแห่งนั้นได้มากกว่า การที่ไร้ซึ่งระบบการเข้ารหัส SSL ของหน้าเว็บแบบนั้น ทั้งนี้ SSL นั้นมีของฟรีให้ติดตั้งได้ผ่านทาง web hosting เสียเป็นส่วนใหญ่ ที่เรียกว่า Let’s encrypt ซึ่งเป็นบริการเข้ารหัส SSL ฟรีที่ Google เป็นลงขันเหมาเอาไว้เพื่อให้คนทั่วโลกใช้งานได้ฟรี และ เหมือนจะบังคับว่าเมื่อมันฟรีแล้วทุกคนก็จะต้องใช้หรือติดตั้ง SSL ให้กับเว็บของตนเพื่อความปลอดภัยของผู้เข้าหน้าเว็บนั้นเอง เมืื่อ Google กำหนด คุณในฐานะคนดูแลเว็บและเจ้าของเว็บต้องทำตามเท่านั้น! เลี่ยงไม่ได้ และ อย่าคิดว่าการแนะนำของ Google จะไม่มีผลใดต่อคุณ จริงๆแล้ว เค้าเป็นเจ้าของ internet เลยก็ว่าได้เพราะ เขาจะทำหน้าที่แจกคนดูให้กับเว็บใดก็ได้ที่เขาเห็นว่าเหมาะสม โดยที่เราไม่สามารถหืออืออะไรกับเขาได้ทั้งนั้น เอาเป็นว่าอากู๋แนะนำอะไรก็ทำตามก็แล้วกัน มันเป็นหน้าที่ของคนทำเว็บอยู่แล้วอย่าช่วยไม่ได้
WordPress 1 click installation : ติดตั้ง WordPress ได้ด้วยการกดเพียงปุ่มเดียว
สำหรับคนที่คิดว่าอยากจะสร้างเว็บด้วย WordPress ปัญหาอีกอย่างก็คือการติดตั้ง เพราะงั้นแล้ว การติดตั้งนั้นจะต้องกระทำได้ง่ายๆ เรียกได้ว่า แค่กดนิดหน่อย มันก็ติดตั้ง WordPress ให้แล้วทั้งหมดอย่างถูกต้องสมบูรณ์ (สำหรับเว็บใหม่เท่านั้น) โดยบริการ ปุ่มกดเพื่อติดตั้ง WordPress ได้ง่ายๆนั้น ถือได้ว่าเป็นมาตราฐานใหม่สำหรับผู้ให้บริการ web hosting กันแล้ว เพราะ จะให้คนใช้บริการมาติดตั้งด้วยวิธีการแบบดั้งเดิมนั้น เขาต้องเข้าใจเยอะเรื่องเอามากๆ ซึ่งไม่ได้จำเป็นเลยสำหรับคนทำเนื้อหา และ คนทำเว็บในยุคนี้ คนที่ต้องดูแลทางเทคนิคจะต้องเป็นหน้าที่ของทาง Host เสียเองมากกว่าที่จะเป็นหน้าที่ของผู้ใช้บริการ Hosting ดังนั้นแล้วลองดูคร่าวๆ เราก็จะพบว่า Hosting ที่เราเลือกจะใช้บริการจะมีบริการติดตั้ง WordPress ใหม่ให้ด้วยเสมอ
คุณควรเลือกบริการ Package ที่จะใช้ได้กับเว็บไม่จำกัด
อันนี้เป็นคำแนะนำส่วนตัวเพราะ เมื่อคุณทำเว็บได้ ติดตั้งเว็บใหม่ได้เรื่อยๆด้วยการกดปุ่มเดียว มันจะทำให้คุณพบว่าการทำเว็บออกมานั้นทำได้ง่ายมาก และ จะสร้างเว็บออกมาได้เรื่อยๆ เมื่อมีโปรเจคใหม่ๆ ดังนั้นแล้ว web hosting ที่คุณเลือก คุณต้องเลือก package บริการที่จะให้คุณสามารถ host website ได้มาก domain name เข้าไว้ ดีที่สุดคือไม่จำกัด เพราะ ไม่รู้ว่าจะให้เค้าจำกัดไปเพื่ออะไร ไม่แนะนำให้เลือก web hosting ที่ให้บริการแค่ 1 เว็บเท่านั้น เชื่อเถอะว่า สุดท้ายคุณก็ไม่ได้มีแค่เว็บเดียวอยู่ดี
Unlimited Disk Space พื้นที่เก็บเนื้อหาและไฟล์สำหรับเว็บได้ไม่จำกัด
นี่เป็นข้อดีอย่างหนึ่งสำหรับการเลือก web hosting ที่มีการแข่งขันกันสูงเอามากๆ คือบริการของ web hosting เมืองนอก พวกนี้จะเสนอให้คุณสามารถสร้างเว็บได้ใหญ่และเยอะได้เท่าที่คุณต้องการ โดยไม่ได้จำกัดพื้นที่อะไรให้กับคุณเลยก็ว่าได้ ซึ่งดีกว่าระบบ web hosting ของไทย เพราะ ถ้าหากว่าคุณเลือกของไทยแล้ว เค้าจะจำกัดและปรับให้แพงขึ้นด้วยถ้าหากว่าคุณจำเป็นต้องใช้เนื้อที่เยอะมากขึ้น อย่างไรก็ดี คุณจะไม่สามารถหาประโยชน์แบบโกงระบบในเรื่องพื้นที่จัดเก็บไม่จำกัดเหล่านี้ได้สักเท่าไหร่นักหรอก เว้นแต่ว่าคุณเป็นเว็บขนาดใหญ่หรือดังแล้วจริงๆ เพราะกลับทางกัน ส่วนมากแล้ว คนที่ทำเว็บนั้น มันก็จะแค่ไฟล์ภาพ และตัวอักษร เท่านั้น และ ไฟล์ภาพ นั้นหากจะนำเอามาแสดงที่หน้าเว็บในการออกแบบและการทำเว็บที่ดีจะต้องใช้ไฟล์ภาพขนาดเล็กเท่านั้นเพื่อให้เว็บโหลดให้เร็วและเพื่อสนองความต้องการของ Google ที่บอกว่า เว็บจะต้องโหลดเร็วเท่านั้นเราถึงจะเอาเว็บของคุณแสดงในอันดับที่สูงๆเพื่อให้คนเข้ามาค้นหาและเจอเว็บจของคุณได้ เพราะงั้นแล้ว การที่ Web Hosting บอกว่าเก็บเนื้อหาภาพและไฟล์สำหรับเว็บได้ไม่จำกัดนั้นก็เป็นอะไรที่ ทางผู้ให้บริการ web hosting ก็ได้เสียหายอะไรมากเท่าไหร่นักหรอกสำหรับคนที่จะใช้เค้าเพื่อทำเว็บปกติ ที่ควรจะเป็น
Unlimited Database ชุดฐานข้อมูลที่เชื่อมต่อกับเว็บจะต้องรองรับได้ไม่อั้น
มันเกี่ยวกับบริการที่ว่า คุณจะใช้มันเพื่อสร้างเว็บจำนวนไม่จำกัด ดังนั้นแล้ว แน่นอนว่า 1 website ที่เป็น WordPress มันก็จะมีฐานข้อมูลเนื้อหานั้นหลายฐาน และ ถ้าหากว่า คุณสร้างเยอะเว็บก็แปลว่า มันก็จะต้องมีเยอะตามไปด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้ดังนั้นแล้วเพื่อที่มันจะทำให้คุณสามารถใช้บริการเว็บกับ web hosting ได้มากเท่าที่ต้องการ มันจำเป็นต้องมีนโยบายฐานข้อมูลไม่อั้นด้วยเช่นเดียวกัน มันถึงจะไม่ขัดสิทธิ์ระหว่างกันนั่นเอง
Scalable Bandwidth หรือไม่จำกัดปริมาณการรับส่งข้อมูล
สำหรับการ hosting เนื้อหานั้นก็คือการฝากไฟล์และตัวหนังสือไปที่ web hosting ที่ทำหน้าที่เป็น server ให้บริการจำหน่ายจ่ายแจกเนื้อหาให้กับคนที่กดเข้ามาดูหน้าเว็บของคุณผ่านทางการพิมพ์ชื่อเว็บหรือการค้นหาด้วย Google แล้วมาเจอเนื้อหาของคุณ แน่นอนว่า เมื่อคนเข้ามาดูเว็บ เขาก็จะต้องโหลดภาพและเสียงหรือเนื้อหามาแสดง ปริมาณขนาดของไฟล์เหล่านั้น เราจะเรียกมันว่า แบนวิท หรือ bandwidth ในภาษาอังกฤษ ซึ่ง ถ้าหากว่า โดนจำกัดก็แสดงว่า คุณก็จะโดนจำกัดการมองเห็นเนื้อหาจากคนเข้าเว็บด้วยนั่นเอง สำหรับคนที่ใช้บริการ web hosting แบบเกิดมีคนเข้าเว็บเยอะจัดๆ แน่นอนว่า มันก็จะกินทรัพยากรของ Hosting มากขึ้นกว่าเดิมด้วยสำหรับเขาเลือกที่จะกำหนดข้อตกลงกับเราผู้ใช้บริการว่าอาจจะรองรับการมองเห็นจากคนเพียง 50,000 คนต่อเดือนเป็นต้น ซึ่งแน่นอนว่า ถ้าหากว่า คุณเลือกได้ เราน่าจะเลือกผู้ให้บริการที่ไม่ได้จำกัดเงื่อนไขนี้เสีย เพราะ ไม่แน่ว่า เว็บของคุณอาจจะใหญ่โตมีคนเข้าออกมากก็ได้ใครก็ไปรู้ เพราะ ถ้าหากว่าโดยจำกัดแล้ว คนเข้ามาก็จะไม่เห็นเนื้อหาของคุณ เป็นหน้าขาวเปล่าๆ ซึ่งทำให้คุณเสียโอกาสไปได้นั่นเอง
Domain name นั้นสามารถซื้อได้จากคนละที่กับผู้ให้บริการ Web Hosting
Domain name สำหรับความเข้าใจทั่วไป มันก็คือ ชื่อเว็บ นั่นเองแน่นอนว่าเราอยากจะได้เว็บชื่อของเราที่เรากำหนดเอง โดยไม่ซ้ำกับคนอื่น เราก็ต้องไปซื้อ Domain name นั้นมาเป็นของเรา หรือทำการจดทะเบียน ซึ่งแน่นอนว่า web hosting พวกนี้จะรับบริการรับจดชื่อเว็บด้วยเช่นเดียวกัน แต่นั้นไม่จำเป็นว่า คุณจะต้องจดกับคนที่ให้บริการ web hostng กับคุณอยู่ก็ได้ ส่วนตัวแล้ว เราแนะนำให้คุณจดทะเบียนชื่อเว็บกับ z.com เพราะราคาประหยัดมากจริงๆ เหมือนว่า เขาไม่เอากำไรกันเลยก็ว่าได้ หากคุณเจอที่ถูกกว่านี้ ก็ comment มาบอกกันได้ แต่คิดว่าไม่น่าจะมีแล้วแหละจริงๆ สำหรับชื่อโดเมนประเภท .com หรือ .net
บางที่บอกว่าเค้าให้ Web Builder สำหรับ WordPress ด้วยมันคืออะไร ?
สำหรับคนที่อยากจะทำเว็บด้วย WordPress มันจะศัพท์แสงภายในอยู่หลายอย่างหนึ่งในนั้นคือ Web Builder ซึ่งหมายถึง อุปกรณ์หร่ือวิธีการที่เอาไว้ให้คนวางเนื้อหา content มาเรียงต่อกันเป็นกล่องๆ ซ้อนๆ หรือแบ่งหน้าเว็บออกมาได้โดยง่าย อุปกรณ์ภายใน WordPress ตัวนี้เราจะเรียกมันว่าเป็น web builder
โดยปกติแล้ว สำหรับ WordPress version 5.0 ขึ้นไป จะมี web builder ที่เป็นค่าวิธีการเริ่มต้นมาให้เลยนั่นก็คือ Gutenberg ซึ่งมันง่ายเอามากๆแล้วแต่ก็จะมีคนที่ทำ web builder แบบอื่นๆด้วยเช่นเดียวกัน หรือแม้กระทั่งคนที่ีทำ template สำหรับ Guteberg ก็มีเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้สำหรับ web builder ที่มาแรงสำหรับปี 2020 เป็นต้นไปก็คือ Elementor เรียกได้ว่า มันได้รับความนิยมเป็นอย่างมากสำหรับคนที่รับสร้างเว็บให้ก้บคนอื่นเค้า เพราะ มันมี Template และสร้างออกมาได้ง่าย รวมทั้งสามารถกำหนดคุณลักษณะการแสดงผลหน้าเว็บได้แบบมืออาชีพเอามากๆจริงๆ หรืออีกนัยหนึ่งแปลว่า มันทำอะไรได้เยอะมาก และ อาจจะงงๆหน่อยหรือหาฟังก์ชั่นยากเสียหน่อย หากต้องการจะปรับเปลี่ยนอะไรให้ได้ดั่งใจเราแท้ๆ
การบริการที่พึงมีจาก web hosting
- การรับย้ายเนื้อหาระหว่าง hosting ให้ได้ทั้งหมด
- การตอบคำถาม และ ติดตามปัญหาเว็บดับให้ได้
- การ recovery หรือย้อนเวลาของหน้าเว็บของเราได้
- การช่วยเหลือแก้ปัญหาเชิงเทคนิค (ที่เราไม่รู้หรอกว่าแก้ยังไงหรือเราทำอะไรลงไป)
จำเป็นหรือเปล่าว่าเว็บไทยจะต้องใช้บริการ web hosting ของไทยเท่านั้น ?
คนที่ทำเว็บจะรู้ดีว่าการทำเว็บนั้น เราจะเน้นเรื่องความเร็วของการโหลดแสดงผลหน้าเว็บเป็นหลัก และ การที่ Hosting อยู่ในประเทศไทยนั้นก็ถือได้ว่าอาจจะช่วยเรื่อความเร็วได้มากขึ้นเล็กน้อยและอาจจะมีผลต่อการ index ของ Google เพราะ เค้ารู้แน่ชัดว่านี่เป็นเนื้อหาไทย และโฮสยังอยู่ใน Location พิกัดในประเทศไทยด้วยและ นั่นก็น่าจะทำให้การค้นหาสำหรับคนไทยในพื้นที่การค้นหาผ่านทาง Google.co.th นั้นน่าจะต้องแสดงผลได้อันดับที่ดีกว่า อย่างไรก็ดี สำหรับปี 2020 การเชื่อมต่อ internet ผ่านเครือข่ายทั่วโลกนั้นกระทำได้เร็วมากกว่าเดิมมาก และนั่นยังผลทำให้ load speed ของตำแหน่งของ Hosting service นั้นลดคุณค่าลงไปอย่างมีนัยสำคัญกลับทางกัน การแปลงขนาดไฟล์ให้เล็ก และ การลำดับหรือการโหลดขนานของข้อมูลทั้งตัวหนังสือ ภาพและเสียงของหน้าเว็บต่างหากที่มีปัจจัยเป็นสำคัญมากขึ้น และ ความเร็วของการเปลี่ยนหน้าหรือการแสดงผล โดยรวมแล้ว โฮสติ้งไทยที่เราใช้ WordPress นั้นก็ไม่ได้ทำให้ประสบการณ์ของผู้เข้าเว็บดีขึ้นเท่าใดนักสำหรับปี 2020 เป็นต้นไป เพราะมันเกี่ยวกับปัจจัยอื่นๆแทนเสียมากกว่านั่นเอง
Web Hosting ที่ราคาถูกแนะนำที่ไหนดี ? เหมาะกับการเริ่มต้นทำเว็บ WordPress ในปี 2021 นี้
เราได้ดูเงื่อนไขและราคาของเว็บ Hosting มาแล้วหลากหลายที่เพื่อจะได้ทำการสรุปให้กับคุณเลยว่า ถ้าหากว่า คุณต้องการเช่าโฮสสำหรับเว็บใหม่ของคุณ เราแนะนำให้คุณเลือกด้วยเหตุผลทั้งหมดที่บทความนี้ได้อธิบายไปแล้ว และหลายที่ก็เข้าเงื่อนไขเหล่านี้ด้วยเช่นเดียวกัน แต่เราพบว่าที่หนึ่งที่ประหยัดเงินกว่ารายอื่นๆมากนักคือที่ ipage.com กดที่นี่เพื่อแสดงหน้าเว็บที่ได้รับส่วนลดแล้ว โดยตอนนีี้หากเลือกเหมาจ่ายบริการรายสามปี คุณจะเสียเงินเฉลี่ยเดือนละเพียง 60 บาทโดยประมาณเท่านั้น เรียกได้ว่าถูกมากๆสำหรับ Hosting ระดับนี้ ซึ่งเป็น Share Hosting ดังนั้นแล้วจะเหมาะกับการทำเว็บด้วย WordPress ที่เป็นเนื้อหา Content ปกติ หรือ เว็บโปรฟายด์บริษัทต่างๆ ให้คุณเลือกผ่านปุ่มหลักของหน้าเว็บได้เลยที่แสดงราคา 1.99 USDต่อเดือน* (เหมารายสามปี)