rackmanagerpro.com

มีคนถามว่าทำยังไงถึงจะรวย ? จริงๆคุณๆก็รู้แต่ว่าไม่ทำหรอกเหนื่อย .. เฮอะๆ

รวยของเค้าคืออะไร ?

มักจะเป็นคำถามแรกๆที่จะต้องนิยามกันก่อนว่า อะไรคือความรวยที่เค้าต้องการ โดยมากแล้ว ผมว่าคนส่วนมากจะคิดว่า ความรวยนิยามดังต่อไปนี้ครับ

– สามารถที่จะหาเงินต่อเวลา (เช่นต่อเดือน) ได้ด้วยอัตราที่เยอะพอต่อการจ่ายออก
– การจ่ายเงินออกมาทั้งหมด(total expense)จะไม่เกินอัตราการไหลของเงินเข้า(income) เหมือนจะพูดกลับทางจากเมื่อกี้นี้
– แหล่งรายได้ (income source) เป็นแบบ passive หรือกี่ง passive เพื่อที่จะไม่ต้องทำอะไรมากมายนัก
– ใช้เวลาไปกับการเพิ่ม passive income source ได้หรือจะเอาเวลาไปพักผ่อนแบบไม่ต้องกังวลใดๆ ที่เค้าเรียกกันว่า “อิสระทางการเงิน”

ถ้าหากว่าสามสี่ประเด็นที่ว่ามารวมกันเรียกว่า “wealth” หรือ “ความมั่งคั่ง” หรือ “รวย” แล้วล่ะก็ สิ่งที่ต้องทำก็ตรงตัวตามที่ต้องการครับ คือ มีรายจ่ายที่ต่ำกว่ารายได้ แหล่งที่มาของรายได้เป็นแบบ passive หรืออย่างน้อยก็ต้องกึ่ง passive หลักๆก็มีเท่านั้นเอง

นอกจากนี้ยังไม่คนที่นิยามความรวยด้วยกายภาพเชิงวัตถุด้วย ก็จะมีเงื่อนไขเหล่านี้เพิ่มเข้ามาอีกครับ คือ

– จะต้องเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าเช่นบ้าน หรือ ที่ดิน
– ต้องมีรถหลากแบบหลากสไตล์เพื่อขับให้คนอื่นได้รับรู้ว่า เราเป็นคนรวย
– ต้องมีเครื่องแต่ง หรือ ของตกแต่งกายที่เป็นภาพลักษณ์สะท้อนว่า เป็นสินค้าราคาแพง และเป็นของตน

สามข้อหลังนี้มักจะเป็นนิยามความรวยอีกแบบที่คนมองเห็น หรือคนที่บอกว่าอยากรวยมองคนอื่นว่า คนนั้นรวยคนนี้รวยครับ เพราะมันมองเห็นได้ง่ายกว่าประเด็นแรกๆมากมายนัก (เรียกว่า เห็นได้ในทันทีก็ว่าได้) แต่ว่าอย่าเพิ่งเอาเป็นสารณะจะดีกว่าเพราะว่าคนที่มีเครื่องเคราเยอะไม่ได้แปลว่า เค้าจะรวยเสมอไป แต่เค้าดิวเรื่องกะเงินก้อนใหญ่เสียมากกว่าครับ และแน่นอนว่าคนรวยสามารถที่จะมีเครื่องเคราอย่างงั้นได้ ก็ไม่ได้แปลกอะไร แต่ในทางกลับกันไม่ได้แปลว่าคนที่มีเครื่องเคราจะรวยเสมอไปชุดนิยามแรกๆที่บอกไปครับ

งั้นมาดูทีละเรื่องดีกว่ามั้ย ? เรื่องแรกเงินที่จ่ายออก

ถ้าหากว่าคุณมีความต้องการใช้จ่ายเงินได้อย่างอิสระแบบไม่ต้องคิดหน้าคิดหลัง ผมต้องบอกก่อนว่ามันเป็นไม่ได้เลยที่จะไม่คิดหน้าคิดหลังแม้แต่น้อยครับ ลองคิดดูก่อนว่าถ้าหากว่าคุณต้องการรถทุกแบบทุกยี่ห้อมาไว้ที่บ้านของคุณเมื่อคุณได้รถมาแล้วคุณก็ต้องหาที่ดินเพื่อที่จะจอดมันอีกและถ้าหากว่าพอจะนึกออกมา รถเป็นสินทรัพย์ด้อยค่าลงทุกวัน เรียกว่าจอดเฉยๆมูลค่าก็ลดลง ไม่เหมือนกับที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ที่มีขึ้นและลงได้แล้วแต่เวลา และเหตุการณ์รอบตัว แปลว่า ตอนที่คุณจ่ายเงินออก ต้องคิดอยู่ดีน่ะครับ ไม่ว่าคุณจะมีเงินเยอะ หรือ คุณไม่มีตังค์สักเท่าไหร่ หรือไม่รวยนัก การซื้อสินค้าหรือบริการใดๆ เป็นเรื่องที่จะต้องคิดอยู่แล้ว แต่คุณกำลังจะคิดเทียบกับ income ต่อเวลาที่คุณได้มากต่างหาก เช่น ถ้าหากว่าคุณซื้อรถแปลว่าต้องจ่ายผ่อนเดือนละ 30000 บาท แต่ว่าคุณมีรายได้ต่อเดือน สามแสนบาท แปลว่าคุณผ่อนรถสูงสุดได้แค่ 10 คัน (ถ้าหากว่าทุกคนราคาเท่ากันเปลี่ยนสี เพื่ออะไรสักอย่าง) ไว้จะพิมพ์ต่อคราวหน้าน่ะครับ

คำค้นหาของคุณที่มาเจอหน้าเว็ปนี้:

Exit mobile version