มีคนขับรถบางคนบอกผมว่า เค้าขับยังไงก็เหมือนว่าไม่ได้เงิน เรียกได้ว่า รายได้น้อยกว่าที่คิดเอาไว้ และ ยังบอกว่าอีกว่าถ้าหากว่าาขับแบบนี้ต่อไปจะขาดทุน เลิกขับดีกว่า ! แต่สำหรับบทความนี้ ผมอยากจะบอกว่า คนที่เค้าขับแล้วได้เงินเยอะๆ คุ้มค่าก็มีกันเยอะอยู่ มาดูกันว่า จากที่ผมสัมภาทย์คนที่เค้าบอกว่า เค้าขับแล้วรายได้ดี เค้าทำกันอย่างไร ขอเน้นว่า UBERX นะครับ ไม่ใช่ UBER BLACK ครับ รายได้ต่อ กม. น้อยกว่า UBERBLACK มากถ้าหากว่าเอามาเทียบกัน แต่อย่างว่า ล่ะครับ คนที่เค้าขับได้รายได้มาก เค้ามีเทคนิคจริงๆครับ มาดูกันเลยว่า คนที่ขับรถ UBERX แล้วคุ้มค่าคุ้มเวลา เค้าทำอย่างไรกัน ?
เรียนรู้เส้นทางให้ดี และให้เลี่ยงเส้นทางที่รถติด
เหตุผลก็เพื่อที่จะเลี่ยงทางที่รถติด หรือจราจรคับคั่งได้นั่นเอง เพราะถ้าหากว่าคุณติดเข้าไปแล้วล่ะก็ คุณจะได้เงินแค่นาทีละ 1 บาทเท่านั้นเรียกว่าน้อยเอามากๆ กับการเอารถมาวิ่งและเผาน้ำมันนิ่งๆทิ้งไป เพราะงั้นแล้ว การที่คุณเข้าไปยังพื้นที่รถติดเมื่อไหร่ ความเสี่ยงต่อการไม่คุ้มค่าการขับก็จะเริ่มแวะเข้ามาหาคุณแล้วล่ะครับ
ให้เลี่ยงเวลาที่รถติดมากๆ
แม้ว่า UBERX จะมีโครงสร้างการการันตีในช่วงเวลาที่รถติดมหาโหด ในพื้นที่ที่มีการเรียกจาก ลูกค้า UBER มากก็ตามที แต่ว่าในมุมคนขับแล้ว ถ้าหากว่าหลงเข้าไปยังพื้นที่ที่รถติดนาน และยาว แล้วล่ะก็ ยังไงก็ไม่คุ้มอยู่ดี เพราะทำให้เสียเวลา และเสียโอกาสที่จะทำให้คุณได้รับลูกค้ารายอื่น ที่มีเส้นทางหนีตัวเมืองออกไป
คิดไว้เสมอว่า “วิ่งตามระยะทางให้ได้ไกลๆ” ในเส้นทางที่รถไม่ติด
เราไม่สามารถเลือกผู้โดยสารได้ และ ไม่สามารถเลือกปลายทางได้ หากว่าปลายทางยังอยู่ในพื้นที่ ที่ทาง UBER ได้กำหนดไ่ว้ แต่ว่า เราเลือกเส้นทางได้นั่นเอง ถ้าหากว่ามองว่าทางด่วน เป็น options ที่ดีกว่า ลองถามทางลูกค้าว่าจะขึ้นทางด่วนหรือไม่ และร้อยทั้งร้อย ถ้าหากว่าไม่ได้เส้นทางประจำของ เขา เค้าก็จะบอกว่าแล้วแต่เรา ซึ่งดูเหมือนว่า จะมีความรู้เรื่องเส้นทางที่รถติดน้อยกว่านั่นเอง (แต่ว่า คุณควรจะต้องรู้จริงๆด้วยล่ะ)
ถ้าหากว่าไม่รู้ทางเลือกใช้ Google Maps เพื่อการนำทาง
มันจะมีบอกว่า เส้นทางไหน จะใช้ระยะเวลาเท่าใด และ มีระยะทางเท่าไหร่ ให้เราเน้นเรื่องของเวลาให้สั้นที่สุด เอาไว้เป็นหลักในการเลือกเส้นทาง เพื่อที่จะขับตาม GPS นั้น เพราะเหตุผล เหมือนเดิม คือ ถ้าหากว่ารถติดความคุ้มจะน้อยกว่า จริงๆแล้ว คุณมีทางเลือกว่าจะให้ UBER APP นำทางหรือไม่แต่ว่า ผมแนะนำว่า … เลือกใช้ Google Maps เพื่อการนำทางนี่ถือว่าเป็น การเลือกที่ฉลาดที่สุด แล้ว เพราะมันรู้แม้กระทั่งว่า ที่ไหนรถติดไม่ติด รถชน ไม่ชน ชนที่ไหนอย่างไร และวิเคราะห์มาให้แล้วว่า เราควรเลือกเส้นทางไหนเพื่อการเดินทางให้เร็วที่สุดนั่นเอง
รู้ว่าที่ไหน อาคารไหน จะมีการเรียกรถใช้งานมาก ณ เวลาใด
ระหว่างที่รถเปล่า วิธีกาคิดเดียวที่คุณควรนึกเอาไว้ ไม่ใช่การเลือกที่จะวิ่งเข้าไปยังพื้นที่ที่มีตัวคุณ ถ้าหากว่าคุณคิดอย่างงั้น ผมบอกได้เลยว่าคิดผิดถนัด เพราะ แท้ที่จริงแล้วพื้นที่ที่มีตัวคุณนั้น UBER สร้างมาเพื่อทำให้การกระจายตัวของรถ UBER เพื่อให้รองรับการเรียกของคนให้พื้นที่เฉพาะนั้นๆ ให้ได้มากขึ้น และ แน่นอนว่า ไม่ใช่คุณคนเดียวที่คิดว่าจะเข้าไปยังพื้นที่นั้นแน่นอน ยังมีเพื่อนๆ คนขับ UBER คนอื่นๆ คิดแบบนี้ก็จะวิ่งเข้าไปเช่นเดียวกัน และ หลายต่อหลายครั้ง เมื่อคุณเข้าไปแล้ว ตัวคุณมันก็จะหายไปหรือว่า คุณดันวิ่งเข้าไปยังพื้นที่ที่รถติดมหาโหดแทน คุณจะไม่สามารถแม้กระทั่งรถผู้โดยสารได้ เพราะ รถมันติดแหงกกับถนนที่แทบไม่มีรถเคลื่อนที่ไปได้ (แน่นอนว่า นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมตัวคุณมันถึงได้เยอะด้วยเช่นเดียวกัน) แทนที่คุณจะคิดว่าวิ่งเข้าหาตัวคุณที่ ประกาศกันทั้งแอพให้ทุกคนรู้กันหมด คุณเลือกที่จะเรียนรู้แบบสัตว์ป่า คือ มีที่ลับสำหรับคุณเอง มีเส้นทางหรือ รู้แน่ชัดว่า อาคารสำนักงานไหน รถไม่ติด และเข้าไปถึงได้สะดวก แล้วยังเดินทางกลับออกมา เพื่อส่งลูกค้าได้สะดวกอีกต่างหาก ลองหาดูครับ เนื้อหานี้เราไม่สามารถบอกได้ว่า มันคือที่ไหน เพราะไม่อย่างงั้น มันก็คงไม่ได้เป็นพื้นที่ลับอีกต่อไปนั่นยังไงล่ะครับ
การจอดอยู่กับที่ให้ผลดีกว่าการเคลื่อนที่
ถ้าหากว่าคุณรู้แหล่งอยู่แล้วว่าเวลาใด จะมีคนเรียกรถกันมาก และที่นั่นคือที่ใด ให้คุณเอารถจอดในพื้นที่ใกล้เคียงในระยะห่างไม่มากนัก เพื่อที่จะทำให้รถของคุณถูกเรียก และเดินทางไปยัง ผู้โดยสารที่เรียกได้ในระยะเวลาที่สั้นที่สุด ! ใช่แล้ว นั่นคือ Logic หรือตรรกะ ของระบบการเลือกรถเวลาที่มีผู้โดยสารเรียกรถนั่นเอง คุณต้องทำตัวให้เป็นต่อคนอื่นเสียหน่อย แค่ว่า ใกล้และเดินทางไปยังตำแหน่งของผู้โดยสารเหล่านั้นได้เร็วก็จะได้เปรียบแล้ว !
ออนไลน์ในระบบให้ได้เงินฟรี โดยไม่ต้องวิ่งหรือวิ่งขั้นต่ำต่อชั่วโมงเท่าที่ได้รับกำหนดเท่านั้น
วิธีการนี้ คือ เทคนิคโบนัสประเภทหนึ่ง คือให้คุณออนไลน์เอาไว้ในพื้นที่ที่ไม่ค่อยมีคนเรียกเท่าไหร่นัก โดยไม่ต้องเปิดเครื่องใดๆ หรือไม่ต้องอยู่ในรถเลยก็ยังได้ (ดับเครื่องประหยัดน้ำมันดีกว่า) แล้วคอยสังเกตเวลาว่า คุณจะยังเหลือเวลาเพื่อทำรอบรับส่งคนได้หรือไม่ เพื่อให้คุณยังคงได้รางวัลโบนัสประเภทประกันรายได้ขั้นต่ำนั้นอยู่ โดย คุณเลือกขับเข้าไปยังพื้นที่ ที่มีคนเรียก เมื่อใกล้สิ้นสุด คาบเวลาสุดท้ายเพื่อสร้างรอบรับส่งคนให้เกินกว่าขั้นต่ำได้นั่นเอง และ ในทางกลับกัน ถ้าหากว่าคุณขับเกินกว่าขั้นต่ำแล้ว คุณสามารถเลือกขับออกไปยังพื้นที่ ที่ไม่ค่อยมีคนเรียก แล้วดับเครื่องรอ แต่ว่าออนไลน์ในระบบเอาไว้ เพื่อที่จะทำให้คุณได้รายได้ต่อชั่วโมงตามที่ UBER ระบบกลางได้ออกแบบเอาไว้ได้นั่นเอง
ทำการศึกษากฏของรายได้ที่ออกมารายสัปดาห์ให้ถ่องแท้
ถ้าหากว่าคุณไม่เข้าใจเกมส์ของการจ่ายเงินของ UBER แล้ว คุณจะไม่มีวันเข้าใจหรอกว่า คุณควรจะเลือก กลยุทธ์แบบใด ในการสร้างรายได้ โดยที่ไม่ต้องวิ่งรถได้ หรือจะต้องทำอย่างไร เพราะ แผนการจ่ายเงินของ UBER ไม่ได้มีกฏตายตัว แต่เป็นการออกแบบโดยคนที่ทำหน้าที่ บริหารเพื่อให้เกิดการกระจายตัวของรถ UBER และสร้างรายได้ของ UBER ส่วนกลางให้ได้มากที่สุด เท่าที่จะมากได้ต่างหาก โดยที่คุณ ในฐานะของคนขับรถ UBER เป็นหมากหนึ่งที่ต้องบริหารด้วยนั่นเอง แน่นอนว่า กฏที่สร้างออกมาใหม่รายสัปดาห์นั้น จะมีช่องให้คุณ สามารถสร้างรายได้ได้เป็นกอบเป็นกำและทำให้เกิดความคุ้มค่าในการลงแรงขับรถ (หรือจอดรถออนไลน์เอาไว้) ในที่สุด หากคุณไม่แน่ใจเรื่องกฏเกณฑ์ให้ติดต่อไปยังสำนักงาน UBER หรือ LINE ของ UBERBKK ได้โดยตรง (แต่ว่าเค้าจะไม่ค่อยตอบคุณสักเท่าไหร่หรอก)
สร้างรายได้จากการแนะนำเพื่อให้เพื่อนๆมาขับ
อย่างมองว่า คุณสร้างคู่แข่ง ! เพราะ แท้ที่จริงแล้ว คนที่เข้ามาทำ UBER ตรงนี้ มีส่วนหนึ่งเลิกทำตลอดเวลา เพราะ ไม่สามารถที่จะศึกษากฏเกณฑ์ หรือเลือกขับให้เหมาะกับเวลาว่าง หรือ เวลางานของตัวเองได้อย่างเหมาะสม หรือมองว่า ขับแล้วไม่คุ้ม แน่นอนว่า ถ้าหากว่าคนน้อยลงไปเรื่อยๆ คนเรียกก็จะไม่เรียก เพราะไม่มีรถให้นั่งนั่นเอง ถ้าหากว่า คุณคิดแบบนี้ แล้ว การที่คุณเรียกเพื่อนๆมาขับกัน น่าพอจะคิดได้ว่า เป็นการทำให้ระบบ UBER มีความแน่นอน และ มีลูกค้ามากขึ้นได้ยังไงอย่างงั้น แน่นอนว่า ถ้าหากว่าคุณเรียกเพื่อนมาสมัครได้ยิ่งมากคนก็จะได้รายได้พิเศษส่วนค่าแนะนำต่อคนด้วยเช่นเดียวกัน อาจจะเป็นสัดส่วนเงินมากกว่า มาขับรถก็ได้เช่นเดียวกัน แต่ว่าเพื่อนๆคุณที่โดยเรียกมาจะต้องขับมากกว่า 10 ครั้งในเวลาที่กำหนดด้วย (ขับจริงๆไม่ใช่ขับเล่นๆ) หากคุณยังไม่ได้สมัครขับ UBERX ให้เข้าไปอ่านวิธีการสมัครได้จากที่นี่ เพื่อที่จะได้รับเงินค่าถูกแนะนำ 500 – 1000 บาท (แล้วแต่ promotion ตอนนั้น)
ทำการจดบันทึกเรื่องค่าน้ำมัน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ
การขับ UBER มันก็เหมือนกับการทำธุรกิจยังไงอย่างงั้น คุณเองก็ต้องรู้ว่าตัวคุณเองใช้เงินไปเท่าไหร่ ต้นทุนตัวคุณเอง เท่าไหร่ ต้นทุนที่จ่ายออกไปเป็นเงินเท่าไหร่กันแน่ และคุณใช้เวลากับมันเท่าไหร่กันแน่ เพื่อที่จะประเมินออกมาได้ว่า “มันคุ้มหรือไม่!?” ที่จะขับ UBER หรือว่า ถ้าหากว่าคุณรู้สึกว่ามันคุ้ม มันจะได้รู้แน่ชัดไปเลยว่า รายได้ลบค่าใช้จ่ายแล้วมันเหลือเท่าไหร่ ให้คุณเห็นภาพได้ดีกว่า เพื่อที่จะตัดสินใจได้ด้วยว่า กลยุทธ์ที่เลือกใช้นั้น มันทำให้เกิดความคุ้มค่าทางการเงินต่อตัวคุณเองมากน้อยแค่ไหนกัน
ต้องบอกก่อนว่า ผมไม่ได้เป็นคนขับเอง แต่ว่านี่เป็นการสัมภาทย์หรือสอบถามมาจากคนที่เค้าขับแล้ว เค้าบอกว่า เค้าได้รายได้ดี ดีกว่าการที่ไปนั่งขับรถน้ำมันให้กับบริษัทน้ำมันรายใหญ่ๆเสียอีก และงานก็เบากว่ามากๆ เพราะมันมีอิสระดี แต่ว่าแน่นอนว่า ความอิสระนั้น ย่อมมากับวินัย เพื่อที่จะสร้างรายได้ให้คุ้มค่ากับตัวคุณเองนั่นเอง สุดท้ายนี้ บทความนี้ขอย้ำอีกสักหน่อยว่า มันจะไม่มีกลยุทธ์ใด ที่ใช้ได้อย่างถาวรแน่นอนตลอดเวลา เพราะทาง UBER เองมีการปรับเปลี่ยนแผนการจ่ายเงิน และโครงสร้างแรงจูงใจกันรายสัปดาห์ เพราะงั้นแล้ว การศึกษาเรื่องแผนแรงจูงใจ และแผนรายได้เหล่านั้นต่างหาก ถือเป็นเรื่องที่คุณต้องทำเป็นปกติวิสัย เพื่อที่จะเอาชนะเกมส์ความคุ้มในการขับนั้นได้ในที่สุดด้วยตัวคุณเอง