เนื่องด้วยยาสีฟันหมดเร็วเกินที่บ้าน ทำให้กลับมาคิดว่าเราใช้ปริมาณยาสีฟันต่อครั้งมากเกินความจำเป็นหรือไม่เลยมา google คำถามทำนองนี้อยู่ทำให้ตาสว่าง พบว่า เท่าที่ research มาในเน็ตจะบอกเป็นเสียงเดียวกัน คือ คนทั่วไปจะใช้ยาสีฟันมากเกินไปเพราะไปเชื่อโฆษณาว่าจะบีบต้องบีบให้ยาวๆ ซึ่งแท้ที่จริงการบีบยาสีฟันยาวแบบนั้น มันก็เพื่อทำให้โฆษณาออกดูดีเท่านั้นเอง ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่านี้ อีกอย่างเค้าอาจจะตั้งใจหลอกเราก็ได้ว่า จะใช้ต้องเอามากๆเพื่อให้ซื้อบ่อยขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น
ผู้ใหญ่ใช้แค่เม็ดถั่วลิสง
ปริมาณจากเว็ปคอลเกทเองก็บอกอยู่ว่าสำหรับคนทั่วไปแล้วแนะนำใช้ปริมาณยาสีฟันแค่ 1 ถึง 1.5 มิลลิลิตร ถ้าหากว่าบอกแบบนี้อาจจะคิดไม่ออก คือ ถ้าหากว่าเทียบกับขนาดอื่นๆที่เรารู้จักน่าจะอ้างอิงไปที่ขนาดของถั่วลิสงหนึ่งเม็ดโตเต็มเม็ด หรือ ถ้าหากว่าบางเว็ปจะบอกว่า ให้บีบความยาวเท่าขนแปรงก็เป็นการกะเกณฑ์ปริมาณการใช้ได้ง่ายเช่นเดียวกัน (ความยาวของขนแปรงคือด้านตั้งของขนแปรงหรือความสูงของขนแปรง อย่างเข้าใจผิด)
เด็กใช้ยาสีฟันแค่เม็ดถั่วเขียว
สำหรับเด็กแล้ว จะใช้ปริมาณน้อยกว่าผู้ใหญ่ลงไปหนึ่งเท่าตัว หรือถ้าหากว่าจะพิจารณาปริมาณเพื่อใช้สือสารคือประมาณเม็ดถั่วเขียว หรือมองว่าเป็นปริมาณแค่ครึ่งหนึ่งชองที่ผู้ใหญ่ใช้เท่านั้น ทั้งนี้ วัตถุประสงค์ที่ต้องลดปริมาณการใช้ยาสีฟันในเด็ก มีเหตุผลประการหนึ่งคือ การที่จะไม่ทำให้เด็กกลืนกินยาสีฟันในปริมาณมาก ทำให้ยาสีฟันเองนั้นต้องมีปริมาณน้อยเท่าที่จะทำได้ และยาสีฟันเด็กต้องมีฟูออไรด์ไม่อย่างงั้นไม่รุ้ว่าจะใช้ยาสีฟันไปเพื่ออะไรให้ได้ประโยชน์กัน
ยาสีฟันไม่ได้ทำความสะอาดฟันแต่เป็นแปรงต่างหาก
อีกเรื่องหนึ่งที่เป็นประเด็นใหม่สำหรับการใช้ยาสีฟันก็คือ มันไม่ได้ทำหน้าที่ทำความสะอาดอะไรเลย แต่ว่าเป็นหน้าที่ของแปรงสีฟันต่างหากที่ทำหน้าที่ทำความสะอาดนี้ แต่ยาสีฟันเหมือนเป็นแค่ตัวช่วย โดยมีหลายเว็ปจะเน้นไปที่การมาซึ่งฟูออไรด์ เพื่อป้องกันฟันผุเสียมากกว่า และเน้นที่การใช้ในเด็กเสียด้วย แต่สำหรับผู้ใหญ่แล้วไม่ได้มีประเด็นอะไรสื่อสารในเรื่องดังกล่าวมากนัก
เพราะงั้นแล้วลองดูซิว่าท่านใช้ยาสีฟันเกินจำเป็นไปเยอะแยะแค่ไหนแล้ว และ ยาสีฟันบางยี่ห้อก็ชอบบอกว่า เราใช้ปริมาณยาสีฟันเพื่อความสะอาดฟันแค่เท่าเม็ดถั่วเท่านั้น แม้ว่าจะแพงกว่าแต่ว่าคุ้มค่าแน่นอนด้วยคุณภาพของยาสีฟันอันยอดเยี่ยม (อาจจะคุ้นๆกับประโยคนี้ถ้าหากว่าคุณมีเพื่อนที่จะชวนกันไปทำธุรกิจด้วยกัน) ก็ไม่เป็นความจริงเลย เพราะทุกยี่ห้อก็ต้องใช้น้อยๆเท่านี้อยู่แล้วเหมือนกันนั่นเอง