ทำไมองค์กรต้องแยกความรู้และทักษะของแผนกขายและผลิตออกจากกัน

การทำงานสำหรับองค์กรแล้ว ส่วนแผนกที่สำคัญสองแผนกคือ แผนกใดๆที่หาลูกค้าหรือติดต่อลูกค้า ไม่ว่าจะถูกเรียกในรูปแบบใดๆก็แล้วแต่ เช่น ฝ่ายขาย ทีมขาย พนักงานขาย และอีกแผนกก็คือ แผนกที่เป็นภาคผลิตหรือติดต่องานเพื่อทำให้การขายนั้นเกิดขึ้นสมบูรณ์ ไม่ว่าสิ่งที่ขายนั้นคือ สินค้าหรือบริการก็ตาม แผนกที่ว่านี้อาจจะเรียกว่า แผนก production แผนกประสานงานขาย co-sales หรือถ้าหากเป็นการซื้อมาขายไป ก็จะกลายเป้นจัดซื้อนั้นเอง (เพราะถ้าหากว่าซื้อมาขายไป ก็ซื้อนั้นก็อาจจะมองได้ว่าเป็นการบริการ) ทั้งสองแผนก ตามที่ผมได้ยกตัวอย่างไว้ สั้นๆต่อไปนี้ผมจะเรียกว่าแผนกขายและแผนกผลิตแล้วกันเพื่อความเข้าใจตรงกันแต่มันแค่คลุมความมาากกว่านั้นตามที่ได้อธิบายไปแล้ว สำหรับองค์กรแล้ว การทำงานจะต้องเป็นเรื่องของการประสานงานกันหลายฝ่ายที่มีทักษะและความสามารถไม่เหมือนกัน หรือ คนละขั้วกัน และ องค์กรจะต้องแยกงานเหล่านั้นออกมาเด็ดขาดจากกันอย่างสิ้นเชิงให้ได้ ทั้งนี้ เพื่อวัตถุประสงค์ของ การผลิตแข่งขัน ความลับทางการค้า และ การป้องการเกิดคู่แข่ง หรือบ่มเพาะคู่แข่งในระดับองค์กรนั่นเอง

อยากแนะนำว่าร้านอาหารหรือ Shop offline ขายของควรมี Wifi Free ไว้สร้าง WOM

เขียนหัวเรื่องแบบนี้อาจจะคิดแค่ว่า เอา Wifi มาปะไว้หน้าร้าน เพื่อให้คนเข้าร้านมาใช้ มันแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นเองครับ ไม่ได้เป็นคำตอบทั้งหมด ผมคิดว่า ประเด็นอีกเรื่องที่คุณๆอาจจะยังไม่คิดหรือคิดไม่ถึงนั้นก็คือ โลกของเราเป็นโลกของการ share ข้อมูลผ่านอุปกรณ์มือถือกันแล้วครับ ตอนนี้อย่างที่คุณๆรู้กันว่าผมเปลี่ยนจาก Windows Mobile Phone (HTC Diamond) มาเป็น iPhone 3GS ตัว TOP สุดเท่าที่มันจะมีได้ คือ 32 GB (ไม่รู้ทำไมมันพื้นที่เยอะอย่างงั้น แล้วก็คิดไม่ออกอีกต่างหากว่าจะเอาพื้นที่เยอะๆไปทำไมเพราะเนื้อหาทั้งหมดผมอยู่บน internet อยู่แล้ว) แล้วก็มาสังเกต พฤติกรรมตัวเองว่า ผมใช้มันเพื่ออะไร ทำอะไรกับมันบ้าง มีข้อสังเกตประการหนึ่งก็คือ ถ้าหากว่าผมเดินทางไปร้านอาหารหรือว่าร้านค้า ถ้าหากว่าเค้าบอกว่า Free Wifi…

TOPSY.com ดูว่า link คุณโดน retweets ใน Twitter มากแค่ไหน

 TOPSY เป็นเว็ป search ที่ทำหน้าที่ค้นหาคำหรือข้อมูลใดๆก็ได้ที่คนเค้าพูดกันใน Twitter นั้น Link ต่อไปยังที่อื่นที่มีหัวเรื่องที่มีคำที่เราค้นหา (อ่านอีกรอบอาจจะทำให้เข้าใจได้มากขึ้นครับ) ก็แปลว่า ถ้าหากว่าคุณมี website หรือเว็ปบล็อค คุณก็แค่ค้นหาด้วย url ที่เป็น domain name ของคุณดูว่า มีคนเอา link ของคุณไป forward คุยกัน บอกต่อเพื่อนๆขอเค้าเหล่านั้นเยอะแยะแค่ไหน แล้วก็ดูได้ด้วยว่า คนที่บอกต่อนั้นคือใครกัน ยกตัวอย่างดีกว่า ผมเป็นคนทำเว็ป blog ก็แค่พิมพ์ว่า "rackmanagerpro" เข้าไปหรือว่าอาจจะพิมพ์ว่า "rackmanager" เข้าไปก็ได้ที่ search box ของ topsy.com แค่นั้นผลก็จะแสดงออกมาทันทีเลยว่า…