วิธีการคิดลงทุนซื้อของโดยคิดเทียบกับเวลาที่เราใช้งาน

เมื่อประมาณสัปดาห์ก่อนผมได้อ่านบทความเกี่ยวกับ concept ในการเลือกซื้อสินค้า หรือเลือกที่จะจ่ายอะไรและไม่จ่ายอะไรโดยใช้เวลาเป็นตัว Distribute เงินออกไปซึ่งผมว่า มันก็ฟังดูใช้ได้เลยอยากจะเอามาเล่าให้ฟังเสียหน่อยว่า มันเป็นยังไงกันแน่ กับการที่เลือกจ่ายเงินกับสิ่งของรอบตัวตามเวลาที่เราจะใช้มัน ปกติแล้ว คนเราจะเลือกที่จะจ่ายเงินเพื่ออะไรนั้น ขึ้นอยู่กับว่า เราอยากจะได้มันมากแค่ไหน แล้ว เราเห็นคุณค่าของมันมากแค่ไหน และในทางกลับกันก็คือ เรามีมุมมองต่อมูลค่าเงินที่เรามีอยู่มากแค่ไหนด้วย เช่น ถ้าหากว่าเราคิดว่า เราจะซื้อรถมาสักคัน เราเอาอะไรเป็นเงื่อนไขว่ามันมีมูลค่ามากแค่ไหน ได้จากความคิดความอ่านของเราเอง เช่น เราต้องการความปลอดภัยมากแค่ไหน เราต้องการภาพลักษณ์ของคนอื่นที่มองมาที่รถเรามากแค่ไหน ต้องการให้รถนั้นแสดงฐานะทางสังคมหรือไม่ หรือ การตลาดของ Brand นั้นๆ ทำให้เรารับรู้ถึงคุณค่าของ Brand ได้มากแค่ไหน (แน่นอนว่าถ้าหากว่า การตลาดไม่ได้ทำอะไรเลย เราก็จะไม่รับรู้ถึงคุณค่าของแบรนด์นั้นเลยแม้แต่น้อย) และ ในทางกลับกัน เราก็จะมองเงินในกระเป๋าว่า เงินจำนวนนั้นเราได้มายากง่ายแค่ไหน…

ห้าแพร่ง : เรื่องสยองๆที่อาจจะเกิดขึ้นได้กับ internet user มือใหม่

ถ้าหากว่าคุณเป็นคนที่เพิ่งใช้งาน internet ได้ไม่นานนัก (ไม่รู้จะมีเหรอป่าวน่ะครับ) มันจะต้องมีเรื่องให้ระวังตัวอยู่หลายเรื่องอยู่เหมือนกันนะครับแต่ว่าเรื่องพวกนี้เมื่อเวลาผ่านไปจะทำให้มีความระวังตัวมากขึ้นเรื่อยๆ จนเรียกได้ว่ารู้ทันครับ เรื่องที่ผมเอามาเล่าเนี่ยะเป็นประสบการณ์จากเรื่องที่เจอตรงๆกันเรื่องที่คนอื่นเค้าเล่าให้ฟังอีกทีน่ะครับ ยังไงก็ลองอ่านดูแล้วกันครับผม แพร่งแรก email spam หลอกเอาเงิน : สำหรับผมเริ่มเล่นใหม่ๆมักจะสร้าง email เป็นงานแรกๆที่จะต้องมี แล้วไม่นานนักหากว่าคุณ post email ไปตามที่ต่างๆก็จะเริ่มได้รับ spam หรือว่าคุณเริ่มแจกนามบัตรให้กับคนที่ไม่น่าไว้ใจ เค้าเหล่านั้นก็อาจจะเอา email คุณไปเข้าเป็นฐานข้อมูลอีเมล์เพื่อการ spam ได้น่ะครับ คุณจะได้รับ email ขายของไม่ว่าจะเป็นยาไวอาก้าหรือว่าตัวเพิ่มขนาดเจ้าโลก หรือแม้กระทั่ง email ที่บอกว่าคุณโชคดีเหลือเกินกำลังจะได้โชคหรือได้เงินด้วยวิธีการใดก็สุดแล้วแต่ ถ้าหากว่าโอนเงินอะไรไปตามเมล์ทีว่านั่นหรือว่าซื้อของอะไรทำนองนี้ไปอาจจะออกแนวขนลุกเล็กน้อยเพราะเงินจะหายไปในกลีบเมฆเป็นแน่แท้ แพร่งที่สอง email forward สยองแสดงภาพติดตา :  ส่วนมากแล้วจะเป็นเมล์ที่ได้รับจากเพื่อนๆที่เราไม่ได้รู้จักสักเท่าไหร่…

ทำไมมีเว็ปแล้วยังจะต้องมี Blog อีกล่ะ?

อีกเหตุผลที่คนอาจจะสงสัยว่าทำไมต้อง Blog Blog แล้วได้อะไรถ้าได้อะไร คำตอบอีกคำตอบหนึ่งที่คนทั่วไปไม่รู้ก็คือ Blog แล้วคุณจะเป็นควบคุม Keyword ใดๆก็ได้ที่ไม่มีการแข่งขันกันสูงมากน่ะครับ ยกตัวอย่างเช่น Garmin Mobile XT (เป็นชื่อ software แผนที่มี ppc หรือพวก smartphone น่ะครับ ผมใช้อยู่เพราะว่าผมมี HTC TOUCH DIAMOND ครับผม) คำว่าควบคุมแปลว่า search มาแล้วเจอ content หรือเนื้อความของคุณๆที่หน้าเว็ปน่ะครับ อย่างผม upload content เกี่ยวกับ Google Maps ที่ใช้งานร่วมกับแผนที่ Garmin Mobile XT…

ข้อมูลบนเน็ตเชื่อได้อย่างงั้นหรือ?

ไม่ว่าจะเป็นงานวิจัย หรืออ้างว่าเป็นงานวิจัย โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับอาหาร โรค และการลดน้ำหนัก ที่เห็นในเน็ตจะไม่ได้มีการรองรับว่ามันมีความถูกต้องมากน้อยเพียงใด มันเป็นเพียงแต่การแต่งเรื่องขึ้นมาก็ทำได้ หรือแม้ว่ามันจะเป็นความจริง เราก็แทบไม่รู้หรอกว่ามันเป็นความจริง งานวิจัยใดๆหากว่าเป็นงานวิจัยจริง มันจะมีเหตุผลต่อคนๆหนึ่งได้สองทางด้วยกัน คือ เป็นไปตามที่คนอ่านคิดไว้ หรืออีกกรณี คือ ขัดกับความคิดเห็นของคนอ่านนั้น หากตกกรณีที่งานวิจัยหรือบทความนั้นเหมือนหรือสอดคล้องกับความคิดของคนอ่าน เค้าก็ย่อมมั่นใจกับแนวคิดนั้นมากยิ่งขึ้น โดยสามารถบอกคนอื่นต่อไปได้อีกว่า อืม.. ผมเคยเจอเรื่องนี้จากที่อ่านมา ..(ที่ไหนก็ว่าไป.. ) แล้วก็บอกให้คนอื่นเชื่อหรือทำตาม มากไปกว่านั้นความคิดแบบนั้นก็ส่งผ่านไปหาคนอื่นต่อไปอีกได้ แล้วถ้าหากว่าคุณเป็นคนที่น่าเชื่อถือเข้าไปอีก ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นๆ มันก็จะทำให้เนื้อความที่คุณบอกต่อคนอื่นเค้านั้น ยิ่งดูน่าเชื่อและน่าเป็นไปได้ขึ้นไปมากๆกว่าเดิมเป็นอันมากครับ หรือพิจารณาในทางกลับกัน หากว่าเราได้ยินมาแล้วมันไม่ตรงกับความคิดของคนฟัง คนที่รับข้อมูลจะคิดได้สองทางคือ กลับความเชื่อเดิมแล้วเชื่อสิ่งใหม่ที่ได้ยินได้ฟังได้อ่าน หรืออีกกรณีก็คือ คนๆนั้นไม่เชื่อและพยายามหาข้อมูลเพื่อยืนยันความเชื่อของตนต่อไป แหล่งที่มาของข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือหรือดูน่าเชื่อถือ หรือ .. แทบดูไม่น่าเชื่อถือเอาซะเลย ..ทั้งหลายทั้งปวง…