ข้อมูลที่ไหลผ่านการรับรู้ของเราในตอนนี้ มีได้หลายช่องทางเอามากๆ ทำให้เราต้องมีความคิดในการกรองข้อมูลและเลือกที่จะเชื่อแบบมีข้อสงสัยเอาไว้ก่อน อย่าเพิ่งเชื่อไปเสียทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการบอกกล่าวจากเพื่อนฝูง ผู้หลักผู้ใหญ่ หรือแม้ระทั่งคนที่เรานับถืออยู่ การโอนถ่ายของมูลไม่ว่าด้วยการพิมพ์(เขียน)เพื่อให้อ่าน หรือแม้การสื่อสารด้วยคำพูดภาษาเพื่อให้รับทราบได้ด้วยสัมผัสหู และไหลเข้าสมองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ (ยกเว้นคุณจะมีสุดยอดทักษะหูทวนลม และความสามารถในการปฏิเสธการรับรู้จากเสียง) เมื่อคุณได้รับเนื้อหานั้น สมองของคุณเองเบื้องต้นจะ “เชื่อ” และรับความสิ่งนั้นเป็นความจริงเสียก่อน ก่อนที่คุณจะเริ่มมีสติก็กรองข้อเท็จจริง ความคิดเห็น และจุดมุ่งหมายเบิ้องหลังออกจากกันได้ คนที่สื่อความมีจุดมุ่งหมายอะไรเบื้องหลัง ก่อนอื่นคุณต้องทราบก่อนว่า ไม่มีใครบอกอะไรคุณแบบไร้เหตุผล (แม้ว่ามันจะเป็นเหตุเป็นผลกันหรือไม่ก็ตาม) ไม่มีคำพูดขึ้นมาลอยๆ แม้ว่ามันเหมือนกับการพูดบ่นขึ้นมาลอยๆก็ตาม เช่น เห็นคนทำงาน แล้วพูดกับตัวเองว่าเหนื่อย แต่ความเป็นจริงแล้วคนที่พูดนั้นต้องเห็นเราเสียก่อน เพื่อที่บอกเอ่ยวาจาออกมาว่า “เหนื่อย” เพื่อให้เรารับรู้อะไรบางอย่าง และมีเหตุผลในการพูดแอบแฝงไว้ตั้งแต่ต้นอย่างไม่ต้องออกแรงคิดมาก จุดมุ่งหมายในการเอ่ยข้อความหรือถ้าหากว่ามันยาวมากก็จะเป็นข้อมูล เมื่อตัวอักษรหรือคำเหล่านั้นไหลผ่านในรูปแบบของตัวหนังสือหรือคำที่ลอยมาตามลมผ่านการกระแทกของแรงดันอากาศกระทบแก้วหู มันก็จะสื่อส่งผ่านไปยังสมองทันที สิ่งแรกที่คุณจะต้องเริ่มกังขาก็คือ คำพูดเหล่านั้นเป็นสิ่งที่คนพูดรับรู้และไม่บิดเบื่อนจากความคิดใต้จิตสำนึกนั้นแล้วหรือไม่ โดยเป็นแนวคิดที่คนๆนั้นฝังหัวอยู่แล้ว และเชื่อตามนั้นอย่างจริงจังและไม่ม่ีข้อกังขาฝังอยู่ในหัวของคนพูดอีกแล้วหรือไม่หากคุณวิเคราะห์จากอาการ…