เส้นเลือดในสมองแตก สัญญาณอันตราย! รู้เท่าทัน ป้องกันได้

สรุปเนื้อหาจากวีดีโอ แบ่งเป็นประเด็น

ประเด็นที่ 1: ข่าวการเสียชีวิตของ คุณแทน ไร้เทียมทาน

คุณแทน ไร้เทียมทาน ยูทูปเบอร์และพิธีกรชื่อดังสายรีวิวอาหาร เสียชีวิตแล้วด้วยโรคเส้นเลือดในสมองแตก

ประเด็นที่ 2: สถิติโรคหลอดเลือดสมอง

  • ในประเทศไทยพบว่ามีผู้เสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมองเฉลี่ยชั่วโมงละ 4-5 คน และในปี ๆ หนึ่งจะมีคนเสียชีวิตประมาณ 30,000-35,000 คน

  • วันที่ 29 ตุลาคม ของทุกปี เป็นวันโรคหลอดเลือดสมอง

  • โรคหลอดเลือดสมอง หรือ โรค Stroke เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 2 ของโลก และเป็นสาเหตุของการเกิดความพิการในอันดับ 3 ของโลก

  • ในปี 2563 มีผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองประมาณ 80 ล้านคนทั่วโลก โดยในปีหนึ่ง ๆ จะมีผู้เสียชีวิตประมาณ 5 ล้านคน และมีแนวโน้มผู้ป่วยเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 15 ล้านคน

  • ในประเทศไทยปี 2562 พบผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองประมาณ 350,000 คน และในปี ๆ หนึ่งจะมีผู้เสียชีวิตประมาณ 35,000 คน

  • ข้อมูลจากกองควบคุมโรคในประเทศไทย พบว่าทุก ๆ 4 คน จะมี 1 คน ที่มีโอกาสเป็นโรคหลอดเลือดสมอง

ประเด็นที่ 3: สาเหตุหลักของโรคหลอดเลือดสมอง

สาเหตุหลักของโรคหลอดเลือดสมอง คือ โรคความดันโลหิตสูง

ประเด็นที่ 4: สถิติโรคความดันโลหิตสูงในไทย

  • ในประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงประมาณ 13 ล้านคน

  • มีผู้ป่วยประมาณ 7 ล้านคนที่ไม่รู้ตัวว่าป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง

  • โรคความดันโลหิตสูง เป็นภัยเงียบที่มักไม่แสดงอาการ

ประเด็นที่ 5: ตัวอย่างผู้ป่วยความดันโลหิตสูง

มีกรณีศึกษาผู้ป่วยที่มีอาการปวดฟัน แต่เมื่อทำการตรวจวัดความดัน พบว่า ความดันตัวบนสูงถึง 220 และตัวล่าง 120 มิลลิเมตรปรอท โดยที่ผู้ป่วยไม่มีอาการผิดปกติใด ๆ เลย แสดงให้เห็นว่าร่างกายของผู้ป่วยได้ปรับตัวจนเคยชินกับภาวะความดันโลหิตสูงแล้ว

ประเด็นที่ 6: ความเสี่ยงของโรคความดันโลหิตสูง

  • ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง มีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดสมองเพิ่มขึ้น 2-4 เท่า และเพิ่มโอกาสการเกิดโรคหัวใจประมาณ 2 เท่า

  • นอกจากนี้ ยังทำให้เกิดโรคไตเสื่อม ไตวายเรื้อรัง เพิ่มขึ้น และมีโอกาสเป็นโรคไตวายในอนาคต

ประเด็นที่ 7: การป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง

  • สำคัญที่สุดคือ การรู้ตัวเองว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูงหรือไม่ โดยการวัดความดันโลหิต

ประเด็นที่ 8: ความดันโลหิตมีกี่ประเภท

  • ความดันโลหิตตัวบน หรือ Systolic Blood Pressure คือ แรงดันของเลือดในขณะที่หัวใจบีบตัว

  • ความดันโลหิตตัวล่าง หรือ Diastolic Blood Pressure คือ แรงดันของเลือดตอนที่หัวใจคลายตัว

ประเด็นที่ 9: เกณฑ์การวัดความดันโลหิต

  • ค่าปกติ: ความดันตัวบนต้องไม่เกิน 120 มิลลิเมตรปรอท และตัวล่างต้องไม่เกิน 80 มิลลิเมตรปรอท

  • ความดันโลหิตเริ่มสูง:

    • ตัวบน มากกว่าหรือเท่ากับ 120 แต่ยังไม่เกิน 140 มิลลิเมตรปรอท

    • ตัวล่าง มากกว่าหรือเท่ากับ 80 แต่ยังไม่เกิน 90 มิลลิเมตรปรอท

  • โรคความดันโลหิตสูง แบ่งเป็น 3 ระดับ

    • ระดับที่ 1:

      • ตัวบน มากกว่าหรือเท่ากับ 140 แต่ยังไม่ถึง 160 มิลลิเมตรปรอท

      • ตัวล่าง มากกว่า 90 แต่ยังไม่เกิน 100 มิลลิเมตรปรอท

    • ระดับที่ 2:

      • ตัวบน มากกว่าหรือเท่ากับ 160 แต่ยังไม่ถึง 180 มิลลิเมตรปรอท

      • ตัวล่าง มากกว่าหรือเท่ากับ 100 แต่ยังไม่ถึง 110 มิลลิเมตรปรอท

    • ระดับที่ 3:

      • ตัวบน มีค่าสูงมากกว่าหรือเท่ากับ 180 มิลลิเมตรปรอท

      • ตัวล่าง สูงมากกว่าหรือเท่ากับ 110 มิลลิเมตรปรอท

ประเด็นที่ 10: ข้อแนะนำหากพบว่ามีความดันโลหิตสูง

  • หากพบว่ามีความดันโลหิตสูงตั้งแต่ระดับที่ 1 ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติม

  • หากมีความดันโลหิตสูงร่วมกับโรคประจำตัวอื่น ๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคไต โรคไขมันในเลือดสูง จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเส้นเลือดสมอง เส้นเลือดหัวใจ หรือไตวาย

  • หากมีความดันโลหิตสูงระดับที่ 3 ถือเป็นภาวะฉุกเฉิน ควรรีบไปรักษาที่โรงพยาบาลทันที

ประเด็นที่ 11: โรคความดันโลหิตสูง แบ่งเป็นกี่แบบ

โรคความดันโลหิตสูง แบ่งออกเป็น 2 แบบ

  • แบบที่ 1 หรือ Primary Hypertension เป็นโรคความดันโลหิตสูงที่ไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งสาเหตุนี้พบได้ถึง 90-95% ของโรคความดันโลหิตสูงทั้งหมด โดยอาจมาจากพันธุกรรม อายุที่มากขึ้น หรือพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น

    • การรับประทานอาหารเค็มจัด รสจัด

    • การดื่มแอลกอฮอล์

    • การสูบบุหรี่

    • การมีน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์

    • การพักผ่อนไม่เพียงพอ

    • การขาดการออกกำลังกาย

  • แบบที่ 2 เป็นโรคความดันโลหิตสูงที่ทราบสาเหตุ เช่น เกิดจากโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น โรคไต โรคเบาหวาน

ประเด็นที่ 12: อาการของโรคหลอดเลือดสมอง

โรคหลอดเลือดสมอง มักไม่มีอาการเตือน มักเป็นแบบทันที โดยสังเกตได้จาก FAST

  • F – Face มีอาการอ่อนแรงที่กล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า พูดไม่ได้ ปากเบี้ยว หนังตาตกข้างใดข้างหนึ่ง หรือมีอาการชาที่ใบหน้า

  • A – Arm มีอาการอ่อนแรง หรือมีอาการชา ที่ขา และที่แขนข้างใดข้างหนึ่งโดยทันที

  • S – Speech มีปัญหาในการพูด เช่น พูดไม่ได้ หรือฟังไม่เข้าใจ รวมถึง พูดลำบาก หรือพูดไม่ชัด และจะมีอาการเปลี่ยนแปลงของระดับความรู้สึกตัว อย่างรวดเร็ว เช่น ซึมลง เรียกไม่รู้ตัว หรือเวียนศีรษะ

  • T – Time เวลา คนไข้กลุ่มนี้ต้องแข่งกับเวลา หากพบแล้วต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลโดยทันที

ประเด็นที่ 13: สาเหตุของอาการโรคหลอดเลือดสมอง

  • สาเหตุที่ 1: เกิดจากความดันโลหิตสูง ส่งผลทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมอง

  • สาเหตุที่ 2: เกิดจากเส้นเลือดแดงที่สมอง เกิดการโป่งพองและแตกออก หรือที่เรียกว่า ภาวะเส้นเลือดสมองโป่งพอง (ruptured aneurysm) ซึ่งส่วนนี้อาจมีปัญหาตั้งแต่กำเนิดแล้วว่าเส้นเลือดแดงบริเวณศีรษะมีความผิดปกติไป หรืออีกกรณีนึงเพิ่งเกิดขึ้นตอนที่อายุมากขึ้น โดยสาเหตุหลักก็ยังคงเป็นโรคความดันโลหิตสูง ความดันโลหิตสูงที่ควบคุมได้ไม่ดี จะมีโอกาสที่ทำให้เส้นเลือดที่สมองมีการโป่งพองมากขึ้น และอาจแตก ทำให้เสียชีวิตได้ทันทีเช่นกัน

  • สาเหตุที่ 3 : เกิดจากเนื้องอกที่โตขึ้นแล้วไปกด ไปเบียดเส้นเลือดในสมองจนมีปัญหาได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกนี้มักจะมีอาการอื่นร่วมด้วยนำมาก่อน เช่น มีอาการปวดศีรษะเรื้อรัง หรือ อาการตามัว มีอาเจียนเรื้อรัง

ประเด็นที่ 14: อาการอันตรายของ เส้นเลือดแดงที่สมองโป่งพอง

  • ภาวะเส้นเลือดแดงที่สมองโป่งพอง หากมีการโป่งพองอย่างเดียว ไม่มีอาการปริ หรือแตกออก คนไข้มักจะไม่มีอาการอะไรนำมาก่อนเลย

  • แต่ถ้าเริ่มมีอาการปริ หรือแตกแล้ว คนไข้จะมีอาการชัดเจน คือ มีอาการปวดศีรษะมากที่สุดในชีวิต หรือเรียกว่า อาการปวดศีรษะเหมือนฟ้าผ่า เพราะมันรวดเร็วมาก อยู่ดี ๆ ปวดหัวเหมือนฟ้าผ่าลงมาเลย อาการปวดหัวแบบนี้จะเป็นมากที่สุดในชีวิต ซึ่งอาการปวดศีรษะที่เป็นลักษณะนี้ อาจจะใช้เวลาแค่ไม่กี่วินาที จนถึง หลักนาที ก็ทำให้คนไข้เสียชีวิตได้ทันที

ประเด็นที่ 15: สรุปอาการสำคัญของโรคหลอดเลือดในสมอง

  • สาเหตุหลัก ยังคงเป็นความดันโลหิตสูง หากมีความดันโลหิตสูงระดับที่ 3 ก็คือ ความดันโลหิตตัวบนมากกว่า 180 หรือ ความดันโลหิตตัวล่างมากกว่า 110 มิลลิเมตรปรอท ถึงแม้จะไม่มีอาการอะไรเลย ก็เป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องรีบไปรักษาที่โรงพยาบาล

  • หากมีโรคประจำตัว แนะนำให้รักษาโรคประจำตัวต่อเนื่อง และก็ควรวัดความดันโลหิต หากเป็นไปได้ ถ้าให้ดีเลย ทุกวันเลยครับ

  • หากเป็นคนที่มีสุขภาพแข็งแรงดี อันนี้ก็ยังแนะนำว่าให้วัดความดันโลหิต อย่างน้อย สัปดาห์ละ 1 ครั้ง

  • หากไปวัดความดันโลหิตที่โรงพยาบาลแล้วสูงมาก แต่มาวัดที่บ้านแล้วปกติ อันนี้คุณอาจจะเป็นภาวะที่เรียกว่า โรคความดันโลหิตสูงแบบเทียม คือ สูงไม่จริง ที่เรียกว่า White coat hypertension เกิดจากความตื่นเต้น ในขณะที่ไปวัดความดันที่โรงพยาบาล

  • การออกกำลังกาย การควบคุมอาหาร และทานอาหารที่มีประโยชน์ ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ก็ยังเป็นสิ่งสำคัญที่จะควบคุมโรคต่าง ๆ ได้มากมาย

  • หากมีอาการผิดปกติไปจากเดิม ไม่ว่าจะเป็น อาการเวียนหัว ปวดศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน รู้สึกโคลงเคลงไป โคลงเคลงมา อันนี้แนะนำว่าให้วัดความดันโลหิตโดยทันที

  • และข้อสุดท้าย การตรวจสุขภาพประจำปี เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะเป็นการหาความเสื่อมของร่างกาย นอกจากนี้ยังเป็นการคัดกรอง การตรวจมะเร็งด้วย

Submit your comment

Please enter your name

Your name is required

Please enter a valid email address

An email address is required

Please enter your message

rackmanagerpro.com © 2024 All Rights Reserved

Rackmanagerpro.com all right reserved 2007 - 2019

Copyright by Rackmanagerpro.com

Content Creted by Rackmanagerpro.com