รู้เรื่องการถ่ายภาพเอาไว้บ้างสำหรับคนจะต้องถ่ายภาพมาขายกัน online

ปัญหาหนึ่งสำหรับการเอาสินค้าขึ้นหน้าเว็ปแบบ E-commerce เพื่อเอาไปขายหรือ เพื่อการเอาไป post ไว้กับพวก Forum คือ “การถ่ายภาพ และการตกแต่งภาพ” ซึ่งผมว่าหลักๆ แล้วการถ่ายภาพ จำเป็นจะต้องถ่ายภาพให้ชัด และ ดูเห็นรายละเอียดของสินค้าและประเด็นที่อยากจะสื่อสาร ก็เลยได้มีไปศึกษาดูสักพักแล้วได้ความสรุปว่า การถ่ายภาพเพื่อให้สินค้าออกมาดูดี จะต้องทำอย่างไรกันบ้างเป็นประเด็นๆไปต่อไปนี้ครับ

การถ่ายภาพจะต้องไม่ใช้ Flash

สำหรับการถ่ายสินค้าที่เป็นวัตถุแล้ว เราจะไม่เอา Flash เพื่อไม่ให้เกิดความด่างขาวของแสงบางจุด ซึ่งความคิดนี้อาจจะไม่รวมถึงการถ่ายภาพคน หรือ ถ่ายภาพบุคคล เช่น พวกที่ถ่ายภาพเสื้อผ้า   การไม่เอา Flash โดยมากแล้ว กล้องทุกตัวจะต้องมีโหมดให้ปรับว่า “NO FLASH” ครับ ส่วนจะปรับอย่างไรนั้นก็ให้ไปดูที่คู่มือของแต่ละกล้องเอากันเองแล้วกันนะครับ

การถ่ายภาพจะต้องตั้ง ISO ต่ำๆ

การตั้ง ISO ต่ำๆ ดูแล้วจะมีเหตุผลเดียวที่เราต้องตั้งให้ต่ำ คือ การทำให้ภาพมีความชัด และ ไม่เป็นเม็ดภาพ หรือ ที่เรียกอาจจะเรียกกันว่าภาพแตกได้เมื่อซูมภาพเข้าไปดูใกล้ๆครับ การตั้ง ISO ต่ำๆที่สุดเท่าที่จะทำให้ได้ จะมีผลโดยตรงต่อการถ่ายภาพ คือ เมื่อ ISO ต่ำ แล้วอยากจะได้ภาพชัด จะต้องทำให้แสงสว่างโดยรวมที่ฉายบนวัตถุ หรือ สินค้าที่เราอยากจะถ่าย ต้องสว่างขึ้นครับ  ปกติแล้ว ถ้าหากว่าเป็นการถ่ายรูปเล่นแล้ว ผมต้องไปถ่ายภาพเพื่อนพี่ๆน้องๆ ตอนกลางคืนแล้ว ผมกลับจะต้องปรับ ISO ให้มีค่ามากเข้าไว้ เพื่อให้ภาพอออกมามันไม่มันมืด และ อย่างน้อยก็เห็นคนชัดเจนพร้อมกับพื้นหลังของภาพที่เป็นแสงไฟตามบ้านเรือนบ้าง หรือว่าเป็นแสงหลอดไฟตาม ซุ้มประตูหน้าต่างริมน้ำเป็นต้นครับ เรียกว่า เรื่อง ISO ต่ำๆ เพื่อให้ได้รายละเอียดของภาพชัดนั้นเป็นเรื่องใหม่ที่ผมก็เพิ่งรู้ไม่นานนี้เองน่ะครับ ISO ค่าที่แนะนำประมาณ 100 หรือ 200 ครับ

resolution ของภาพไม่ต้องให้มันใหญ่มากนัก

แน่นอนครับว่า ตอนนี้กล้อง digital ทั่วไปมันมีความสามรถในการถ่ายภาพแล้วบันทึกได้ด้วย resolution ที่มาก แต่อย่างไรก็ดีเราไม่ได้ใช้ภาพให้ใหญ่ขนาดนั้นแต่อย่างใด การปรับภาพให้มี resolution สูงๆ จะมีประโยชน์ ก็ต่อเมื่อคุณจะเอาภาพนั้นไป Print out ออกมาเป็น Bill board หรือว่าแผ่นป้ายไวนิ่วโฆษณาร้านค้าที่หน้าร้านค้า offline ของคุณ หรือ เพื่อที่จะพิมพ์ออกมาเป็นแผ่นภาพ (ที่เราๆท่านๆจะเรียกกันว่า “ล้างภาพ”) แต่ถ้าหากว่าเราตั้งเอาไว้แบบ 2 ล้านพิซเซลก็เพียงพอแล้ว สำหรับการถ่ายภาพเพื่อการล้างภาพขนาด 4 x 6 นิ้วแล้วล่ะครับ แล้วก็เกินพอสำหรับการเอาภาพนั้น upload เพื่อแสดงเป็นสินค้าหน้าเว็ปครับ

ขอให้รู้จัก mode การถ่ายภาพเอาไว้บ้าง

mode ถ่ายภาพ จะเป็นลักษณะการถ่ายภาพกึ่ง auto คือ เป็นการคตั้งให้เครื่องทำตัวให้เหมาะสมกับสภพาของวัตถุ โดยมากแล้ว การถ่ายภาพ จะใช้อยู่แค่สองลักษณะ คือ การตั้งโหมดเป็น Portrait หรือ ภาพคน เพื่อเป็นการถ่ายภาพวัตถุขนาดใหญ่ โต๊ะ รถยนต์ และอื่นๆ ให้เห็นทั้งวัตถุ หรือวัตถุใดๆที่มันตั้งอยู่โดดๆ เหมือนกับการถ่ายภาพคนนั่นเอง การถ่ายด้วย mode นี้สามารถที่จะทำให้ “หน้าชัดหลังเบลอ” ได้อีกต่างหากครับ

อีก mode ที่จำเป็นต้องใช้ก็คือ macro mode ครับ หรือถ้าหากว่าดูที่กล้องก็จะเป็นรูปดอกไม้ครับ เอาไว้ถ่ายภาพสินค้าหรือสิ่งของเล็กๆในระยะใกล้เพื่อให้ได้รายละเอียดสินค้าอยู่ครบ คำว่า ระยะใกล้นี่คือ ใกล้แบบ 10 cm หรือว่าไม่เกิน 1 foot (ความยาวหนึ่งไม้บรรทัด) อันนี้ก็แล้วแต่ว่า คู่มือบอกเอาไว้เหรอป่าวน่ะครับว่า ต้องเป็นระยะประมาณไหนถึงจะใช้ macro. ได้

สำหรับ Mode Manual ปรับ shutter speed และปรับ F-stop ให้เหมาะๆ

อันนี้เฉพาะกล้องที่ตั้งเป็น mode Manual ได้น่ะครับ คุณสามารถที่จะเลือกปรับค่าพวกนี้ได้เพิ่มเติม คือ shutter speed และ F-stop ค่า shutter speed เมื่อปรับๆไปแล้ว มันเหมือนจะเป็นเศษส่วน เช่น 1/25 ได้ ส่วนค่า F จะมีตัวบอกว่าเป็น F นำหน้าตามด้วยตัวเลข ค่าสองตัวนี้ มันมีความสัมพันธ์ และ สัมพันธ์กับ ISO อีกต่างหาก ทำให้ผมบอกแค่ว่าปรับใหม่เหมาะเพราะว่า มันแล้วแต่ว่าระยะวัตถุอยู่ประมาณไหน แสงโดยรวมตอนนั้นเยอะมากน้อยแค่ไหน และต้องการให้ภาพออกมาเป็นอย่างไร แนะนำว่าต้องลองเล่นสักพัก ถ่ายแล้วดูภาพเอาก็จะรู้แล้วว่า การถ่ายในครั้งนั้น ๆ ต้องปรับค่าอะไรสักเท่าไหร่เพื่อให้ภาพออกมาชัดเจนใสกิ้งและสว่างไสวครับ

ปรับค่า light source หรือ white Balance

อันนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้สำหรับการใช้งานกล้องเพื่อถ่ายภาพสินค้าครับ เพราะ ไม่งั้นแล้ว ภาพที่ได้ออกมาจะมีสีแปลกๆ ดูไม่ออกว่าสีจริงแล้ว มันสีอะไรกันแน่ อีกอย่างวิธีการปรับค่านี้ก็ไม่ยากน่ะครับ เปิดคู่มือเอาว่า white balance มันไปปรับที่ไหนอย่างไร เหตุผล เรื่องการปรับเรื่อง white balance นั้นเหมือนกับเป็นการแจ้งให้กับกล้องได้ทราบว่า ตอนนั้น แหล่งที่มาของแสงนั้น คือ แสงแบบใด เช่น แสงนั้นเป็นแสงแดดธรรมดา (ธรรมชาติ) หรือ แสงนั้นเป็นแสงสีส้มจากหลอดทังสเตน หรือ แสงที่กระทบวัตถุนั้นเป็นแสงจากหลอดไฟฟูออเรสเส้นท์ อาการของภาพตอนที่ยังไม่ได้ปรับ white balance นั้นก็คือ ภาพจะมีสีเพี้ยนไปจากที่ตาเราเห็นมากๆ หรือ ภาพสีเพี้ยนสุดๆ ดูไม่ออกเลยว่าสินค้านั้นมันมีอะไรกันแน่ ซึ่งเราไม่อยากจะเอาภาพแบบนี้ไปแสดง หรือ post เป็นภาพตัวแทนสินค้าแน่นอน (แค่สีก็ไม่เหมือนจริงแล้วเดี๋ยวก็โดนคนซื้อของเค้าส่งเสียงตามสายมาได้น่ะครับ)

เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว แสงแดดธรรมชาติดีที่สุด

เนื่องจากบ้านคนปกติ จะมีแค่กล้อง compact ตัวธรรมดามากๆ แล้วก็ปรับโหมดได้แค่ ISO , white balance แล้วก็ mode ถ่ายภาพที่ได้กล่าวไว้แล้วทั้งหมด เพราะฉะนั้นถ้าหากว่าเป็นไปได้แนะนำว่าใช้แสงธรรมชาติ เพื่อกระทบวัตถุจะเป็นเรื่องที่เหมาะสมและสะดวกมากที่สุด และ ทำให้สีของภาพ เมื่อถ่ายออกมาแล้วเหมือนจริง สวยงามมากที่สุดอีกต่างหาก อันนี้ผมไม่ได้บอกเองน่ะครับ พวก pro. ๆ ทั้งหลายเค้าบอกมาอีกทีหนึ่งน่ะครับ

ต้องใช้ขาตั้งกล้องเท่านั้นสำหรับการถ่ายภาพสินค้า

เนื่องจากเหตุผลข้อแรกสุดคือการตั้ง ISO เอาไว้ต่ำมากๆ ทำให้มันจะไว้ต่อการขยับอีกต่างหาก เพราะงั้นแล้ว ถ้าหากว่าคุณจะถ่ายภาพจริงๆ ต้องหาขาตั้งมาถ่ายครับ นอกจากนี้ตอนที่กดให้ตั้งเป็น timer เอาไว้ด้วยน่าจะดีกว่า เพราะ เมื่อเรากดแล้วกล้องก็จะได้ไม่สั้นไหวเนื่องมาจากแรกกดของเราไปบนตัวกล้องจะทำให้กล้องสั่นได้ครับ

สัดส่วนของภาพเป็นเรื่องที่ต้องควบคุม

อย่างที่เรารู้กัน คือ อยากจะได้ภาพสินค้าที่ออกมาดูแล้วเหมือนจริง เหมือนกับที่ตาเราเห็น ดังนั้น อีกเรื่องที่ต้องคิดไว้เสมอคือ ถ่ายอย่างไร เพื่อให้ภาพแสดงสินค้าออกมาอย่างถูกสัดส่วน โดยถ้าหากว่าคุณใช้กล้องธรรมดา คุณอาจจะเลื่อนตำแหน่งตั้งกล้องให้ต่ำในระดับเดียวกับสินค้า หรืออยู่ในมุมมองที่ทำให้คุณเห็นสินค้าในรูปร่างดูที่เป็นปกติ ไม่บิดเบี้ยว วิธีการอีกแบบที่แนะนำทำก็คือ การ zoom out กล้อง compact ของคุณออกมาให้มากไว้ แล้วก็เดินเข้าไปที่วัตถุให้ใกล้ขึ้นจะทำให้เรื่องของการบิดเบี้ยวผิดเพี้ยนของสินค้าวัตถุนั้นน้อยลงไปได้  กล้องพวกที่เปลี่ยนเลนส์ได้ก็ควรใช้เป็น lens ปกติไม่ต้องเอาพวก lens หรูหรา fish eye หรือว่าพวกเลนส์ wide มาใส่เพื่อถ่ายสินค้าหรอกครับ มันจะทำให้สินค้าดูผิดสัดส่วนไปมาก (ยกเว้นถ้าหากว่าคุณอยากจะได้ภาพแนวสนุกๆ เพื่อสื่อสารอารมณ์ของสินค้าผ่านภาพอันนี้ก็ไม่ได้ว่ากันหรอกครับแล้วแต่ว่ามุมมองครับผม)

เอาของอย่างอื่นเป็นตัวประกอบ

ถ้าหากว่าคุณขายของที่บอกว่ามันทำมาจากมะพร้าว มันไม่ผิดอะไรหรอกครับ ที่จะเอาขวดสินค้าน้ำมันมะพร้าวของคุณ เอามาถ่ายโดยเห็นหรือติดภาพกะลามะพร้าวสวยๆเข้าไปด้วยแต่ว่าต้องไม่เด่นเท่าสินค้าเท่านั้นเอง หรือ ถ้าหากว่าคุณขายรองเท้าแล้วอยากจะบอกว่ามัน advanture แค่ไหนคุณอาจจะถ่ายกับพื้นหินอะไรก็ได้ อย่างว่าล่ะครับ เรื่องนี้มันขึ้นกับจิตนาการและ เหตุผลในการสื่อสารเสียมากกว่า ไม่จำเป็นต้องเป็นภาพนิ่งๆ พื้นขาวธรรมดาก็ได้ แต่ผมว่ามันดู advance นิดหน่อย แม้กระทั่งสำหรับตัวผมเองอ่ะครับ (ความคิดสร้างสรรไม่ค่อยจะมีก็แบบนี้น่ะครับ)

สินค้ามีหลากสีเอามาถ่ายภาพหมู่จะได้รู้ว่ามันมีหลากสี

ภาพสินค้านั้นมันสื่ออะไรได้มากกว่าที่เราคิด เช่น ถ้าหากว่าเรามีสินค้านั้นๆ มากกว่า 1 สีหรือมีเยอะสี การที่เราเอาสินค้าสีอื่นๆมาแสดงด้วยนั้นจะทำให้คนที่เห็นภาพสินค้ารู้ได้ทันที ว่ามันมีเยอะสี และมีสีดังต่อไปนี้ โดยไม่ต้องพิมพ์บอกหรืออ้าปากบอกเลยแม้แต่นิดเดียว นอกจากนี้เรื่องของขนาดของสินค้าเราสามารถสื่อสารได้โดยการเอามือยก หรือ วางไว้กับวัตถุอื่นๆที่คนอื่นเค้ารู้ว่าปกติแล้วมันมีขนาดเป็นแบบไหนน่ะครับ ทำให้สื่อสารได้อีกว่า สินค้ามันใหญ่โตแค่ไหน หรือเล็กกระจ้อยร่อยแค่ไหนกันครับ

การจัดการเรื่องแสงและเรื่องเงาทำได้ไม่ยาก

ถ้าหากว่าคุณไม่อยากจะให้ภาพถ่ายสินค้าของคุณมีเงาวิธีการแก้ก็ไม่ยาก คือ ทำให้แสงของคุณมันไม่ได้เป็นลำทางเดียว โดยการเอาผ้าขาวบางมาทำไว้เป็นฉาก เพื่อให้แสงหลอดไฟ หรือแสดงแดดนั้นผ่านม่านขาวบางของคุณอีกที แสงจะมีการฟุ้งตัว ทำให้กระทบวัตถุแล้วไม่เกิดเงาสักเท่าไหร่

ทำพื้นให้เรียบด้วยกระดาษขาวแผ่นใหญ่

ถ้าหากว่าคุณถ่ายสินค้าขนาดไม่ใหญ่โตอะไรมาก แนะนำว่า การใช้ฉากสีขาว หรือ เต้นท์สำหรับถ่ายรูปนี้สินค้านั้นเป็นเรื่องที่น่าลงทุนมากสุดประการหนึ่ง โดยเต้นท์เพื่อเอาของใส่เข้าไปแล้วถ่ายภาพนั้นจะทำหน้าที่สองประการคือ ทำตัวเป็นฉาก และ ทำตัวเป็นตัวกรองแสงจากหลอดไฟเพื่อให้แสงมันฟุุ้งไม่ให้เกิดเงาในตัวเลยครับ หรือถ้าหากว่าไม่ได้มีฉากขาวแนะนำแค่ว่าเดินออกไปซื้อกระดาษโปสเตอร์แผ่นโตๆ เอามาวางแล้วก็หาอะไรค้ำเพื่อให้มันตั้งขึ้นเป็นกำแพง เราก็จะได้ทั้งฉากขาวและพื้นเป็นสีขาวทั้งหมดแล้วครับ 

คำค้นหาของคุณที่มาเจอหน้าเว็ปนี้:

  • วิธีถ่ายรูปเสื้อผ้า
  • วิธี ถ่ายรูป เสื้อผ้า
  • เต็นท์ถ่ายรูป
  • วิธีถ่ายรูปเสื้อ
  • ขาย เต็นท์ ถ่ายรูป
  • เทคนิคถ่ายรูปเสื้อผ้า
  • การถ่ายรูปเสื้อผ้า

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *