การอ่าน คัดกรองและจัดการข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อ internet แบบเร็วๆ

content management 
เนื่องจากตอนนี้เราจะเข้าถึงสื่อประเภท internet มากที่สุดกว่าสื่อประเภทอื่นๆ สำหรับคนที่มีคอมพิวเตอร์ใช้ส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นที่ทำงานหรือว่าที่บ้านเองก็ตาม การใช้งาน internet เพื่อรับข่าวสาร หรือข้อมูลนั้น ถ้าหากว่าไม่คุ้นชินแล้ว เราจะรู้สึกได้ว่าข้อมูลที่จะได้รับรู้นั้นมากเหลือเกิน และ มากกว่าเกินว่าที่จะรู้ทั้งหมด ผมจึงอยากจะบอกวิธีการจัดการกับเนื้อหาทั้งหมดที่ผมอยากรู้ และ จัดทำระบบคัดกรองเนื้อหา เรื่องราวที่สนใจ มาเล่าสู่กันฟังสักครั้งเผื่อว่า อาจจะเอาไปทำได้สักอย่างสองอย่างครับผม

การติดตามข่าวทั่วไปการบ้านการเมืองการมุ้ง

ข่าวทั่วไปที่ผมว่านี้แท้ที่จริงแล้วเราจะรับรู้ได้โดยแทบไม่ต้องออกแรงใดๆ ไมว่าจะเป็นการบอกต่อ ระหว่างเพื่อนกับเองที่ทำงานหรือว่าตอนที่คุยกันที่โต๊ะอาหาร แค่ว่าเราจะเป็นฝ่ายรับรู้หรือจะเป็นฝ่ายเล่าให้คนอื่นฟังเท่านั้น เพราะข่าวสารบ้านเมืองทั่วไปพวกนี้ จะโดนโหมโรงผ่านสื่อทุกประเภทอยู่แล้ว ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ถ้าหากว่าเราอยู่ในเมืองหลวงและ การทำงานเราจะมีกลุ่มเพื่อนสังคมหน้าเดิมๆ เพื่อ update เรื่องที่เค้าเหล่านั้นอยากจะบอก และ คิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับคนอื่น ทั้งๆที่เค้าเหล่านั้นไม่ได้อะไรจากการบอกนั้นเลยก็ตามทีครับ เราจะมีนิสัยที่จะบอกต่ออยู่แล้ว แม้ว่าเราจะคิดว่า เราจะไม่ได้อะไรขึ้นมาจากการบอกต่อก็ตามที (แต่ก็ไม่ได้มีใครคิดที่จะอยากได้อะไรจากการบอกต่อเพื่อนๆอยู่แล้วอยู่ดีน่ะครับ) ข่าวสารประเภทนี้ จะโดนแจกแจงออกไปอีกในหลากประเภท แล้วแต่ว่า แต่ละคนจะอยู่ในวงการใด (ยกเว้นวงการดารานักแสดงเพราะว่าผมรู้ว่าคุณก็ไม่ได้อยู่ในวงการแต่ก็อยากรู้อยู่ดี) ข่าวสารทั่วไปแบบนี้จะได้แก่ ข่าวการเมือง update หน่อยว่าใครจะมีประเด็นอะไรเกิดขึ้นมาใหม่ในแต่ละวัน (สำหรับผมประเด็นนี้รู้บ้างก็ได้ไม่รู้ก็ไม่ได้เป็นอะไร แต่ก็จะมีคนมาบอกอยู่ดี) ข่าวเศรษฐกิจ เป็นข่าวที่อาจจะผลกระทำต่อการทำมาค้าขายสินค้าหรือบริการใดๆ ถ้าหากว่าคุณไม่ได้ขายอะไรก็จะมีผลกระทบในเชิงเรื่องข้าวของราคาแพงขึ้นละลดราคาลง เช่น ค่าเงินบาท ค่าราคาทอง ราคาน้ำมัน หรือแม้กระทั่งหุ้นในตลาดหุ้นบ้านเราและเมืองนอกเมืองนา สำหรับข่าวประเภทนี้นั้น แล้วแต่คนว่าจะให้ความสนใจกับมันมากน้อยแค่ไหนไม่เท่ากัน ขึ้นกับความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลเหล่านั้นกับกิจกรรมของบุคคลก็ว่าได้

การติดตามข่าวพวกนี้อีกทางที่ผมจะรับก็คือ การเข้า website ท่าเรือทั้งหลายแหล่ไม่ว่าจะเป็นสนุก กระปุก เอ็มไทย และเว็ปที่เป็นเว็ปยอมฮิตของคนไทยทั้งหลายครับ เพราะ มันเป็นเว็ปยอมฮิต เมื่อคนอื่นเห็นเนื้อความนั้นๆ แล้วเราก็เข้าไปอ่านหรือดูเหมือนกันเราก็ได้รับรู้เนื้อความเดียวกันนั้นไปด้วยครับ เรียกว่า คนอื่นรู้เรื่องอะไร เราก็พอจะรู้เรื่องเหล่านั้นเป็นเลาๆไปด้วยผ่าน website ยอดฮิตตามๆกันน่ะครับ

การติดตามข่าวเฉพาะเนื้อหาประเภทที่สนใจ

การบ้านการเมืองหรือเนื้อหาทั่วไปแท้ที่จริงแล้ว จะโดนแบ่งย่อยออกมาเป็นหลายภาคส่วนเอามากๆไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจ ต่างประเทศ หรือเศรษฐกิจในประเทศต่างๆที่แตกต่างกันออกไป แต่ก็มีเนื้อหาอีกประเภทหนึ่งที่จะขึ้นอยู่กับความสนใจในกิจกรรมของบุคคลด้วยเช่นเดียวกัน เช่น บางคนอาจจะชอบเรื่อง computer internet หรือบางคนอาจจะชอบเรื่องความสวยความงาม หรืออาจจะชอบพวกเรื่องราวทางวิทยการใหม่ๆ ถ้าหากว่าเราคิดถึงเนื้อหาประมาณนี้ ในรูปแบบเก่าๆ มันก็คือเนื้อหาที่อยู่ในนิตยสารเฉพาะประเภทครับ เช่น นิตยสารคอมพิวเตอร์ นิตยสารสุขภาพ เป็นต้น แต่เดี่ยวนี้ ผมก็ไม่ได้อ่านอะไรพวกนั้นน่ะครับเพราะว่า สื่อที่ผมรับเพียงทางเดียวคือ internet และไม่ต้องรอเป็นรายปักษ์ รายเดือนแต่อย่างใด แต่มีให้อ่านได้ทุกวัน

เนื้อหาพวกนี้พวกจะมาจาก website ที่เป็นประเภท Blog เสียมากกว่า เพราะ Blog content จะโดนสร้างเพื่อให้มีเนื้อหาเฉพาะ หรือ เป็นสไตล์และส่วนบุคคลมากกว่า เนื้อหาของ magazine ปกติมากนัก เพราะใครๆก็จะเป็น Blogger ได้และก็จะเขียนเล่าเรื่องหรือบอกต่อ เนื้อหาเฉพาะเรื่องที่ตัวเองสนใจเท่านั้น (แน่นอนว่าถ้าหากว่าไม่ได้ใส่ใจหรือสนใจจะ อุตส่าห์เคาะแป้นพิมพ์เพื่อบอกคนอื่นต่อทำไมกันล่ะครับ) แน่นอนว่าเว็ปพวกนี้อาจจะมีเว็ปทีมี update ไม่ประจำเป็นรายวัน เพราะฉะนั้นแล้ว ผมจะไม่ได้ติดตามเว็ปเหล่านี้ผ่านทาง website โดยตรง คือจะไม่พิมพ์ url เว็ปแล้วไปนั่งดูว่ามีอะไรใหม่เหรอป่าวให้เสียเวลาครับ แต่จะเลือกรับเป็น rss feed ของ Blog นั้นๆแทนครับ การใช้ feed reader เพื่อบอกรับเนื้อหา นั้นมันก็จะเหมือนกับการไปบอกรับสมาชิกของ website หรือ Blog นั้นๆคือ เมื่อมีเนื้อหาอะไรใหม่ มันก็จะโยนเนื้อความนั้นเข้ามาที่ reader ครับ โดยผมจะใช้เป็น Google reader เพราะว่ามี app iphone ตัวดีๆที่เอาไว้ link ต่อกับ Google reader เพื่อ download และ อ่านบน iphone ได้ครับ แล้วการใช้งานอ่าน feed content ผ่าน Google reader ใน Browser ผมก็ว่ามันก็สะดวกที่สุดแล้วครับ

การใช้ Google Reader เพื่อบอกรับ content ของเว้ปไซท์หรือ Blog ทั่วไปนั้นจะทำให้คุณไม่ต้องเสียเวลาเพื่อเข้าเว็ปแต่ว่าในทางกลับกันเนื้อหาเหล่านั้นจะไหลเข้ามาหาตัวคุณเองและคุณจะเห็นเฉพาะเนื้อความที่คุณยังไม่ได้อ่านเท่านั้นครับ มันก็จะเหมือนหรือคล้ายกับ email ครับ แต่ email และ feed content แยกกันเพราะ เนื้อความเหล่านั้นไม่ได้เป็น email ครับเราจะได้แยกแยะได้ออกจากกันให้ขาดครับผม วิธีการที่เราใช้ตัว reader อ่านเพื่อรับ feed นั้นผมแนะนำให้คุณๆหากว่าไม่ได้ใช้ ใช้เสียครับเพราะว่าเป็นการรับ content ที่ productive ที่สุดแล้วเท่าที่อุปกรณ์และระบบจะอำนวยให้ครับ

เนื้อความผ่านการ Forward email

มันหมดยุคแล้วครับกับการ Forward email ครับและเนื้อหาเหล่านั้นก็ออกจะเก่าๆ วนไปวนมาจนทำให้ email ของคุณเหมือนกับกองขยะ แม้ว่าเพื่อนๆบางคนจะเป็นนัก Forward ตัวยง แต่เดี๋ยวนี้มีวิธีการกระจาย content ด้วย social network ใหม่ๆที่ให้ผลดีกว่าแล้วด้วยเช่นเดียวกัน ทำให้การ forward email นั้นลดลงไปบ้างครับ ผมว่าก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดีที่ทำให้ email ขยะประเภทที่มาจากเพื่อนๆคุณนั้นน้อยลงไปได้บ้างไม่มากก็น้อยครับ แต่ผมก็อยากแนะนำอะไรเกี่ยวกับประเด็นนี้อยู่บ้างครับ  คือ ถ้าหากว่าคุณเป็นผู้รับ email forward แนะนำให้แยะแยะระหว่าง email เพื่อการรับ forward mail และ email ปกติออกจากกันครับ ซึ่งผมก็ทำอย่างงั้นน่ะครับ เพราะงั้นแล้ว email ที่ผมใช้งานอยู่เป็นปกติก็จะไม่มี email forward ขยะมาแต่อย่างใดครับ เราอาจจะ Block email ของคนที่ forward มาก็ได้ครับ หรือไม่ก็แจ้งให้เค้ารู้ตัวว่าเราไม่อยากจะได้ email ที่เป็นเมล์ประเภทนี้แล้วครับ ในทางกลับกันถ้าหากว่าคุณเป็น forwarder ให้สร้าง email เพื่อการ forward เฉพาะออกจาก email ส่วนตัวประเภทที่ต้องใช้งานครับเพราะว่า คนอื่นๆเค้าจะ Block คุณเมื่อเค้าไม่อยากจะรับ email fwd จากคุณ แต่ในทางตรงกันข้ามถ้าหากว่าคุณใช้ email นั้นเพื่อการอื่นด้วยแล้วจริงๆ คุณก็จะติดต่อคนอื่นไม่ได้ด้วยเช่นเดียวกันครับ โดยรวมแล้ว เพื่อการรับและส่ง email ฟอเวิทนั้นให้แยกออกจากกันไปขาดครับผม ระหว่าง email เพื่อใช้งานกับ email เพื่อรับขยะเนื้อความเหล่านี้ครับผม

อ่านเนื้อความแบบ skimming เพื่อความเร็วในการอ่าน

เนื่องจากเนื้อความที่เราได้รับผ่าน internet ส่วนมากจะเป็น text เสียเป็นส่วนใหญ่ คือ เรียกง่ายๆว่าต้องอ่านมันดังนั้นแล้วการอ่านที่เร็วขึ้น หรือ การอ่านเนื้อความคร่าวๆถือได้ว่าเป็นทักษะหนึ่งที่ เราจะโดนบังคับให้มีทักษะนั้นขึ้นมาเองอย่างเป็นธรรมชาติ แล้ว เมื่อเราคิดว่าเนื้อความนั้นๆน่าสนใจมากๆจริงๆแล้ว เราก็จะเริ่มอ่านเนื้อความนั้นอย่างจริงจังแบบจากหัวเรื่องไปยังท้ายเรื่องครับ แต่โดยละเอียดแล้วการอ่านของผมจะมีรูปแบบที่แน่นอน คือ เมื่อเราได้รับ feed จะอ่านแต่หัวเรื่องและจะกดอ่านเฉพาะเรื่องที่สนใจ (แน่นอนว่า feed ที่รับมานั้นมาจาก website และ Blog ที่เราสนใจอยู่แล้วครับ แต่ไม่ใช่ว่าทุกเนื้อความเราจะสนใจถูกมั้ยล่ะครับ) เมื่อเปิดออกมาแล้วถ้าหากว่าเนื้อความไม่เกิน 1 ก้อนหน้าจอผมก็อ่านมันทันทีได้เลย หากว่าเราสนใจจริงๆ แต่ถ้าหากว่ายาวกว่านั้น จะพิจารณาก่อนว่ามันน่าสนใจจริงๆหรือไม่ โดยการอ่าน sub header หรือหัวเรื่องย่อย และอ่านเฉพาะตอนต้นๆของย่อหน้า (เป็นแนวคิดที่กลับทางกันถ้าหากว่าเป็นคนเขียนก็จะเขียนหัวเรื่องย่อย และ เขียนเนื้อความจูงใจให้อ่านแบบสรุปๆที่ต้นๆย่อหน้า) เท่านี้เราก็บอกได้แล้วว่าน่าอ่านหรือไม่ แล้วถ้าหากว่าน่าอ่านจริงผมจะเลือกที่จะอ่านเลย หาก ตอนนั้นชิวอยู่อยากอ่าน แต่ถ้าหากว่ายังไม่อยากอ่านทั้งหมด เพราะว่ายังไม่ว่างมากนักก็จะกดปุ่ม star เพื่อบอกกับตัวเองว่าเดี๋ยวจะกลับมาอ่าน แต่ไม่ได้เป็นเนื้อความที่ unread นะครับเพราะเราจะแยกแยะไม่ออกว่า มันคือเรื่องที่ยังไม่ได้อ่านหรือเรื่องที่เราสนใจเพื่อจะกลับมาอ่านอีกครั้งเมื่อมีเวลาและสมาธิครับ  เพียงแค่นี้การคัดกรองเนื้อความ และการอ่านรวมๆก็จะทำให้เรารับรู้เนื้อความได้แล้ว แล้วแต่ focus ว่าเราจะเพ่งอ่านเนื้อความนั้นในระดับใดครับ

โดยสรุป ผมจะใช้งาน Google reader เป็นหลักครับ นั้นก็แปลว่าถ้าหากว่าคุณยังไม่ได้ใช้ให้หันมาใช้เสียเพื่อให้การรับเนื้อความจากเว็ปหรือ blog ที่เป็นเนื้อหาแนวของคุณนั้นเข้าถึงตัวคุณได้ง่าย และ ไม่เป็นการโหดร้ายเกินไปเพื่อที่จะได้รับเนื้อความเป็นปริมาณที่มากขึ้น โลกเราตอนนี้มันเข้าถึงเนื้อหาได้มากขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ถ้าหากว่าคุณไม่ได้คิดที่จะหา system มาเพื่อจัดการ โดยการคัดกรอง เลือกเนื้อหา และเน้นอ่าน focus เป็นบางจุดแล้วล่ะก็จะทำให้คุณสติแตกได้ครับ (มีคนเคยบ่นว่า เนื้อหาเยอะจัดทำให้ตัวเค้าเหล่านั้นสมาธิสั้นลง ซึ่งนั้นก็แปลว่าเค้าเหล่านั้นไม่รู้ว่าจะจัดการ ในเรื่องของการคัดกรองเนื้อหาเหล่านั้นได้อย่างไร มีแต่การ Bookmark เป็นเครื่องมือเดียวในการจัดการเนื้อความที่อยากอ่านเหล่านั้นครับ เหนื่อยหน่อยน่ะครับแบบนั้น)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *