Automation งวดนี้จะทำให้โลกเปลี่ยนไปตลอดกาล และมีผลกระทบต่องานปัจจุบันแน่นอน

Automation งวดปีนี้จะไม่เหมือนเดิม เมื่อเทียบกับรอบแรกเมื่อ 50 ปีที่แล้วที่เป็นยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ผมมีโอกาสได้ศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับ การใช้งานเครื่องจักร เพื่อทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพ และการออกแบบระบบ หรือวิธีการเพื่อทำให้คนงาน (ที่เป็นคน) ทำงานร่วมกับเครื่องจักรได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ผลิตภาพที่ดีในโรงงานอุตสาหกรรม ทั้งนี้เรื่องที่เคยเรียนรู้มาทั้งหมด มีการเปลี่ยนแปลงไปมากเนื่องจากเทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์และการสื่อสารที่ทำให้เกิดขึ้นมูลที่สื่อสารกันได้ระหว่างเครื่องจักร และการเชื่อมต่อของข้อมูลผ่านอินเตอร์เน็ตที่เข้าถึงได้อย่างดาษดื่นในโลกปัจจุบัน แต่แล้ววันนี้ ก็มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง คือ พวก Google Amazon หรือ Apple เองก็กำลังจะเข้าถึงการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยีการออกแบบโปรแกรมเพื่อให้ตรรกะทำงาน ด้วยรูปแบบการกำหนดเงื่อนไขเอาไว้ก่อนล่วงหน้า มาเป็นทำการให้ตรรกะเหล่านั้นมีการเปลี่ยนแปลงได้เอง และ เรียนรู้ที่จะเปลี่ยนแปลงได้เองโดยการฝึกจากข้อมูลตัวอย่าง หรือวิธีการทำงานตัวอย่าง ซึ่งใช้คำกันอยู่ในตอนนี้คือ Machine Learning

มันเกิดขึ้นแล้วกับการที่โลกจะมีงานทำน้อยลงไปอีก เพราะ หุ่นยนต์โปรแกรมเอง และเรียนรู้เองได้พวกนี้ จะเข้ามาทำงานอีกมากมายที่ คนเคยทำอยู่ตอนนี้ และ มันจะทำได้ดีเสียด้วย เพราะ มันมีการเรียนรู้แบบเดียวกับที่คนเราทำ เหมือนตอนที่คนเป็นเด็กๆทำ แต่มันจะทำได้รอบที่เร็วมากกว่าเท่านั้นเอง ผมสังเกตได้ว่า เด็กจะมีการเรียนรู้ด้วยสายตา ฟังข้อมูลและทดสอบปฏิสัมพันธ์กับวัตถุสิ่งของ คนรอบตัว และสถานการณ์ได้ เหมือนกับที่ Machine Learning และ AI ตอนนี้กำลังทำ เด็กจะเรียนรู้ว่าอะไรคือ “แมว” จากทุกรูปแบบ ไม่ว่าภาพการ์ตูน เสียงร้อง ตัวจริงๆของมัน การเดิน และท่าทาง หน้าตา หรือแม้กระทั่งพื้นที่ที่มันจะอยู่ได้ โดยไม่ได้มีการกำหนดรูปแบบหรือบอกตรรกะล่วงหน้าแก่เด็ก แต่เราบอกว่า มันคือแมว เท่านั้นเอง ! แล้วถ้าหากว่าเราแมวอีก เราก็บอกว่า มันคือแมว มันคือแมว และ ..​มันคือแมว ซ้ำไปเรื่อยๆในทุกสถานการณ์ที่เด็กคนนี้เจอ “แมว” มันจะเจอในการ์ตูน หนังสือนิทาน เห็นแมวเดินผ่านหน้าบ้าน หรือ แม้กระทั่งแมวที่หลบอยู่ในต้นไม้ เราไม่เคยบอกเด็กว่า แมว จะอาศัยอยู่ที่ไหน หรือ มันหน้าตาจะต้องมีตัวสีอะไรหรือ มันมีรูปแบบเด่นอย่างไร เด็กจะดูออกว่า สุดท้ายแล้ว ไอ้เจ้าตัวนี้ มันคือแมวในที่สุด ไม่ว่ามันจะโผล่มาให้เห็นในรูปแบบไหนก็ตาม การเรียนรูแบบเด็กนี้เกิดขึ้นแล้วกับการเรียกใช้งาน API ของ Google ที่ชื่อว่า Tensiflow ที่ทำให้เรียกใช้ Machine Learning Tools พวกนี้ทำได้ผ่าน internet และ มีการเรียนรู้แบบรวมศูนย์ ประมาณว่า เด็กคนที่เราพูดถึง มันคือเด็กคนเดียวกันที่ถูกสอนโดยคนทั่วโลก ! และมันจะเรียนรู้ได้เร็วจากตัวอย่างโดยการ upload content หรือเนื้อหา ภาพทุกรูปแบบ เพื่อที่มันจะเรียนรู้ว่าอะไรคืออะไร มันจะเรียนรู้กับรูปแบบใดๆที่เกิดขึ้นและจับความสัมพันธ์ (co-relation) ได้เองโดยไม่ต้องบอกให้มันทดสอบ มันสามารถรับข้อมูลรูปแบบต่างๆ เพื่อดู data ที่สำหรับคนเราเรียกว่า Big Data ได้และสร้างกฏใหม่ๆที่ปกติแล้วหากเป็นคนจะต้องเรียนรู้กว่าหมื่นชั่วโมงเพื่อให่ได้รุ้ถึง pattern และข้อสรุปเหล่านั้น และทั้งหมดนี้ คือ โลกใบใหม่ที่ลูกหลานและตัวคุณเองจะได้อาศัยอยู่ในระยะเวลาอันใกล้นี้แล้ว

ถ้าหากว่าผนวกทั้งเรื่อง Machine Learning , AI และ Big Data เข้าด้วยกัน มันจะทำให้เกิดหุ่นยนต์ที่คิดได้ แทนการใช้งานมนุษย์คิดแทบทั้งหมด เช่น การนำเสนอสินค้า การเลือกแบบการโฆษณาเพื่อให้เหมาะกับแต่ละคน การทำบัญชี การวิเคราะห์ว่าคนไข้เป็นโรคอะไร โดยดูจากข้อมูลสถิติหรือภาพทั้งสองมิติและสามมิติ การเลือกว่าใครจะเหมาะกับงานอะไร และส่งงานไปให้ทำ การตรวจสอบตรวจว่า ผลการทำงานดีแค่ไหน การออกแบบแบบประกันชีวิต การตรวจสอบและอนุมัติว่าใครควรเรียกเก็บเบี้ยประกันเท่าใด การตรวจสอบผลผลิตที่ออกมาว่าออกมามีหน้าตาแและคุณลักษณะตามที่กำหนดหรือไม่อย่างไร และ ถ้าหากว่ามีความผิดเพี้ยนของสภาพชิ้นงานผลผลิตแล้ว เหตุผลอะไรที่ทำให้เกิดปัญหาเหล่านี้ มันจะเรียนรู้และบอกคนให้ทำอะไรก็ตามที่มันคิดว่าถูกต้องหรือเป็นไปตามเป้าหมายที่มันถูกกำหนดไว้ มันจะทำหน้าที่เข้าซื้อหุ้นและขายหุ้นเพื่อสร้างกำไรจากแมงเม่าที่เป็นมนุษย์ในโลกของเรา มันจะเป็นตัวกำหนดราคากลางสินค้าเกษตร และกำหนดว่าใครต้องทำผลผลิตมากน้อยแค่ไหนและขายได้ราคาเท่าใดเมื่อใด หรือ สุดท้ายแล้วมันแทบจะบอกว่า มนุษย์จะต้องเรียนรู้อะไรเพื่อที่จะได้เงินที่ดีหรือประกอบอาชีพที่มีรายได้ โลกมันกลับตาลปัตย์ว่า แทนที่คนจะเป็นคนกำหนดว่าจะให้หุ่นทำอะไร แต่นี่โลกใหม่ที่มี AI (ที่เรียนรู้และได้รับข้อมูลเพียงพอ) จะบอกคนแทนว่าคนและใครจะต้องทำอะไรเพื่อให้ผลลัพธ์ตามเป้าหมายที่ AI ได้ถูกกำหนดไว้

ตัวต่อจะเหลืออีกแค่เรื่องเดียวที่จะจัดการกับข้อมูลที่มีความซับซ้อนมากขึ้นไปได้อีกขั้นนั่นก็คือ การประมวลผลเพื่อหาแนวทางแบบ optimizing ด้วยควอนตันคอมพิวเตอร์ที่ตอนนี้จะต้องรันในสภาพแวดล้อมที่ติดลบไนโตรเจนเหลว มันจะทำหน้าที่เป็นสมองขนาดใหญ่สำหรับ AI (machine learning ability) สามารถประมวลคิดเรียนรู้ได้แบบ real time กับข้อมูลแบบ “มหาศาล” ส่วนที่เหลือมีความเป็นไปได้ในการพัฒนามากจนตอนนี้เรียกได้ว่า กำลังจะหาทางมาทำ แอพพลิเคชั่น เพื่อใช้ในทางธุรกิจกันแล้วอย่างจริงจังในปีนี้ มีการเปิดให้เข้าถึงสมองกลางพร้อมข้อมูลที่ผ่านการสอนมาแล้วระดับหนึ่ง (จาก Google คนที่มีข้อมูลของทุกคนบนโลกและเนื้อหามากที่สุดในโลก) ทักษะที่สำคัญตอนนี้ คือ การประยุกต์เอา Tools เหล่านี้มาใช้งานเพื่อสร้างโอกาสในการใช้งานใหม่ๆที่ไม่เคยมีมาก่อนจากกลุ่มนายทุนเดิมในโลกปัจจุบัน และ มันจะทำให้ลดงาน และเพิ่มประสิทธิภาพของกิจกรรมมากขึ้นไปอีกหลายเท่าตัวนัก คนจะไม่ต้องทำอะไร (มีหุ่นทำแทน หรือจะเรียกให้ถูกก็คือ คิดและจัดการ ให้แทนแล้ว) คนก็ต้องไปคิดว่าจะทำอะไรที่คิดว่าตัวเองทำได้ดี และอยากจะทำโดยไม่แคร์รายได้ในที่สุด เพราะ ยังไงซะคนก็จะทำได้ดีน้อยกว่าหุ่น หากเป็นงานที่มันทดแทนได้แล้ว งานๆนั้นจะไม่มีวันกลับมาเป็นงานของมนุษย์อีกต่อไป !

ยินดีต้อนรับสู่โลกใหม่ .. ที่หุ่นจะคิดแทนคนส่วนใหญ่ โลกของ AI ทำงานแทนคน …​

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *