ประสบการณ์ IKEA บางนา ประสบการณ์ช่วยตัวเองเมื่อต้องซื้อเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน

หน้าร้าน ไอเกีย เป็นป้ายน้ำเงินใหญ่มาก เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสไป IKEA มาครับ เหตุผลก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนมาก หลักๆ ก็คืออยากจะไปดูว่า ไอเกีย หรือ อีเกีย (อ่านออกเสียงแบบไหนมันก็เหมือนว่าจะไม่สุภาพเหมือนกันหมด..) ว่ามันเป็นยังไง ทำไมต้องดูเหมือนว่าจะ บูม และมีการบอกต่อด้วย ว่างๆก็หาเรื่องไปครับผม  โดยเรื่องในครั้งนี้ก็คือ “อยากจะไปหาซื้อกรอบรูปสักอันนึง” ว่าแล้วก็เดินทางกันไปเลยน่ะครับ

สำหรับการเดินทางผมก็ผมขึ้นทางด่วน เหมือนจะไปบางนาตรงไปเรื่อยๆ เหมือนจะไปชลบุรียังไงอย่างงั้น ถ้าหากว่าไปเหมือนกับผม ตัวห้าง IKEA จะอยู่ด้านขวาครับ ก็ต้องไปหาสะพานกลับรถครับ แล้วก็ต้องหาจังหวะเข้าทางคู่ขนานเพื่อเข้าห้าง IKEA ให้ได้ครับ ผมว่าการเดินทางไม่ยากเท่าไหร่ แต่ IKEA นั้นเราจะมองไม่ค่อยจะเห็นจากถนนมากนัก ต้องสังเกตกันดีๆครับ ให้ Google แผนที่กันเองก่อนเพื่อความแน่ใจว่ามันอยู่ที่ไหนกันแน่ครับผม

เมื่อเข้าไปแล้วตึกไอเกียก็จะเป็นสีน้ำเงินๆเข้มๆครับ ลานจอดรถก็จะเหมือนกับลานจอดรถแบบฝรั่ง คือ เป็นลานกว้างๆ เอารถจอดกันเข้าไป แต่ตอนหลังผมเห็นว่า มันก็มีที่ร่มให้จอดด้วยเหมือนกันแฮะ (พลาดไปแล้ว ดันเอารถจอดตากแดด)  ตอนที่ผมไปก็เป็นเวลาที่เค้าเปิดให้เข้าแล้วครับ ตอนนั้นไปก็ประมาณ 10.10 น. เข้าวันอาทิตย์ครับ ตัวห้างจริงๆ มันก็เปิดตั้งแต่ 10 โมงแล้วล่ะครับ

จริงๆแล้ว คุณจะไปเช้ากว่านั้นก็ยังได้เพราะ ส่วนที่เป็นร้านอาหารจะเปิดก่อนนานแล้ว และก็มีรายการเมนูอาหารเช้าด้วย (ราคา 55 บาทสำหรับชุดอาหารเช้าก็มีไข่คน เบคอน แล้วก็กาแฟดำครับ อันนี้ผมดูจากรูปนะเพราะว่าผมไม่ได้กินมื้อเช้าที่นั่น )

เมื่อไปถึงปรากฏว่า คนก็ไม่น้อยแล้ว ทุกคนก่อนที่จะเข้าไปด้านใน ก็จะทำการกรอกข้อมูลเพื่อรับบัตรสมาชิกกันได้ฟรีๆก่อนครับ และบัตรที่ได้ก็จะเป็นแบบชั่วคราวไปก่อนครับ สำหรับตัวจริง เค้าจะส่งตามมาให้ตามที่อยู่ที่เรากรอกครับ ซึ่งผมแนะนำว่าให้ไปตอนนี้เพราะว่าเค้าให้กรอกสมาชิกกันได้ฟรีๆ ไม่เสียเงิน (แต่ว่าผมก็ไม่รู้หรอกว่า อีกหน่อยมันจะมีการเสียเงินเหรอป่าวเพราะ เราเอาข้อมูลให้เค้า มันมีมูลค่ามากๆเลยน่ะครับ) โดยบัตรนี้มันก็ไล่ลดข้าวของอะไรได้บางอย่าง แล้วก็ เอาไปลดค่าของกินได้บางรายการเท่านั้น (ไม่ใช่ทั้งหมด)

ขนาดที่ผมเดินทางไปเช้าตอนที่เพิ่งเปิดใหม่ๆคนก็ยังเยอะ ผมเลยไม่แน่ใจว่า คนอื่นเค้ามาทำอะไรกันเช้าๆแบบนี้ หรือ ได้ยินข่าวเหมือนผม ก็คือ ได้ยินมาว่าถ้าหากคุณเข้าไปตอนบ่ายหรือเย็นหน่อยแล้ว คนจะเยอะมากเรียกได้ว่าเดินหันหลังกลับไม่ได้กันเลยทีเดียว (แต่ว่าผมฟังแบบนี้ก็ดูเหมือนว่าจะเวอร์เกินไปหน่อย เพราะ พื้นที่มันก็ไม่ได้น้อยๆเหมือนกันครับ)

แนวคิดของไอเกีย จะเน้นภาพของการบริการตัวเอง ให้เห็นจะๆคาตาเลยครับ การที่เราเข้าไปเดินดูของด้านในนั้น จะเป็นลักษณะเหมือนกับเป็น ShowRoom เสียมากกว่า คือว่า คุณไม่ได้เข้าไปเพื่อเลือกของหรือหยิบออกมา ณ ตอนนั้นสำหรับสินค้าส่วนใหญ่ เพราะจริงๆแล้ว Furniture หรืออะไรก็ตามที่ยกถือได้ยากนี่ คุณก็ไม่ได้เดินเข้าไปหยิบ หรือขนออกมาเดียวนั้นหรอกนะครับ แต่ว่า คุณต้องเข้าไปเพื่อ ดู เลือก และจดว่า สินค้านั้นมันรหัสอะไร และ มันจะมีเก็บเอาไว้ที๋โกดัง  ณ ตำแหน่งไหน !

ใช่แล้วล่ะครับผม บอกว่า “ต้องจดว่ามันเก็บเอาไว้ ณ โกดังตำแหน่งไหน” เพราะ ตอนสุดท้าย เมื่อคุณออกจาก Zone ที่เป็นห้องแสดงสินค้าแล้ว ให้คุณเอาโพยที่คุณจดออกมา เพื่อเดินเข้าไปที๋โกดัง Stock ด้วยตัวคุณเองเลยล่ะครับ ! ผมยังคิดไม่ออกน่ะครับ ถ้าหากว่าผมต้องยกของอะไรเองออกจากชั้นด้วยตัวผมเอง ผมจะทำอะไรยังไง แล้วก็ไม่ต้องคิดเลยน่ะครับ ว่าถ้าหากว่าคุณเป็นสาวเป็นนางแรงไม่เยอะ ร่างกายบอบบางน่าทะนุถนอมเสียอย่างงั้น แล้ว คุณคิดจะมาคนเดียวล่ะก็ … คิดผิดแล้วล่ะครับ เพราะคุณจะกลับบ้านมือเปล่าไปเสียมากกว่าครับผม

stock-ikea-thailand

แนวคิดที่อยากให้บริการตัวเองไปเสียทั้งหมด ไอเกียเองชอบบอกว่า มันก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ Price Tag หรือป้ายราคานั้นแสดงราคาได้ต่ำมากๆ และ มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ด้วยอีกเหตุผลก็คือ การผลิตเป็นปริมาณมาก และมากที่สุดเท่าที่มันจะมากได้เช่นเดียวกัน ก็คือ จะต้องผลิตเยอะๆ ด้วยการออกแบบเพื่อทำให้ผลิตได้มาก และด้วยต้นทุนการผลิตที่ต่ำก็จะทำให้ราคาที่ตั้งบวกกับกำไรแล้วก็จะยังทำให้ราคามันต่ำอยู่ดี ซึ่ง ผมก็เห็นสินค้าหลายรายการ ราคาไม่สูงมากครับ เรียกว่า อืม .. มันก็ดูแล้วถูกจริงๆนั่นน่ะหละครับ

จริงแล้วๆ แรงงานไม่ได้แพงอะไรมากมาย ไม่ได้เป็นแนวคิดแบบฝรั่งจ๋าขนาดนั้นก็ได้ คือ อย่างน้อยผมว่าน่าจะมีพนักงานเพื่อบริการอยู่โกดังให้มากสักหน่อย น่าจะเป็นการดี เพราะผมว่า คนไทยไม่ได้อยากปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรม self service แบบนี้เสียทีเดียวแบบเบ็ดเสร็จทั้งหมดได้หรอกนะครับ อย่าง KFC หรือร้านอาหารประเภท Fast Food ก็ตามถ้าหากว่าเป็นเมืองนอกเมืองนาแล้ว เมื่อเราสั่งก็ต้องไปเอาที่ counter แล้วก็เมื่อทานเสร็จยังจะต้อง Clear โต็ะให้ด้วย ซึ่ง action หลังนี่คนไทยจะไม่ทำกันนะครับ ก็เหมือนว่าก็ต้องประยุกต์นิดหน่อยว่า กิจกรรมแบบไหนคนไทยจะรับได้ แบบไหนจะรับไม่ได้

อย่างไรก็ดีเรื่องสินค้าที่ต้องเอาเองฟังดูเหมือนจะมีเหตุผลว่ามันจะลดต้นทุนไปได้ส่วนหนึ่ง ยังมีอีกส่วนที่ปกติแล้ว คนไทยจะไม่ได้ทำกันก็คือ เมื่อคุณอยากจะซื้อโซฟาสักตัว เมื่อได้แบบและจดรหัสจาก โชว์รูม แล้วก็เดินไปที๋โกดังเพื่อไปยกโซฟาที่อยู่ในกล่องอยู่เอามาใส่รถเข็นแล้ว ก็ลากไปที่ cashier ต่อไป โดยไม่ได้มีคนช่วยดูแลคุณแต่อย่างใด นอกจากนี้ก็ต้องยกขึ้นรถและนี่ผมว่าน่าจะเป็นอีกปัญหาหนึ่งสำหรับคนไทย

คนไทยไม่ได้มีรถ Truck ใหญ่ๆกันทุกบ้านหรอกนะครับ ดังนั้น การยกของชิ้นใหญ่แม้ว่ามันจะถูก Design ใส่กล่องแล้วก็ตาม มันก็เป็นการลำบากอยู่ดีที่จะเอากล่องนั้นกลับบ้านได้ครับ ถ้าหากว่าเป็นครอบครัวคนเมืองปกติก็จะมีเป็นรถเก๋งขนาดกลางเสียเป็นส่วนมาก คนที่มีรถกระบะก็ถือว่าโชคดีกว่าคนอื่นเขาหน่อย แต่นั้นก็แปลว่า คุณจะยกขึ้นทางด่วนแบบนั้นก็ผิดกฏทางด่วนอีกต่างหาก เพราะทางด่วนเองก็กลัวว่าคุณจะไปทำอะไรตกหล่นบนทางด่วนครับผม

ฟังดูเรื่องการขนย้ายแล้วไม่ค่อยจะเหมาะเท่าไหร่ แต่อย่างไรก็ดีทางไอเกีย เค้าก็มีบริการยกของกลับไปที่บ้านให้ แต่ว่าผมไม่ได้ถามน่ะครับ ว่ายกไปให้เฉยๆหรือเปล่าหรือว่าจะไปต่อให้ด้วย ? โดยเริ่มคิดค่าบริการตั้งแต่ 650 บาทขึ้นไป (แต่ไม่รู้ว่าสูงสุดสักเท่าไหร่)

ลองคิดดูเมื่อคุณเอาโซฟากลับบ้านได้ก็จริง สิ่งที่คุณต้องทำต่อทั้งๆที่คุณไม่เคยทำมาก่อนเลยก็คือ การประกอบเฟอร์นิเจอร์ที่ปกติแล้ว มันไม่ต้องประกอบเอง เช่น โซฟาเป็นต้น  … การประกอบนี้ผมก็เข้าใจว่า แม้การ Design ได้คิดและคำนึงเรื่องการประกอบเอาไว้เพื่อให้คนประกอบได้ง่ายที่สุดด้วยอุปกรณ์ที่แถมไปให้ด้วยนั้น จะทำให้ทุกคนประกอบได้ เพราะไม่ใช่ทุกคนจะมีทักษะในการประกอบชิ้นส่วนนะครับ แน่นอนถ้าหากว่าต้องประกอบนี่ คนๆนั้นที่ประกอบไม่เป็นหรือว่าไม่กล้า และไม่เคยที่จะต้องประกอบอะไรก็ต้องเรียกคนอื่นมาช่วยอยู่ดี และนี่ก็เป็นอีกงานหนึ่งที่ “ทำให้ราคา Price Tag ต่ำลงไปไดอีก” เพราะ เค้า out source แรงงานจากพนักงานของเค้าเอง ให้มาเป็น “ตัวคุณคนซื้อ” เอาไปประกอบเอาอีกต่างหาก

กลับที่เรื่องกรอบรูปของผมครับ สุดท้ายแล้ว เมื่อผมเดินดูของได้ประมาณ 1 ชั่วโมงแล้ว ก็เข้าโซนกรอบรูป ซึ่งก็มีแบบให้เลือกเยอะพอตัวเหมือนกัน และสุดท้ายก็เลือกที่ถูกใจมาได้ 1 อัน ผมก็จัดแจงเดินไปที่ช่องจ่ายเงิน ปรากฏว่า ผมก็งงๆกับช่องเหล่านั้น เพราะ มันเหมือนกับทางด่วน คือ จะแยกระหว่างคนที่ใช้ credit card และคนที่ใช้เงินสดออกจากกัน โดยสมบูรณ์ คือ ช่องที่รับ credit card จะรับเงินไม่ได้เลยเพราะว่าผมก็ไม่เห็นเค้ามีช่องเก็บเงินใส่เงินทีเป็นเงินสดอยู่เลย และช่องเงินสดก็ไม่มีเครื่องอ่าน credit card เลย เรียกว่าแยกจากกันเด็ดขาดจริงๆครับ ไม่เข้าใจว่า อาจจะเป็นเพราะว่าเพื่อเป็นการจ่ายเงินที่เร็วขึ้นครับ โดยการจ่ายเงินด้วย credit card จะรับทุกกรณี และไม่มีการบอกว่าต้องซื้อถึงเท่าไหร่ถึงจะจ่ายด้วย credit card ได้ครับ เพราะงั้นแล้วกรอบรูปสองร้อยกว่าบาทผมก็จ่ายด้วย credit card ซะเลย

 

จังหวะที่จ่ายเงินก็มีสายพานเพื่อลำเลียงของเหมือนกับ supermarket นั่นน่ะหละครับ แต่ต่างจาก supermarket ตรงนึงก็คือ เมื่อจ่ายเงินแล้วเค้าก็ให้ของคุณคืนมาหน้าตาแบบนั้นเลย คือไม่ได้มีการ บรรจุหีบห่ออะไรเพิ่มเติมแต่อย่างใด พูดง่ายๆ คือ “ไม่ใส่ถุง” แล้วก็ไม่มีถุงขายอีกต่างหาก ซึ่ง สำหรับแค่กรอบรูป ผมก็ไม่ว่ากันน่ะครับ รับกรอบรูปกลับมาเฉยๆด้วยมิอเปล่า แล้วก็เดินจากไปจากเค้าเตอร์จ่ายเงิน ผมเหลือบไปทางขวา ปรากฏว่า มีซุ้มให้ pack ของได้เอง โดยมีม้วนกระดาษน้ำตาลขนาดหน้ากว้าง 1 เมตรแล้วก็มีกรรไกร และ สก๊อตเทปไว้ให้  พอผมเห็นอย่างงั้นแล้วก็ไม่ต้องคิดเยอะ ก็ต้องลองเสียหน่อยว่า การห่อเองมันเป็นยังไง ก็จัดแจงห่อเองเลยครับ โดยเอากระดาษน้ำตาลห่อแล้วก็ติดเทปดู ทำออกมาก็ดูโอเคดี แต่รู้สึกแปลกใจนิดหน่อยว่า อืม แค่ห่อแค่นี้ก็ต้องมาทำเองด้วยเหรอ มันเป็นการประหยัดต้นทุนไปขนาดนั้นเลยเหรอป่าว ? พนักงานก็ไม่มีช่วยอยู่แถวนั้นสักคนเดียวเลย แปลกดีแฮะ…

ว่าแล้ว เมื่อได้กรอบรูปก็หิวข้าว ผมจำได้ว่า ตอนที่ผมอยู่ US ก็มีไอเกียเหมือนกัน ผมก็เดินเข้าไปดูแค่หนเดียว แต่จำได้ว่ามันจะมีร้านอาหารอร่อยๆอยู่ ก็เดินหา ซึ่งมันก็เป็นร้านอาหารของ ไอเกียนั่นน่ะหละ และแน่นอนว่าก็ยึดแนวคิดเดิมคือ self-service อยู่ดี คือให้ต่อแถวเป็นแนวเดียวเข้าคิวแล้วก็เอาถาดไปให้พนักงานขายอาหารตักอาหารใส่จานแล้วเราก็เอาวางบนถาดเดินไปเรื่อยๆ เลือกๆว่าเราจะเอาอะไรบ้างครับ แล้วก็ต้องหยิบน้ำดื่มเอง ไม่ว่าจะเป็นน้ำขวด หรือว่าน้ำประเภทกดแบบ refill ได้เรื่อยๆ

price-food my-order

เมื่อเลือกของได้หมดแล้ว ก็ไปต่อคิวเพื่อจ่ายเงินอีก แน่นอนว่า คุณสามารถที่เลือกที่จะจ่ายด้วย Credit card ได้ด้วยเหมือนกัน ไม่ว่าราคาสินค้านั้นจะต่ำแค่ไหนก็ตามที

สำหรับเรื่องของราคาอาหารแล้วก็ไม่ได้แพง หรือว่าไม่ถูกเสียทีเดียวครับ จะมีบางรายการที่ดูเหมือนแพง และบางรายการก็เหมือนว่าถูกเอาการอยู่ครับ สำหรับผม ครั้งนั้นผมสั่ง มะกะโรนีซอสมะเขือ แล้วก็อีกเมนูก็สั่งก็คือ สเต็กหมูพริกไทยดำ รวมน้ำขวดโออิชิและ Brownnie อีกชิ้นทั้งหมดก็สองร้อยกว่าบาทเท่านั้นก็ไม่ได้แพงอะไรมากมายครับ รสชาติใช้ได้เลยทีเดียว

ยังไงสำหรับประสบการณ์ไอเกียถือได้ว่าเป็นประสบการณ์การ shopping Furniture แบบใหม่ ที่แปลกจากเดิมออกไป เพราะ กลิ่นอายของการบริการตัวเองนั้นมีมาก และคุณอาจจะต้องตกใจเมื่อคุณได้เห็นโกดังสินค้าว่าเก็บของเอาไว้เยอะและใหญ่มากแค่ไหนครับ ลองดูแล้วจะรู้ว่าประสบการณ์ไอเกียมันเป็นยังไงกัน

คำค้นหาของคุณที่มาเจอหน้าเว็ปนี้:

  • ikea ปิดกี่โมง
  • ikea เปิดกี่โมง
  • ikea ไปยังไง
  • ไป ikea ยังไง
  • ikea อยู่ที่ไหน
  • อิเกีย ปิดกี่โมง
  • ikea บางนา ไปยังไง
  • ไป ikea บางนา ยังไง
  • ikea บางนา
  • ikea บางนา เปิดกี่โมง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *