ถ้าหากว่าคุณเป็นคนที่ใช้ GPS เพื่อเดินทางไปไหนมาไหนแล้วคุณจะรู้เลยว่า point of interest (POI) หรือตำแหน่งที่ GPS ให้มามันจะใช้ไม่ได้อย่ครอบคลุมตามใจนึกสักเท่าไหร่ สิ่งที่ผมทำก็คือ ต้องทำการค้นหาตำแหน่งใน Google maps อีกครั้ง หรือ ถ้าหากว่าคุณจะไปต่างจังหวัดเยอะที่คุณก็ต้องทำการบ้านเอาไว้ก่อนอยู่แล้ว ตำแหน่งที่จะไปมันอยู่ที่ไหนแล้วก็จดออกมา หรือ export ออกมาเป็นพิกัดแล้ว ก็ค่อยกรอกเข้าไปที่แผนที่อีกครั้งก็ได้
โดยมากแล้วระแบบแผนที่ทุกเครื่องจะมีให้กรอกเป็นระบบพิกัดที่เรียกว่า decimal ซึ่งผมว่าเป็นระบบพิกัดที่อ่านแล้ว Get ภาพมากที่สุด และ เป็นระบบที่กรอกข้อมูลได้ง่ายและเข้าใจสื่อสารได้ตรงกันมากที่สุดแล้วเมื่อเทียบกับระบบพิกัดในรูปแบบอื่นๆ
ดังนั้นแล้วเราก็ต้องอยากรู้ว่าจะเอาตัวเลขพิกัดแบบ decimal นี้ออกมาจากตำแหน่งในแผนที่ Google maps ได้อย่างไรกัน วิธีการมันก็ไม่ไำด้ยากเย็นอะไร (แต่ว่ามันก็เพิ่งจะมีครับวิธีการนี้) คือ ให้เข้าไปที่ หน้า Google maps แล้วก็ที่ด้านซ้ายบนจะมี new ! ให้กด กดเข้าไปแล้วก็เลือก LatLng Tooltip เหมือนกับภาพด้านบนให้เป็น enable หรือทดสอบการใช้งานนี้ครับ เมื่อเราเอา mouse over ไว้ที่แผนที่ ณ ตำแหน่งไหนๆมันก็จะแสดงพิกัดเป็นตัวเลขทศนิยมให้เห็นครับ
ถ้าหากว่าเครื่องของคุณเป็นระบบที่ต้องกรอกตำแหน่งหลังทศนิยมมากกว่าสามหลัก (Google maps จะบอกแค่สามหลักเท่านั้น) คุณก็ต้องกรอกเข้าไปให้ครบอยู่ดีน่ะครับโดยตำแหน่งหลักที่เหลือทั้งหมดให้กรอกเป็น 0 ไปครับ เท่านั้นก็เป็นอันเข้าใจตรงกัน
note แผนท้ายไว้นิดหน่อยว่า เนื่องจาก แผนที่ใน Google maps มันกว้างมาก แนะนำว่าคุณควรจะ zoom in เข้าไปยังตำแหน่งที่ต้องการให้ลึกที่สุดเพื่อใ้ห้ได้เลขพิกัดมา ณ ตำแหน่งที่แน่นอน คุณไม่อยากจะได้ตำแหน่งโดยประมาณที่ห่างออกไปจากตำแหน่งที่คุณอยากไปเป็น 300 m หรอกครับ อ่ะๆ ถ้าหากว่าแค่ 50 m จากเป้าหมายนี่ถ้าหากว่าคนแถวนั้นอยู่ใซอยเดินทางไปในซอยมันจะทำให้หลงเป็นคนซอยได้ แล้วก็ไม่รู้จะถามใครด้วยซิ อันนี้ผมเคยโดนแล้วน่ะครับก็เลยพิมพ์บอกกันเอาไว้ก่อนจะได้ไม่ต้องไปหลงทางเสียเวลาเหมือนกับผมน่ะครับ
คำค้นหาของคุณที่มาเจอหน้าเว็ปนี้:
- พิกัด gps
- การใส่พิกัด gps
- พิกัดgps
- ใส่พิกัด gps
- การบอกพิกัด gps
- การ ใส่ พิกัด gps
- google map บอกพิกัด
- บอกพิกัด gps
- gps google maps
- gps บอกพิกัด