สถานการณ์โควิด 19 เป็นสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคระบาดที่ไม่มียารักษาทางตรงที่ติดต่อกันได้ง่ายและได้รับการประกาศว่าเป็น “โรคติดต่อร้ายแรง” แล้วในประเทศไทย ทำให้ปัญหา PM2.5 เหมือนจะดูเล็กมากลงไปเลยเมื่อเทียบกับปัญหาไวรัสตัวร้านตัวนี้ สำหรับทความนี้ อยากจะเล่าว่า สำหรับสถานการณ์แบบนี้ พ่อแม่ที่เด็กอยู่ในปกครอง เราควรจะต้องจัดอุปกรณ์ และ วิธีการป้องกันต่างๆอย่างไรกันบ้างเพื่อ ที่ครอบครัวของคุณเองอยู่รอดปลอดภัยจากวิกฤตการณ์โควิดนี้ไปได้
ปรับทัศนคติกันก่อน ! เราป้องกันตัวเพื่อไม่ให้เป็นพาหะแล้วติดคนอื่นต่อ
สำหรับมุมมองการป้องกัน สิ่งหนึ่งที่ต้องปรับระดับจิตใจก็คือ การเข้าใจว่า นี่คือสถานการณ์ที่ต้องตื่นรู้และระวังตัวเป็นที่สุด เพราะ ไม่มีคนในยุคของเราที่เกิดและอาศัยในไทยได้เจอะเจอกันปัญหาโรคระบาดแบบนี้มาก่อน (นานมากแล้วไม่เคยเจอเลยก็ว่าได้) แม้ว่าเราจะเคยผ่านช่วงที่เกิดโรคระบาดร้ายแรงอื่นๆมาแล้ว แต่มันไม่ใกล้ตัวมากขึ้นขนาดนี้มาก่อน ดังนั้นแล้ว เรื่องความเข้าใจว่า “เราต้องระวัง” ต้องเป็นเรื่องที่พึงระลึกเอาไว้ตลอดเวลา เมื่อเราระลึกแบบนี้ได้แล้ว สิ่งต่างๆเกิดขึ้นตามมาเอง เช่น การศึกษาหาความรู้ ความเข้าใจ การค้นหาแนวทางป้องกัน อุปกรณ์และเทคนิคในการป้องกันตัวของคนในครอบครัวเป็นต้น แน่นอนที่สุด คุณถือได้ว่าเป็นคนที่ “เริ่มต้น” ระวังให้กับคนอื่นๆในครอบครัวรอบตัวของคุณได้ด้วย งั้นเรามาเริ่มกันเลยดีกว่าโดยบทความนี้เราเน้นอุปกรณ์ที่เป็นตัวช่วยทั้งหมดเท่าที่คิดออก เพื่อมาบอกเล่ากันฟัง แต่ ถ้าหากว่า คุณคิดว่าน่าจะอุปกรณ์อื่นๆ เพิ่มเติมอีกสามารถพิมพ์เพิ่มเติมได้ในส่วนของความคิดเห็นท้ายบทความนี้
เป้าหมายของการกระทำของประชาชนทั่วไปคือ ทุกคนต้องพยายามคิดว่าตัวเองจะต้องไม่เป็นคนแพร่เชื้อเหล่านี้ออกไปให้จงได้ หากมีความเสี่ยงใดๆ ให้หลีกเลี่ยงให้ได้มาก เพื่อไม่แปลงตัวเองเป็นพาหะ แล้วไปติดคนอื่นเขา ซึ่งคำว่าคนอื่น อาจจะดูเหมือนไกลตัว แต่จริงๆแล้ว คำว่า “คนอื่น” ให้นิยามนั้นรวมถึงพ่อแม่ พี่น้อง และลูกๆของคุณด้วย ทั้งหมดคือคนใกล้ตัวที่จะมีโอกาสติดเมื่อคุณเป็นพาหะของโรคแล้วได้นั่นเอง โดยแต่ละคนจะมีโอกาสเสียชีวิตที่ไม่เท่ากัน เมื่อติดเป็นโรคนี้ โดยคร่าวๆคือ อายุมาก โอกาสตายอาจจะมากถึง 10-15% ตั้งแต่อายุ 70 ปี ส่วนถ้าหากว่าเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี ไม่มีโอกาสตายได้เลยถ้าหากว่าเป็นเด็กที่เป็นปกติและมีสุขภาพปกติดีมาก่อน แต่โดยรวมโอกาสตายคือ 1 ใน 30 โดยประมาณ เราไม่ควรแปลงตัวเองให้เป็นพาหะ หรือติดเชื้อเพื่อเพิ่มคนตายให้มากขึ้น (ตามโอกาสของอายุในแต่ละวัยตามที่ได้กล่าวมาแล้ว)
หน้ากากกันไวรัสสำหรับเด็กและตัวคุณเอง : หน้ากากอนามัยทั่วไป (ไม่ค่อยช่วยป้องกันเท่าไหร่)
นี่เป็นแนวทางสำหรับคนที่อยากป้องกันตัว โดยเราจะสวมหน้ากากพวกนี้ทุกเมื่อ เมื่อเราต้องออกไปพบปะผู้คนหรือเดินทางเข้าไปยังเขตที่คนหนาแน่น เช่น ห้างร้าน สำนักงาน อาคาร หรือ ตลาดทั่วไป (ทั้งแบบ indoor และ outdoor) แต่เนื่องจากหน้ากากอนามัยตอนนี้หายาก(ไปทางหายากที่สุด) ทำให้เราอาจจะไม่สามารถหาหน้ากากมาใส่ได้ ทำให้เราอาจจะต้องเลี่ยงการเข้าในพื้นที่ที่มีคนหนาแน่นแทนการใส่หน้ากากก็ได้ แน่นอนว่าที่สุดว่า ถ้าหากว่า เราอยู่บ้านคนเดียว ไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะต้องใส่หน้ากากอยู่แล้วตั้งแต่ต้น หรือ อย่างน้อยที่สุดให้เลี่ยงการเข้าพื้นที่คนหนาแน่นมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ทั้งนี้ หน้ากากนั้นอาจจะไม่ได้เป็นการลดโอกาสจาก droplet ของไวรัสได้โดยตรง เพราะ ขนาดของอนุภาคไวรัสนั้นเล็กมาก และเล็กเกินกว่าที่ฟิลเตอร์ของตัวกรองจะสามารถกรองออกได้ทั้งหมด ส่วนมากแล้ว เหตุผลของการไส้หน้ากากอนามัยก็มีแค่ว่า คนๆนั้นไม่ต้องการแพร่เชื้อไวรัสตอนที่พูดจา หรือ ไอจาม เพื่อเป็นการป้องกันการติดต่อไปยังคนอื่นเสียมากกว่า แต่การป้องกันก็คือ เราให้เดินห่างกันเข้าไว้ให้เกินกว่า 1 เมตร เพราะระยะการแพร่เชื้อได้นั้นในระดับ droplet ที่พ่นออกจากปากหรือจมูก หรือน้ำคัดหลั่งใดๆ จะมีระยะอยู่ราวๆนั้น หรือแปลอีกนัยหนึ่ง คือ การเดินผ่านผู้คน ให้เราห่างให้มากเอาไว้เป็นการดี
จากภาพด้านบนนั้นมีการวาดเพื่ออธิบายถึงขนาดต่างๆ เช่น ด้านซ้ายมือสุดคือ ความหนาของเส้นผมคนเรา และ จุดแดงๆ คือ ขนาดของไวรัสโคโรน่า ส่วนวงกลมที่อยู่ตรงกลางและขวามือ คือ ขนาดของรูของหน้ากากอนามัยและหน้ากากแบบ N95 ตามลำดับ แปลความได้ว่า ไวรัส ถ้าหากว่าเราเอาหน้าไปรับกับคนที่จามจริงๆ แล้วล่ะก็ ไวรัสมันก็จะพุ่งทะลุมาได้ด้วยแรงดันอากาศที่เราดูดเข้าออกผ่านผ้ากรองทุกประเภทอยู่ดี
ล้างมือบ่อยๆด้วยสบู่ประเภทโฟม : โฟมล้างมือคิเรอิคิเรอิ
การล้างมือถือได้ว่าเป็นการ reset ค่าความสะอาดของมือของเรา ทุกครั้งที่เราล้างมือ มือเราก็จะกลับมาใหม่สะอาดเหมือนเดิมทุกครั้ง ดังนั้น ให้ล้างมือให้บ่อยครั้ง และ บ่อยมากที่สุดเท่าที่คุณสะดวกจะทำได้ก็น่าจะดี แต่ที่แน่ๆ แนะนำให้ล้างมือการทานอาหาร หรือ จะกินของกินเล่นอะไรก็สุดแล้วแต่ ล้างมือทุกครั้งหลังเข้าห้องน้ำ และ ล้างมือทุกครั้งเมื่อเดินทางกลับออกจากที่ชุมชนหรือสถานที่ที่มีการพบปะของผู้คน น้ำยาล้างมือหรือสบู่ที่สะดวกในการล้างมือมากที่สุดในตลาดตอนนี้คือ พวกโฟมล้างมือ เพราะ เราไม่ต้องทำการมีฟองล้างมือเอง ฟองมันจะกระจายตัวเองได้ดี และ สามารถทำความสะอาดได้ทั่วถึงมากกว่า การใช้สบู่ประเภทอื่นๆในมุมมองของความสะดวกสบาย อีกอย่าง มันสุนทรีย์เมื่อมือเราได้เล่นกับฟองอีกด้วย
ล้างมือบ่อยๆด้วยเจลล้างมือแบบที่แอลกอฮอล์เข้มมากกว่า 70%
เนื่องจากเจลล้างมือไม่ได้มีการชำระล้างไหลของเชื้อโรคออกจากมือเรา จริงๆมันก็ยังคงติดกับมือของเราเหมือนเดิม หลักการทำงาน มันไม่เหมือนกับการล้างมือด้วยน้ำและการล้างน้ำด้วยสบู่ แต่การใช้เจลล้างมือมันมีเอาไว้เพื่อฆ่าเชื้อที่ติดกับมือเราอยู่ โดยเชื้อนั้นไม่ได้หนีหายไปไหน แค่ว่า มันตายไปแล้วเท่านั้น ดังนั้นแล้ว การล้างมือด้วยเจลเลยมีการกำหนดความแรง เพื่อให้เพียงพอต่อการฆ่าไวรัสโควิดที่ติดบนมือเรา (ถ้าหากว่ามันติดอยู่) ให้มันตายได้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ดี การล้างมือด้วยเจลนั้นส่วนตัวแล้ว มองว่าไม่สามารถทดแทนการล้างมือด้วยระบบน้ำไหลได้ เพราะ ความทั่วถึงของการทำความสะอาดมือนั้นน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกันระหว่างการล้างมือด้วยวิธีการทั้งสอง
สเปย์ฆ่าเชื้อในอากาศพ่นในบ้านของเราเองเมื่อมีผู้มาเยือนต่างถิ่น
การใช้สเปย์ฆ่าเชื้อในอากาศนั้นถือได้ว่าเป็นเคมีที่เราไม่ได้ใช้กับบ่อยๆมากเท่าไหร่นัก และ คนเราแทบจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันมีของอะไรแบบนี้ด้วย ซึ่งการใช้สเปย์ฆ่าเชื้อในอากาศนั้นเราจะมีโอกาสได้ใช้ก็ต่อเมื่อ มีคนนอกพื้นที่เข้ามาในพื้นที่ของเรา เราเลยจำเป็นต้องทำให้พื้นที่ของเราสะอาดมากเป็นพิเศษ เพราะ เราไม่สามารถประเมินได้ว่า คนที่เดินเข้ามาในพื้นที่่บ้านอาศัย หรือสำนักงานของเรา นั้นมีโอกาสติดโรคมากน้อยเพียงใด หรือมีความเสี่ยงของโรคหรือไม่
ผ้าเช็ดแอลกอฮอล์ 3M เพื่อทำความสะอาดเครื่องมือเครื่องใช้
จริงๆอุปกรณ์นี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อเอาไว้ให้โรงพยาบาลใช้เพื่อเช็ดเครื่องมือแพทย์บางอย่าง หรือ ใช้เพื่อเช็ดแผลก่อนฉีดยา เพราะ มันมีสภาพที่สะอาดมาก (ผ่านการสเตริไรด์มาก่อน) และ มีแอลกอฮอล์ 70% มากเพียงพอที่จะฆ่าเชื้อต่างๆได้ทันที เมื่อมีการเช็ดกับพื้นที่ใดๆบนร่างกายของเรา การใช้ผ้าแอลกอฮอล์นั้นถือได้ว่าเป็นการทำความสะอาดสิ่งของทั่วไปก็ได้หรือใช้เพื่อเช็ดร่างกายของคนเราก็ได้เช่นเดียวกัน
น้ำยาฆ่าเชื้อสำหรับทำความสะอาดพื้นผิวเรียบ : เด็ทตอล
สำหรับพื้นที่ขนาดใหญ่เช่นโต้ะหรือพื้น เราสามารถทำความสะอาดให้สะอาดมากเป็นพิเศษ (เราไม่ได้ต้องการแค่ความสะอาดของฝุ่นเท่านั้น ตอนนี้เราต้องการความสะอาดระดับฆ่าเชื้อโรคกันเลยก็ว่าได้) ทำให้เราต้องใช้น้ำยาฆ่าเชื้อเป็นตัวทำความสะอาดพื้นผิวทั่วไปในขั้นสุดท้ายอีกด้วย นอกจากนี้ เราสามารถใช้น้ำยาฆ่าเชื้อประเภทนี้เข้าไปกับการซักผ้าได้อีกด้วย เพื่อความมั่นใจว่า การซักผ้าในครั้งๆนั้นๆ เสื้อผ้าทั้งหมดจะปราศจากเชื้อโรคด้วยเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ ให้อ่านคำเตือนด้านหลังเอาไว้ด้วย เพราะ น้ำยาตัวนี้ถือว่าเป็นเคมีที่เป็นเคมีจริงๆ มันไม่ได้ปลอดภัยสำหรับเด็กเท่าไหร่นัก มันจะต้องรอให้แห้งหรือสลายตัวเสียก่อน ก่อนที่จะมีการใช้งานพื้นผิวนั้นต่อไป ถ้าหากว่าเราไม่เคยทำความสะอาดอะไรเลย ตอนนี้ เราแนะนำให้คณเริ่มทำได้แล้ว เนื่องจาก ไม่มีคนประเมินได้เลยว่า ถ้าหากว่ามีไวรัสจับกับพื้นผิวอยู่อย่างนั้น มันจะยังคงมีอายุได้อีกนานเท่าใด เพราะ มันแล้วแต่สภาพอากาศ ความชื้นและเคมีอื่นๆที่ติดกับพื้นผิวนั้นอยู่ก่อนหน้าแล้ว การใช้น้ำยาฆ่าเชื้อจึงเป็นการลดโอกาสในการที่เราจะพื้นผิวนั้นแล้วไปติดโรคนี้ได้อีกด้วย
ขอให้คิดทุกครั้งว่ามือถือของคุณมีความสกปรกเท่ากับมือของคุณ
ถ้าหากว่าคุณล้างมือแต่ก็ไม่ได้ล้างมือถือ (ไม่ได้ลบข้อมูลนะคนละความหมายกันแล้ว) มันก็กลับมาทำให้มือของคุณสกปรกเท่าเดิมก่อนล้างมือได้ในที่สุดอยู่ดี การทำความสะอาดมือถือ ทำให้สะอาดไร้ไวรัสทำได้โดยการใช้น้ำยาฆ่าเชื้อเช็ดเอา หรือจะเป็นพวกแอลกอฮอล์ตรงๆเลยก็ได้เช่นเดียวกัน หากว่าจะสะดวกกว่าอาจจะเลือกใช้วิธีการ คือ เอามันไปอาบพวกแสง UV ประเภทกำจัดเชื้อโรค เรื่องมือถือนั้นถือได้ว่าเป็น “จุดอ่อน” ของคนปัจจุบันเอามากๆ เพราะ เราหยิบจับมันถี่เอามากๆ ถี่เกินกว่าจะประมาณการได้ว่ามันถี่แค่ไหน ถ้าหากคุณคิดว่า ยังไงซะ มือถือของคุณจะติดเชื้ออยู่แน่นอน เราก็ต้องระงับห้ามใจในการจับหน้าจับตา แคะขี้มูก และ ต้องล้างมือทุกครั้งก่อนเอาอาหารเข้าปาก และ เลิกที่จะเล่นมือถือไปทานข้าวไป เพื่อเป็นการป้องกันโอกาสติดเชื้อจากมือถือของเราเองในที่สุด
โดยสรุป การกระทำที่เราเน้นว่าต้องกระทำเพื่อลดโอกาสเสี่ยงคือ การไม่เข้าไปใกล้คนอื่นๆ การล้างมือ และ ถ้าหากว่าจะจับหน้าตา ให้ล้างมือก่อนทุกครั้ง หรือจะจับอาหารให้ล้างมือก่อนทุกครั้ง