การเดินทางในประเทศจีนรอบตัวเมืองเซี่ยงไฮ้ กับนิสัย..ของคนจีนดิบๆ

china-thame-town

เมื่อสัปดาห์ก่อนที่ผ่านมาผมไม่ได้ทำการ update website แต่อย่างใดเพราะว่าผมมีเดินทางไปประเทศจีนที่เซี่ยงไฮ้ ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ ผมไปดูงาน ออกงานแล้วก็ยังจะไปเที่ยวต่ออีกสักสองสามวันด้วย โดยมี Guide จำเป็นคือ น้องชายผมเองที่เค้าเรียนภาษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยฟูตั้น เซี่ยงไฮ้ครับ โดย ตอนที่ผมอยู่ที่นั่น ผมก็ต้องคอยติดตามปัญหาเรื่องน้ำท่วมประเทศไทย รวมทั้งน้ำท่วมกทมด้วย โดยสิ่งที่ผมจำเป็นจะต้องมีก็คือ internet ครับ

สิ่งแรกๆที่ผมต้องทำ คือ หาทางทำให้ผมมี SIM iphone ใช้แบบเป็น local phone เพื่อให้พนักงานที่ office สามารถที่จะโทรหาผมผ่าน Skype Unlimited call ได้แบบไม่อั้น เพราะว่าทั้งนี้ประเทศจีน จะเป็นประเทศหนึ่งที่ ทีมงานที่บริษัทสามารถโทรเข้าได้ทั้งเบอร์บ้านและมือถือได้ไม่อั้นครับ ผมก็เลยติดต่อน้องเอาไว้ก่อนว่า “อยากจะได้ SIM card เป็นเบอร์ local ของเมืองจีน” ซึ่งน้องผมก็จัดการได้ไม่ยาก และ จริงๆแล้ว คุณก็จัดการได้เช่นเดียวกันนะครับ คือ เริ่มมาให้คุณเดินทางบริษัทที่เค้าเป็น mobile phone provider ของผมจะเป็น china mobile ก็ได้หรือว่าจะเป็น Unicom ก็ได้เหมือนกัน ก็แล้วแต่ว่าคุณเจอร้านอะไรที่นั่นครับ  เหมือนว่าผมมองเห็นร้านเหมือนกันทีสนามบินนะครับ หรือว่าคุณก็ลองหาข้อมูลดูน่ะครับว่าร้านค้า mobile พวกนั้นอยู่ที่ไหน หน้าตาร้านก็จะเหมือนกับ Telewiz บ้านเราอะไรอย่างงั้นเลยครับ เข้าไปคุณก็ติดต่อไปว่าอยากจะได้ iPhone SIM หรือบอกไปว่าอยากจะได้ SIM card เพื่อเอามาเล่น internet จะมีพนักงานเพื่อคุยกับคุณเป็นภาษาอังกฤษได้ครับ ไม่ยากอะไร (แต่ว่าทั้งนี้ผมไม่ได้เป็นคนดำเนินการเองเรื่อง internet SIM นะครับ เพราะอย่างที่ผมบอกไป ก็คือน้องผมจัดการให้เสร็จหมด)

เมื่อผมเอา SIM ที่ได้เสียบเข้า iPhone คุณจะตกใจว่า ที่ประเทศจีนมี 3G แล้วทั่วทั้งเมืองเซี่ยงไฮ้ และความเร็วก็เร็วเอาการเสียด้วยน่ะครับ แม้ว่าประเทศจีนนี้จะมีการกีดกันเรื่องเนื้อหาหรือ website ที่มาจากต่างประเทศหลายประเทศก็ตาม แต่ internet ที่นั่นก็ถือได้ว่าเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนจีนเองเพื่อการติดต่อค้าขายระหว่างคนจีนด้วยกัน และ กับคนต่างชาติอย่างเราๆท่านๆ ครับ ผมได้มีโอกาสไปเดินตลาดที่ขายของเหมือนประตูน้ำบ้านเรา แต่ว่าเป็นประเทศจีนนะครับ ทุกคน คนเฝ้าร้านจะทำหน้าที่เพิ่มเติมอยู่อย่างหนึ่งที่ คนไทยหรือร้านค้าขายของประตูน้ำที่อยู่ในไทยจะไม่ได้ทำกันก็คือ การคุยกับลูกค้า หรือขายของผ่าน internet ไปด้วย แต่ผมอยากจะเน้นว่า ร้านค้าเหล่านี้ จะทำกันทุกร้าน เรียกได้ว่าแทบไม่เห็นร้านค้าร้านไหนที่ พนักงานนั่งเฉยๆคุยกันสักเท่าไหร่นัก แต่จะมีพนักงานเพื่อกด Notebook เพื่อคุยกับลูกค้าที่ติดต่อเข้ามาผ่าน IM ระบบของจีนเค้าเองครับ แต่ พนักงานที่หน้าร้านจะบอกผมครับว่า เค้าจะขายของใน internet แพงกว่าที่เค้าขายแบบหน้าร้าน อาจจะเนื่องด้วยว่าเราอยู่หน้าร้านแล้ว ก็อยากจะให้ซื้อไปเลยไม่ต้องไป check ราคา online อีกต่อเมื่อมาต่อครับ สุดท้ายผมก็ได้รองเท้า Croc มา 1 คู่ ซึ่งเดาเอาว่าไม่น่าจะเป็นของจริงได้ครับเพราะว่า ดูจากราคาแล้วไม่น่าเชื่อว่าจะถูกได้ประมาณนี้ แต่อย่างไรก็ดีผมไม่ได้ติดที่ยี่ห้อหรือว่า Brand อยู่แล้ว แต่น้องผมแนะนำว่ามันใส่ดีก็ให้ใส่ลองดู แล้วเค้าก็บอกผมอีกว่า แม้ว่าจะเป็นของไม่ได้เป็นของจริงมันก็ใส่ดีอยู่ดีครับ

อาหารการกินไม่ได้ถูกกว่าเมืองไทยแต่อย่างใด อย่าคิดว่าคนเยอะแล้วอาหารจะถูก ถ้าหากว่าคุณคิดแบบนั้นผมบอกได้เลยว่าคุณคิดผิดครับ เพราะว่า อาหารดีๆ นั้น อย่างไรมันก็แพงอยู่ดี แล้ว มันจะแพงขึนไปอีกถ้าหากว่ามันเป็นอาหารแบบมี Brand ครับ สิ่งที่น่าแปลกใจเป็นอย่างมากอีกเรื่องก็คือ Brand ร้านไอติม ที่ชื่อ ฮาเก้นดาท์ส นั้นเป็นที่รู้จักและกระจายตัวทั่วไปอยู่เต็มเซี่ยงไฮ้กันเลยทีเดียวครับ และ ร้าไอติมเหล่านั้นก็มีคนเยอะมากเสียด้วยถึงระดับว่าต้องต่อคิวนอกร้านเพื่อที่จะเข้าร้านกันเลยเป็นเรื่องปกติของทุกๆร้านครับ (ไม่ได้แค่เห่อกันเฉพาะตอนเปิดร้านเท่านั้นเหมือนกับบ้านเราครับ) ผมถามน้องชายผม เค้าก็บอกว่า เพราะว่า Brand นี้ทำการตลาดเอาไว้ดีมาก เหมือนมีภาพลักษณ์เลยว่า ถ้าหากว่าเป็นคู่รักกันแล้วล่ะก็คุณจะต้องมานั่งพลอดรักกันที่นี่ หรือจะต้องมา date โดยการกินติมกันที่นี่ครับ อะไรจะขนาดนั้น บ้านเราก็น่าจะมี concept แบบเดียวกันแต่ก็จะเป็นร้าน Swensen’s เสียมากกว่า ซึ่งก็ราคาไม่ได้แพงเหมือนกับฮาร์เก้นดาร์สครับ (ลูกละ 100 กว่าบาทขึ้นไปทั้งนั้นน่ะครับ และผมก็ไม่ได้มีโอกาสได้เข้าไปลองกินดูซะด้วยซิ อยากรู้เหมือนกันว่ามันอร่อยกว่า Swensen’s บ้านเรายังไงกัน)

พูดถึงเรื่องพลอดรักแล้วก็มีอีกประเด็นที่ผมว่า ผิดคาดจากการเรื่องที่ผมทราบมาก่อนก็คือ “การพลอดรักกันที่สาธารณะ” เพราะว่า แต่แรกผมเข้าใจว่า วัฒนธรรมจีนจะต้องปกปิดหรือเหนียมอายเกี่ยวกับเรื่องอะไรพันธ์นี้ แต่ปรากฏว่าเมื่อเดินไปทั่วเมือง ตามห้างหรือแม้กระทั่งสวนสาธารณะ คุณจะเห็นหนุ่มหน้าตี๋ และสาวสวยหมวย (แต่ว่าไม่อึ๋ม) พลอดรัก กอดรัดฟัดเหวี่ยงราวกับว่า โลกนี้มีเพียงเราสองคน เป็นที่อิจฉาตาร้อนสำหรับผมและน้องผมมากมายครับ (ไม่รู้ว่าเค้าคิดเหมือนกันหรือเปล่านะ) ทำให้เมื่อเดินไปที Walmart จะมีสินค้าหนึ่งที่วางเอาไว้เยอะมากคือ condom ที่ไม่ได้วางเอาไว้ที่ทางออกตอนจ่ายเงินเท่าน้ัน แต่ว่าวางเอาไว้ระหว่างชั้นและเป็นทางยาวมากว่า 10 เมตรขนานไปกับบันไดเลื่อนกันเลยก็ว่าได้ และกล่องก็น่ารักเอามากๆ ดูแล้วเหมือนว่าจะเป็นกล่องขนมเสียมากกว่า จนทำให้เมื่อผมหยิบมาแล้วถือไว้ คนไทยที่ไปด้วยกันก็ถามว่า มันเป็น Pocky หรือเปล่า แต่ผมก็ไม่ได้บอกอะไร (แต่ว่าผมไม่ได้ซื้อกลับมานะ แค่เอามาดูเฉยๆเพราะว่าอยากรู้ว่ามันพิมพ์อะไรไว้หน้ากล่องบ้างเท่านั้นเอง) เรียกว่าพี่ๆที่ถามผมว่ามันคือ ป๊อกกี้หรือเปล่า แทบอายม้วนเลยก็ว่าได้ เมื่อผมบอกไปว่า “อันนี้ไม่ใช่ป๊อกกี้นะแต่ว่าเป็นคอนด้อมต่างหาก!”

ถ้าหากว่าพูดถึงคนจีน คนไทยอย่างเราๆท่านๆก็จะคิดว่า เค้าต้องเป็นพวกที่ต้องเห็นแก่ตัวและแก่งแย่งกันทุกๆเรื่องเลยก็ว่าได้ แต่ว่า สำหรับคนสมัยใหม่นี้ มีการพัฒนาทางความคิดมากขึ้น ลดการเห็นแก่ตัวให้น้อยลงไปได้และ มีความเป็นวัฒนธรรมสากลมากขึ้น แต่คนเหล่านั้นมีโดนพัฒนามาแล้วจะเป็นพวกวัยรุ่นหนุ่มสาวที่ดูดีเหมือนมีการศึกษาเสียเป็นส่วนมากนะครับ เพราะถ้าหากว่าคุณเห็นคนแก่หรือคนรุ่นก่อนหน่อยแล้ว ความเห็นแก่ตัวเองอย่างแรงกล้านั้นยังฝังรากลึกอยู่ในใจอย่างไม่มีคนบอกกล่าวว่าสอนได้เลยครับ ตัวอย่างความเห็นแก่ตัวนั้นมีมากมายครับ ผมเล่าให้ฟังได้คร่าวๆก็เช่น ตอนที่ผมเข้า Lift โดยผมต้องผลักกระเป๋าเพื่อเข้าลิฟท์ ก็มีคนจีนกดลิฟท์ให้แต่ว่าไม่ได้กดเปิดนะครับ เป็นการกดปิด และไม่ได้กดธรรมดาด้วยนะครับ มันคือ การกดปิดแบบกดค้างเอาไว้เลย ตอนแรกผมก็คิดว่า คนจีนคนนี้เข้าใจผิดอะไรหรือเปล่าว่าการกดปุ่มปิด คือ การเปิดลิฟท์ แต่ผมเริ่มไม่มั่นใจเมื่อผมเจอแบบนี้ซ้ำอีกครั้ง ตอนที่ผมลากกระเป๋าเข้าลิฟท์ที่รถไฟใต้ดินครับ !

หรืออีกเรื่องที่อยากจะเล่าให้ฟังก็คือ คนรุ่นเก่าของจีนก็ยังสอนลูกให้ทำตัวเหมือนกับสุนัขอยู่ คือ การถ่ายไม่เป็นที่เป็นทาง มีคุณแม่สูงวัยหน่อยแต่ก็มีลูกน้อยหรืออาจจะเป็นหลาน เมื่อหลานปวดฉี่ระหว่างที่เดินอยู่ข้างทางเท้า เจ้าหลานตัวดีก็ไม่ได้พูดพร่ำทำเพลงอะไร จัดการงัดไอจ้อนออกมาจากกางเกงแล้วก็ฉี่ใส่พื้นทรายริมทางทันทีราวกับว่า โลกนี้ไม่มีคนอื่นเห็นอีกว่าเราทำอะไรอยู่ยังไงอย่างงั้น  (เหมือนกับหนุ่มสาวพลอดรักกันน่ะหละ) แต่ว่าที่สำคัญก็คือ คุณแม่หรือว่าญาติมิตรผู้ใหญ่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ก็รอเด็กน้อยคนนี้ฉี่ให้สุดปลายประเปาะเสียก่อนแล้วก็พากันเดินต่อไปราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมเดาเอาเองว่า เด็กน้อยคนนี้ถ้าหากว่าได้เข้าโรงเรียนแล้ว จะต้องมีครูที่รัฐบาลจีนเป็นกำกับดูว่า ต้องทำอะไรอย่างไรบ้าง เพื่อเป็นการปรับพฤติกรรมได้ไม่ยาก เพราะ ดูจากวัยแล้ว ความเห็นแก่ตัวหรือการตัวน่าเกลียดน่ากลัวในที่สาธารณะนั้น จะไม่เห็นวัยรุ่นใส่แว่นทำตัวอย่างว่าสักเท่าไหร่ครับ เข้าใจว่าแนวทางของรัฐบาลจีนอยากจะให้คนจีนทำตัวได้ดีขึ้น หรือว่าดูเป็นสากล มีมารยาทสากลมากกว่านี้ ผมไม่ได้ว่าอะไรมากมายหรอกนะครับเพราะ ผมก็มีเชื้อจีนอยู่เหมือนกัน และประเทศจีนก็เป็นประเทศที่กำลังยิ่งใหญ่มากๆ ณ ตอนนี้เรียกว่าไม่ได้มีประเทศอื่นทาบติดได้ทั้งภาวะกำลังศัพท์และ ภาวะเศรษฐกิจที่ประเทศอื่นๆ กำลังเซาๆ กันหมดทั่วทั้งโลกครับ แค่ติดใจอยู่นึงหน่อยเท่านั้น ว่าทำไมถึงได้เป็นกันแบบนี้ล่ะเนียะ  …

นอกจากนี้ยังมีเรื่อง “การขากเสรด” ในที่สาธารณะที่เป็นประเด็นยอดฮิตสำหรับนักท่องเที่ยวหรือผู้ที่เข้าไปเยี่ยมดินแดนมังกรแห่งนี้ครับ คนจีนมักจะขากเสรดได้อย่างไม่เป็นที่เป็นทาง ไม่สนว่าที่นั่นมีคนอยู่เยอะแค่ไหน และไม่สนสภาพพื้นผิวว่าพื้นที่กำลังจะขากเสรดไปนั้นมันเป็นหินอ่อนขัดมัน หรือหินแกรนิตเนื้อดีขัดเงาก็ตาม (แถมอยู่ในห้างอีกต่างหาก) ถ้าหากว่่าเป็นอย่างคนไทยหรือเราๆท่านๆแล้วล่ะก็ ผมว่าถ้าหากว่าคุณจำเป็นจริงๆที่จะต้องขากเสรดทิ้ง ซึ่งจริงๆแล้ว เราไม่มีความจำเป็นใดๆที่ขากทิ้งครับ เพราะ คุณกลืนและกินกลับเข้าได้อย่างไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อสุขภาพคุณแม้แต่น้อย ตอนที่ขาก คุณอาจจะดูพื้นผิวเสียหน่อยว่า เมื่อเสรดไปติดกับพื้นผิวประเภทนั้นแล้ว จะทำให้คนอื่นเดือดร้อนหรือไม่เช่นอาจจะเห็นโจ่งแจ้งจนน่าเกลียด หรือว่ามันจะทำให้คนอื่น เมื่อย่ำไปแล้วเลื่อนล้มหัวแตกหรือเปล่า แต่ว่านี่ คนจีนเหล่านี้ไม่ได้มีตรรกในการคิดเหล่านี้แม้แต่น้อย … เมื่อมีอาการเจ็บคอ อันเนื่องจากการสูบบุหรี่ เมื่อไหร่ และ ระคายคอก็จะเค้นด้วยการขากเสรดเหล่านั้นพ่นออกมาโดยทันที

ที่เที่ยวที่น่าสนอีกอย่างที่ ผมตะลึงมากว่า มันมีแบบนี้ด้วยก็คือ “Thame Town” ซึ่งเป็นเมืองที่สร้างขึ้นเพื่อให้คนจีนอยู่อาศัย ด้วยชีวิตที่หรูหราราวกับอยู่เมืองอังกฤษ หรือ เมืองนอกโซนยุโรป โดยมีการออกแบบสถาปัตยกรรมให้เหมือนเมืองนอกโซนที่ว่า และ project นี้ดูเหมือนว่าจะเป็นโปรเจกที่ใหญ่มากจริงๆ เพราะ นี่ไม่ได้เป็นแค่โครงการหมู่บ้านเฉยๆ แต่มันคือ “เมืองในฝัน” ของคนจีนที่อยากจะใช้ชีวิตหรูหรากันเลยก็ว่าได้  เมื่อคุณเดินทางไปที่นี่คุณจะไม่เห็นว่า นี่คือเมืองจีนแต่อย่างใดเลย และตอนที่ผมเดินทางไปนั้นก็ไม่ค่อยเห็นคนจีนหนาแน่นสักเท่าไหร่ด้วยซิ ทำให้บรรยากาศก็ยิ่งเหมือนเมืองนอกมากขึ้นไปอีก การสร้างเมืองผมว่าเป็นเรื่องไม่ใช่ง่ายๆเพราะว่า โครงการที่ว่านี่จะมีมหาลัยเปิดจะมี Musium มาเปิด จะมีโรงพยาบาลมาเปิด และจะต้องมีคนเยอะๆที่เลิกทำตัวเห็นแก่ตัวหรือว่าทำตัวแบบดิบๆมาเดินกันใหม่พล่าน ข้อสังเกตอีกอย่างก็คือ เมืองที่สร้างมาใหม่นี้ นอกจากคนจะยังไม่มีเหมือนกับเมืองร้างแล้ว ตัวเมืองยังจะไม่ค่อยมี font ตัวอักษรภาษาจีนแสดงหราเอาไว้ให้เห็นสักเท่าไหร่ ผมเข้าใจเอาเองน่ะครับว่า ถ้าหากว่าอยากจะให้ได้ feeling เมืองนอกโซนยุโรปแล้ว ตัวอักษรภาษาจีนนี่จะต้องไม่แสดงให้เห็นเลยก็ว่าได้ นอกจากนี้ยังมีโบสถ์แบบฝรั่งแท้อยู่ใจกลางเมืองเพื่อให้อารมณ์ว่า คนเมืองนี้จะนับถึอคริสต์กันทั้งเมือง

อย่างไรก็ดีสำหรับ Thames Town แล้วผมมองว่าเป็นการลงทุนที่เสี่ยงมาก ถึงมากที่สุด เพราะ ทั้งหมดถูกสร้างออกมาก่อน โดยไม่ได้มีคนเช่าที่อยู่ หรือไม่ได้มีคนจะเช่าหน้าร้านหรือซื้อหน้าร้านพื้นที่ใดๆ ก่อนสร้างแม้แต่น้อย โครงการเปิดมาแล้วมากกว่า 3 ปีเพื่อให้คนเข้าชมแต่ทั้งหมดกลับยังไม่เห็น living style หรือสิ่งมีชีวิตที่เป็นคนที่อยู่กับเป็นชุมชนในอุดมคติของชาวจีนแม้แต่น้อย กลับมีแค่โรงแรม หรือเจ้าหน้าที่ก่อสร้างกำลังสร้างตกแต่งภายในกับห้างร้านบางส่วนเท่านั้น ผมว่าถ้าหากว่า ร้านค้าไม่ได้ลงทุนหรือมาเปิดพร้อมกับแบบ Grand Opening แล้ว คนก็จะไม่ได้มาอยู่กัน จริงๆแล้วเรื่องนี้คนที่ทำโครงการนี้จะต้องคิดหนักมาก ว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้คนเข้ามาอยู่ มีกิจกรรม กิจการค้าขายที่เป็นไปตาม concept แบบยุโรปเพื่อให้เมืองใหม่นี้เกิดอย่างจริงจังสักที

การเดินทางทั้งหมด สำหรับการการเดินทางนี้จะเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินทั้งหมดที่เป็นโครงข่ายกระจายทั่วทั้งเมืองเซี่ยงไฮ้ และไล่ออกไปกระจายรอบเมืองไปถึงปริมลฑลของประเทศจีนโดยค่าเดินทางก็ไม่ได้แพงเท่าไหร่เพราะว่า ไกลสุดๆ ตลอดสายผมก็เห็นแค่เสียเงิน 8 หยวนเท่านั้น (แต่ว่าอนาคตอาจจะมีการปรับขึ้นราคาอะไรเหรอเปล่าอันนี้ผมก็บอกไม่ได้ครับ) นอกจากนี้ เนื่องจากที่ๆผมไปเดินเล่นเที่ยวเล่นต้องไกลออกไปอีก ทำให้จำเป็นต้องต่อด้วย Taxi ซึ่งสามารถเรียกจากทีไหนก็ได้ และ ตรงไหนก็ได้ (จอดได้หมดไม่ว่าจะทางโค้ง หักศอก หรือแม้กระทั่งกลางสี่แยก) แต่ว่าเพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเองแนะนำว่า เรียกแท็กซี่ให้เป็นที่เป็นทางจะดีกว่าครับ เริ่มต้น การเดินทางก็ 14 หยวนแล้ว และผมก็เรียกไปไหนก็ไหนก็ไม่เห็นว่ามันจะขึ้นกว่า 14 หยวนเลย ทั้งนี้เพราะอาจจะเป็นการเดินทางระยะกิโลเมตรสั้นๆก็ได้ครับ และมีข้อสำคัญที่ต้องรู้อีกอย่างก็คือ รถแท็กซี่ที่นี่มีการจำกัดปริมาณคนขึ้นสูงสุดได้แค่ 3 คนเท่านั้น นอกจากนี้ คนขับแท็กซี่จะมีกระจกอะคิลิคเพื่อเป็นเกราะป้องกันภัยนตรายจากผู้โดยสารอีกด้วยครับไม่เหมือนกับบ้านเราที่ไม่มีอะไรกั้นระหว่างกันเลย

เอาเป็นว่าการเดินทาง Trip สั้นๆนี้ของผมกับ Guide จำเป็นครั้งนี้ ทำให้ผมรู้ได้ว่า คนที่นั่นคิดอะไร คนที่นั่นทำอะไร และรัฐบาลจีนมีผลกับทุกคนมากน้อยแค่ไหน ราวกับควบคุมได้ทุกอย่างด้วยระบบคอมมิวนิสต์แบบประยุกต์ ที่ทุกคนยอมรับว่า แบบนี้ดีและทำให้เศรษฐกิจเดินไปข้างหน้าอย่างไม่น่าเชื่อ และ การลงทุนแบบหน้าใหญ่แบบจีนนั้นจะมีให้เห็นกันจะๆคาตาเรียกว่าเป็นการลงทุนระดับโลก แต่ทำเพื่อสร้างภาพ และสร้างฝันให้กับคนจีนกันเองครับ

คำค้นหาของคุณที่มาเจอหน้าเว็ปนี้:

  • นิสัยคนจีน
  • นิสัยของคนจีน
  • ซิมจีน เล่นเน็ต
  • internet sim จีน
  • หนุ่มจีน นิสัย
  • เซี่ยงไฮ้ pantip
  • ซิม เซี่ยงไฮ้
  • นิสัยคนเซี่ยงไฮ้
  • คนจีน นิสัย
  • china unicom 3g เซี่ยงไฮ้่

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *