การเริ่มต้นธุรกิจใหม่ๆปัญหาแรกเราจะคิดอยู่เสมอว่า ธุรกิจอะไรจะดีหรือเหมาะกับตัวเรา วิธีคิดหนึ่งง่ายๆ คือ ให้เริ่มต้นจากสิ่งที่เราพอรู้หรือว่าอยากจะทำก่อน ถ้าหากว่าไม่อะไรทั้งสองอย่างที่ว่า ก็ไม่คิดว่าจะเริ่มยังไงเพราะว่า มันจะไม่มีอะไรให้เริ่มเลย เช่น คุณอาจจะมองว่าคนอื่นทำกัน อืม.. น่าจะมีนะ ก็เลยอยากจะลอง เป็นต้น เหตุผลมาง่ายๆแค่นี้เองน่ะแหละ และต่อไปให้ประเมินง่ายๆว่า เราจะทำให้ดีกว่าคนทีทำอยู่ได้หรือเปล่า หรือว่าสิ่งทีคุณคิดมันมีคนซื้อหรือต้องการหรือเปล่า และ เราทำสิ่งเหล่านั้นได้ดีขึ้นกว่าเดิมได้อย่างไรกัน ตอนนี้คุณอาจจะยังคิดไม่ออก แต่จริงๆแล้วมันมีวิธีการในการได้คำตอบนี้มา ซึ่ง แน่นอนว่า สำหรับบทความนี้ จะไม่บอกคุณ !
แต่บทความนี้จะข้ามไปที่การมองว่าธุรกิจ หรือกิจกรรมทางธุรกิจนั้นมันดีในเวลาปานกลางได้หรือไม่ด้วยเหตุผล และ ปัจจัยต่อไปนี้ที่คุณอาจจะคิดถึงเสมอ และ update มันตลอดเวลาด้วย ทั้งก่อนเกิดธุรกิจ และ ระหว่างที่ดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจนั้น และทิศทาง(เดา)ของกลุ่มธุรกิจที่คุณดำเนินการอยู่ด้วย
สินค้าหรือบริการเป็นที่ต้องการของตลาด (Product Market fit)
เหตุนี้จะเกิดก่อนและระหว่างทางที่คุณดำเนินการธุรกิจอยู่ เพราะว่ามันจะเป็นตัวบอกคุณค่า (ที่แปลว่าเป็นเงินสดหรือรายรับ จากคนอื่นๆได้) โดยถ้าหากว่าสินค้าหรือบริการของคุณนั้นยังคงเป็นที่ต้องการตลาดอยู่นั่นก็แปลว่า สภาพของการประกอบธุรกิจนั้นยังน่าจะดำเนิินไปได้ดีอยู่นั่นเอง นอกจากนี้ คุณต้องคอยระวังเสมอว่า มันมี Technology รูปแบบของธุรกิจอื่นๆ หรือ คู่แข่งทั้งทางตรงและทางอ้อม ที่จะทำให้ความต้องการสินค้าและบริการของคุณมากขึ้นหรือลดลงหรือไม่อย่างไร ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องของการเข้าใจตลาด และ ความคิดของพฤติกรรมคนและลูกค้า หรือ กลุ่มลูกค้าของคุณ
ธุรกิจสามารถป้องกันการเข้ามาของคนอื่นได้ในระดับหนึ่ง (Barrier of Entry)
ถ้าหากว่ามันเป็นธุรกิจใหม่หรือกึ่งใหม่ คนแข่งกันน้อย แน่นอนว่า มันเป็นเรื่องดีแน่ๆที่คุณจะเลือกประกอบกิจกรรมทางธุรกิจนั้น อย่างไรก็ดี ต้องคิดเสมอว่า ถ้าหากว่าคนอื่นอยากจะทำด้วยเหมือนกับคุณ มันจะต้องทำอะไรบ้าง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ หรือผลประกอบการนั้นดีหรือเท่ากับคุณ ลองคิดดู หากคิดแล้ว มันง่ายเหลือเกินไม่ต้องออกแรง ไม่ต้องเข้าใจลูกค้าอะไรเลย เพราะ ทุกอย่างถูกเปิดเผยอยู่แล้วนั่นก็แปลว่า คุณมีโอกาสที่จะได้รับการถาโถมของคู่แข่งเข้ามาในตลาดแบบเดียวกับคุณได้ และ การแข่งขันราคาจะเกิดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ในที่่สุด หร่ือ ถ้าหากว่า ลองตรองดูแล้ว มันไม่ได้ง่ายเลยที่จะเข้ามาทำด้วนเหตุผลต่างๆนานาเช่น เพราะ คุณเท่านั้นที่รู้จักลูกค้าเป็นอย่างดี เพราะ เคยเป็นลูกค้ามาก่อนและ มีความเข้าใจความคิดลูกค้าได้ลึกมาก และคุณสามารถพัฒนาสินค้าหรือบริการของคุณได้ตามความเข้าใจเชิงลึกลูกค้าของคุณ (Customer Inslight) ถือได้ว่า มันก็จะทำให้เกิดความยากในการที่คนอื่นจะเข้าใจเหมือนกับคุณได้เช่นเดียวกัน
ขยายกิจการได้ไปเรื่อยๆ (Scalable Business)
ให้มองว่า กระบวนการใด จะเป็นคอขวดของกระบวนการในการขยายธุรกิจ ถ้าหากว่าค้นพบแล้ว ให้มองไปได้เลยว่า กระบวนการดังกล่าวน่าจะมีการเพิ่มศักยภาพ หรือกำลังคน หรือวิธีการใดๆ หร่ือไม่เพื่อทำให้ มันไม่ได้คอขวด และ เมื่อคอขวดในการขยายเดิมถูกคิดและปรับปรุงแล้ว มันจะมีการย้ายคอขวดไปที่อื่นๆต่อไป แน่นอนว่า หน้าที่ของผู้ออกแบบธุรกิจ หรือคนที่ทำหน้าที่ปรับปรุงส่วนของการปฏิบัติการ (operation) นั้นจะต้องทำหน้าที่นี้ต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่รู้จบ จนถึงระดับการขยายที่คุณพอใจ อย่างไรก็ดี การทำให้ธุรกิจขยายได้เรื่อยๆนั้น มีสูตรสำเร็จอยู่แล้วในบางธุรกิจ เช่น ร้านค้า หรือร้านอาหารทางการภาย เราเรียกว่ามันระบบเฟรนชายส์ หรือ พวกการทำโปรแกรมหร่ือกระบวนการที่ใช้ระบบอัตโนมัติที่เป็น software ทั้งหมด พวกนี้ก็สามารถขยายได้เร่ื่อยๆเช่นเดียวกัน (แต่ก็มีคอขวดในเรื่องอื่นๆ เช่น การบริการ การทำตลาด เป็นต้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย)
ควบคุมกิจกรรมสำคัญของธุรกิจได้ (Core Business)
สำหรับ Core Business หรือแปลไทยได้ความว่า แก่นของธุรกิจนั้น แนะนำว่า คุณต้องควบคุมได้ หรือมีความเสี่ยงให้น้อยที่สุดในการสูญเสียมันไป ถ้าหากว่าให้ผมยกตัวอย่างให้เห็นภาพมากๆ ก็เช่น แป้งของเคเอฟซี ไม่เคยมีคนในโลกคนไหนทำได้เหมือนร้อยเปอร์เซนต์ หรือ น้ำจิ้มร้านบาร์บีคิวพลาซ่า ก็ทำกันเยอะแยะในอินเตอร์เน็ต แต่ ไม่มีที่ไหนหร่ือว่าสูตรไหนทำเหมือนได้เลย ทั้งนี้ เพราะว่า ร้านอาหารพวกนี้รสชาติที่อร่อยคือ แก่นและหัวใจของธุรกิจ เคยได้ยินว่า ห้องผสมพวกนี้ จะมีคนรู้น้อยคนมาก และเป็นคนที่ไว้ในได้ของเจ้าของกิจการเองเท่านั้น หรือ หลายที่ก็เลือกที่จะให้เจ้าของเท่านั้นทีจะเป็นคนปรุงสูตรเหล่านี้ ผมยกตัวอย่างร้านอาหารหรืออาหารเพราะมันง่ายที่จะเข้าใจดี แต่จริงๆแล้ว ขอให้รู้ว่า จริงๆแล้ว ทุกธุรกิจนั้นมี Core Business อยู่ทั้งนั้น แต่คุณแค่นึกให้ออกเท่านั้นเอง วิธีการคิดก็ไม่ยาก เช่น ถ้าหากว่าคุณไม่มีกิจกรรมนั้นๆ หรือให้คนอื่น (คนนอกทำ) แล้วเกิดไม่ได้ทำขึ้นมากิจกรรมอาจจล่มสลายได้เป็นต้น ทั้งนี้ พอคุณนิยาม หรือรับรู้นึกคิดได้ว่าอะไรคือ Core Business แล้วไซร้ ให้ตั้งใจเอาไว้ว่า มันจะต้องควบคุมได้ ! หากคุมไม่ได้นั่นก็แปลว่า ธุรกิจมีความเสี่ยงในระดับที่คุณอาจจะคุมไม่ได้นั่นเอง !
สามารถนำตัวเองออกจากธุรกิจโดยไม่ต้องใช้เวลากันมันมากนักในท้ายที่สุด
สุดท้ายแล้ว คุณธุรกิจที่คุณทำนั้นต้องสามารถที่จะทำให้ตัวคุณปลีกตัวออกจากการกระทำใดๆที่จำเป็นในเชิงการประกอบกิจการได้ หากไม่สมบูรณ์ก็ต้องออกตัวหร่ือปลีกตัวออกมาได้ร้อยละ 80% ของเวลาทั้งหมดได้ ไม่อย่างงั้นแปลว่า คอขวดของธุรกิจมันจะอยู่ที่ตัวคุณเอง ! ธุรกิจจะไม่สามารถขายต่อให้ใครได้เลยหากว่า หาคนมาทำงานแทนคุณไม่ได้ หรือ ตัวคุณเองไม่สามารถเลิกทำได้ และนั่นทำให้มูลค่าของธุรกิจนั้นตกลงในมุมมองของคนที่จะลงทุนหรือซื้อธุรกิจของคุณต่อไปในภายภาคหน้า เพราะงั้น แล้วออกแบบระบบ และ กระบวนการใดๆที่ทำให้ตัวคุณไม่ได้คอขวดของการเติบโต และ คอขวดของกิจกรรมในการทำงานที่มันเป็นธุรกิจของคุณเองก็ตาม