ประสบการณ์ในการเครมเครื่อง iphone 6 ที่มีอาการแบทหมดเร็วกว่าปกติ

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า นี่เป็นครั้งที่สามแล้วสำหรับการได้เครื่อง iPhone เครื่องใหม่จากการใช้งานเครื่อง iPhone ทั้งหมดของทั้งบ้าน (มีคนใช้ iPhone ที่อยู่ในความดูแลเครื่องของผมคือ สามคนด้วยกัน) แต่สำหรับครั้งที่สามนี้ คือ อาการเสียที่พบคือเรื่องของแบทหมดเร็วกว่าปกติ ที่เป็นประเด็นที่พิสูจน์ได้ยากกว่าอาการปัญหาประเภทอื่นๆมากนัก เพราะ มันไม่สามารถที่จะพิสูจน์ทราบได้ในทันทีต่อหน้าพนักงานหน้าเค้าเตอร์ที่จะทำหน้าที่ตัดสินใจเอาเครื่องเอาไปให้ช่างเพื่อลองดูต่อว่า มันเสียอะไรหรือไม่ เสียจริงหรือไม่ประการใด และนี่คือจุดเริ่มต้นของการผจญภัยในเกมส์การเครมสินค้าแอปเปิ้ลในคราวนี้ 

เอาเป็นว่า “คุณต้องผ่านด่านแรกของการเอาเครื่องเข้าซ่อมให้ได้นั่นก็คือ พนักงานหน้าเค้าเตอร์” นั่นเอง 

วันแรกที่เดินทางไปติดต่อเจ้าหน้าที่ที่ร้านแมคอินท้อดตรงสยามดิสฯ  ผมก็แจ้งอาการว่า มันแบทหมดเร็วปกติครับ .. พนักงานหน้าเค้าเตอร์จะอ้างอิง software ที่คนทั่วไปจะไม่ได้มีโอกาสใช้กันก็คือ software เพื่อการตรวจสภาพความสมบูรณ์ของแบทเบื้องต้น และแอพนี้ เฉพาะคนที่ทำงานร้านแม็คเท่าไหร่ถึงจะได้มีสิทธิใช้มันครับ วิธีการในการวิเคราะห์แบทหรือความเสื่อมของแบทของโปรแกรมนั้น ไม่อาจจะทราบได้แน่ชัดว่าเป็นอย่างไร แต่ว่า ผลลัพธ์ที่จะได้รับให้เราเห็นผ่านทางหน้าจอเครื่อง mac ที่พนักงานใช้งานเพื่อตรวจสอบ iPhone ก็คือ “Pass” ตัวสีเขียวๆถึงสามบรรทัด แปลว่า “ผ่าน ผ่าน ผ่าน แล้วก็ผ่าน..” หรือมีความหมายอีกอย่างก็คือ “เครื่องมันไม่ได้เป็นอะไรสักกะหน่อยหนึ่ง เอากลับไปซะนะ ! ” อะไรทำนองนั้นน่ะครับ

นอกจากนี้ เพื่อเป็นการผนักดันความผิดให้กับผู้ใช้อย่างเราๆท่านๆ พนักงานหน้าเค้าเตอร์เริ่มใช้จิตวิทยาเพื่อทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกว่าเป็นความผิดพลาดของตนเองว่ามาหาเค้าทำไม โดยอ้างอิงไปเรื่อยเปื่อยว่า เพราะรูปภาพมันมีเยอะกว่า สามพันภาพ มันเยอะไปหรือเปล่าคะ? แนะนำว่า ให้ทำการ restore เครื่องใหม่โดยเป็นการเหมือนกับล้างเครื่องกลับสู่สภาพของโรงงานแต่ว่าต้องเป็น iOS version ใหม่ล่าสุด …​ แน่นอนว่าเมื่อพนักงานหน้าเค้าเตอร์มีคำแนะนำดีๆแบบนี้ทำให้ผมต้องเดินทางกลับมาเอาเครื่อง iPhone มาผ่านกระบวนการกรรมพิธีการล้างสมองเครื่องไอโฟนหกออกทั้งหมด และ back up ภาพทั้งหมดเอาไว้ที่ไหนสักแห่งหนึ่ง หรือไม่ต้องทำลายมันทิ้งไปกับการล้างเครื่องนี้เสียนั่นเอง และ แน่นอนว่าการ backup ภาพทั้งหมดนี้ มันกินเวลามากกว่าการล้างเครื่องไอโฟนทิ้งไปเฉยๆด้วยตัวเอง

อย่างไรก็ดี หลังจากคิดพิจารณาทางเลือกได้พักหนึ่งแล้ว ผมก็คิดว่า ผมจำเป็นต้องทำการล้างเครื่องทิ้งตามคำแนะนำนั้นจริงๆอย่างไม่มีทางเลือกอื่นใดที่คิดออกในเวลานั้น  เพราะ ต้องการพิสูจน์ว่า แบทมันไม่ได้มีสภาพที่ปกติจริงๆ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลประการใดก็ตาม เพื่อไม่ให้พนักงานหน้าเค้าเตอร์อ้างได้อีกว่าเป็นเพราะว่าโปรแกรม หรือข้อมูลที่มีเลอะเทอะอยู่ภายในเครื่องได้อีกต่อไป

และแล้ว หลังจากที่ผมล้างเครื่องจนสะอาดใหม่ใสกิ้ก ผมก็รอดูอาการเพื่อจะพิสูจน์ทราบให้ได้อย่างแน่นอนว่า แบทมันไม่ได้กลับมาดีเพราะว่าการล้างเครื่องหรอก ! แต่ว่าครั้งนี้ ผมเตรียมแผนการเอาไว้ว่าจะไม่ไปหาพนักงานหน้าเค้าเตอร์มือเปล่าอย่างแน่นอน แต่จะไปพร้อมหลักฐานที่มัดตัวว่าเจ้าไอโฟนนี่มันมีปัญหาจริงๆนะให้จงได้ โดยการเปิดเครื่องเอาไว้ก่อนนอนที่เป็นภาพ 100% ของแบท แต่ว่าเปิด stand by เครื่องทิ้งเอาไว้ (ไม่ได้เปิดหน้าจอหรือ run app อะไรทั้งสิ้น) แล้วเปิดหน้าจออีกครั้งเพื่อมาดู %  แบทว่ามันเหลือเท่าไหร่ในทุกๆชั่วโมงที่ผ่านไป ปรากฏว่า มันเป็นไปอย่างที่คาดก็คือ 1 ชั่วโมงแบทลดไป 10% นั่นก็แปลว่า ถ้าหากว่ากลับไปดู spec ที่โฆษณาเอาไว้แล้วมันสวนทางกันอย่างมากที่โม้ว่ามัน stand by ได้มากกว่า 10 วัน! แต่ว่านี่ 10 ชั่วโมงก็หมดกันแล้วมั้ง ถ้าหากว่ามันกินแบทสิบเปอร์เซนต์ทุกหนึ่งชั่วโมง แปลว่า ถ้าหากว่าเปิด stand by เครื่องเอาไว้ก่อนนอน แล้วตื่นขึ้นมาแบทคุณจะไม่เหลืออยู่เลย ซึ่งเรียกได้ว่า มันผิดปกติอย่างไม่ต้องสงสัย !

หลักฐานที่ผมทำเอาไว้เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเองเพื่อเป้าหมายหวังผลว่า มันจะผ่านด่านพนักงานหน้าเค้าเตอรืไปได้ นั่นก็คือ การ capture ภาพหน้าจอหน้าแรกที่มีเวลาแสดงเอาไว้ และแน่นอนว่ามันเห็น percent ของแบทเอาไว้ด้วย เพื่อที่พนักงานหน้าเค้าเตอร์จะได้เห็นว่า มันลดลงอย่างมากจริงๆในแต่ละชั่วโมงที่ผ่านไป !

และแล้ว วันที่ผมจะมาเครมเครื่อง iPhone  6 ของผมอีกรอบก็มาถึง  

คราวนี้เมื่อผมเข้าไปที่ศูนย์ฯ แล้วก็พบว่า พนักงานคนเก่าไม่อยู่ แต่ว่าไม่เป็นไรเพราะว่า ผมมองว่าดีเสียอีก เพราะถ้าหากว่าเอาหลักฐานไปยันคนเก่า น่าจะทำให้เค้าเสียหน้าเสียมากกว่าและถ้าหากว่าคนเราเสียหน้า น่าจะมีโอกาสที่น้อยลงที่ปล่อยผ่านเครื่องผมผ่านไปยังช่างเพื่อทำการตรวจสอบจริงๆ

หลังจากที่ผมได้รับบัตรคิวและได้รับการขานเบอร์เพื่อเข้าใช้บริการเครมเครื่องภายในศูนย์ ปรากฏว่างวดนี้ ผมมีมาพร้อมหลักฐานและความมั่นใจมากขึ้นว่า จะสามารถนำส่งเครื่องนี้ผ่านไปยังช่างเพื่อให้มันได้รับความเป็นธรรมในการตรวจสอบมากขึ้นได้ในที่สุด

เมื่อถึงหน้าเค้าเตอร์ พิธีกรรมในการคัดกรองคนที่มีความตั้งใจจะเครมเครื่องจริงๆเพื่อแยกกับคนที่มาเครมเล่นๆ ก็เริ่มขึ้นโดยพนักงานหน้าเค้าเตอร์อีกเหมือนเดิม เครื่อง iPhone 6 ก็โดนต่อกับ wifi ของร้าน และพนักงานก็เปิดแอพใน mac ของพนักงานเองแล้วกดปุ่มเพื่อใช้ software ตรวจสอบแบท ที่ผมก็รู้อยู่แล้วว่าผลลัพธ์มันจะออกมาอย่างไร …​ และแน่นอนว่า ผลลัพธ์ที่ได้ คือ “pass pass แล้วก็ .. pass” เหมือนว่าแบทไม่เคยมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นและพนักงานก็หันหน้าแล้วกล่าวแจ้งผมอย่างสุภาพเพียงแค่ว่า มันปกติดี !

แอ้ะ ! ทันใดนั้นผมมั่นใจว่า ครั้งนี้ผมจะจัดการยืนยันนอนยันรวมทั้งตะแคงยัน เพื่อให้ iPhone 6 ของผมผ่านด่านพนักงานเค้าเตอร์ศูนย์แอปเปิ้ลไปให้ได้ ก็เลยเริ่มงัดหลักฐานที่พอจะมีก็คือ ภาพ capture ที่เก็บเอาไว้มาให้พนักงานหน้าเค้าเตอร์ดู และ เริ่มทำการโน้มน้าวให้พนักงานเห็นใจ … “ดูซิครับ นี่ผมล้างเครื่องมาแล้วตามคำแนะนำของพนักงานคนเมื่อวานนี้(ไม่ได้ถามชื่ออะไรไว้เลยบอกอะไรไม่ได้ว่าเค้าคือใคร)​ แต่ว่าเนี่ยะ ! แบทมันเล่นลดชั่วโมงละสิบเปอร์เซนต์ซะอย่างนี้ แล้วผมจะใช้งานมันได้ยังไง! เหมือนว่าไม่ได้ใช้งานอะไรมันก็ถ่านหมดแล้ว เนี่ยะ ! อัตราการลดลงของแบทขนาดนี้มันปกติซะที่ไหนล่ะ !? ” ที่ผมถามแบบนี้ก็เพราะว่าผมก็เห็นอยู่พนักงานเค้าเตอร์คนนี้ใช้ iPhone 5 อยู่นั่นเอง แต่ถึงกระนั้นก็ตาม พนักงานตอบผมสั้นๆว่า “เอ่อ..ไม่แน่ใจค่ะ และ iPhone 5 กับ 6 นี่ก็แบทไม่เหมือนกันด้วยค่ะ”

นะ ! ผมก็แอบนึกอยู่ในใจว่า “iPhone 6 เนี่ยะมันอยู่ได้นานกว่า iPhone 5 ยังไงล่ะ ไม่มีหรอกที่คนจะซื้อของใหม่โดยคาดว่า มันจะใช้งานได้ด้อยกว่า” แต่ผมก็ไม่ได้กล่าวคำพูดเหล่านี้ออกไปแต่อย่างใด เพราะผมเองก็รู้ว่า จะทำให้คู่สนทนาเกิดอารมณ์ด้านลบกันผม และ ผมต่างหากที่เป็นใช้อารมณ์ไร้เหตุผล อะไรก็ว่าไป … ใช่ครับผมเลือกที่จะใช้หลักฐานเพื่อทำให้พนักงานเชื่อได้ว่าแบทมันไม่ดีจริงๆแทนนั่นเอง

แล้วก็ผมเปิด photo album ที่มีภาพถ่ายหน้าจอเพียงสามภาพ ที่ถ่ายเอาไว้แต่ละภาพห่างกันหนึ่งชั่วโมงโดยประมาณให้ดู …​ปรากฏว่าได้ผล พนักงานหน้าเค้าเตอร์เริ่มเรียกหัวหน้าใหญ่ เพื่อมาปรึกษาเรื่องนี้ แล้วได้ความสรุปจากท่านหัวหน้าใหญ่ประจำศูนย์ที่เดินออกมาจากด้านหลังร้านว่า “เอาอย่างนี้นะคะ ถ้าหากว่าลูกค้าไม่สบายใจ ทางเราจะรับเครื่องไว้เพื่อให้ช่างตรวจสอบต่อไปค่ะ”

ผมดีใจว่าเข้าทางผมแต่ไม่แสดงอาการดีใจให้พนักงานที่เค้าเตอร์เห็นแต่ยังคงแสดงหน้าตาหน้าสงสารค้างเติ่งเอาไว้อย่างงั้น แต่สำหรับผมแล้วก็แปลว่า ผมสามารถทำให้เครื่องเจ้าปัญหาของผม ผ่านด่านพนักงานเค้าเตอร์ได้แล้ว และเครื่องจะได้รับการส่งผ่านไปยังช่างเพื่อตรวจสอบจริงๆเสียทีหลังจากที่มาเสียเที่ยวไปแล้วครั้งก่อน แต่ก็แอบน้อยใจเล็กน้อย ตรงที่ว่า ท่านหัวหน้าใหญ่ที่เพิ่มเดินออกมานั้น ก็ยังสื่อสารเป็นนัยอยู่ดีว่า “การรับสินค้าเอาไว้เพื่อตรวจสอบก็​… เพื่อความสบายใจ … เท่านั้น…​”

และแล้ว เวลาผ่านไปเกือบ 1 สัปดาห์ … 

เจ้าหน้าที่จากศูนย์ฯติดต่อกลับมาแล้วแจ้งเรื่องว่า “โทรศัพท์​ iPhone ของคุณได้เครื่องมาใหม่แล้วค่ะ ให้มารับได้ก่อนหนึ่งทุ่มตั้งแต่วันนี้ได้เลยค่ะ” และนั่นก็เปรียบได้ราวเสียงสวรรค์ที่ผมรอคอยมานาน กับการที่ได้เครื่องใหม่ แม้นว่าเครื่องเดิมนั้นเพิ่งใช้ไปได้สองเดือนแล้วก็ตาม

เรื่องราวครั้งนี้ มีประเด็นที่จะสื่อสาร คือ ผมเองนั้นก็รู้ว่า อาการเครื่องแบทเสื่อมนั้นเป็นเรื่องที่พิสูจน์ทราบได้ยากกว่ากรณีอื่นๆที่ผมเคยไปเปลี่ยนเครื่อง iPhone หรืออุปกรณ์ของแมคที่อยู่ในระยะเวลาประกันทั้งหมด (อาการเครื่องอื่นที่เคยมีปัญหาคือปุ่มโฮมกดไม่ได้สองเครื่อง และ อีกครั้งคือ เครื่อง mac หน้าจอกระพริบเวลาใช้งาน มันกดๆ ดูๆก็รู้แล้วว่ามีอาการจริงๆ) การถ่ายภาพเอาไว้เป็นหลักฐาน หรือการสร้างหลักฐานยืนยันอาการ น่าจะเป็นเรื่องจำเป็นเพื่อสื่อสารกับพนักงานหน้าด่านเพื่อให้โอกาสที่เครื่องจะผ่านไปยังช่างเพื่อให้มันได้รับการตรวจสอบอย่างเป็นธรรมต่อไป และ ขอให้รู้ไว้ด้วยว่า “ไอเจ้าแอพที่มาตรวจสอบว่าถ่านมันปกติดีหรือไม่นั้น มันขึ้นว่า Pass มันก็ไม่ได้แปลว่าเครื่องของคุณจะปกติดีแต่อย่างใด !”

ขอให้โชคดีกับการเครมสินค้าแอปเปิ้ลครับผม ! เย้ สู้ๆ !

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *