ในปัจจุบัน ประเทศไทยพบผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ และกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เป็นจำนวนมาก ซึ่งปัญหาเหล่านี้มักเกิดจาก “หลอดเลือดอุดตัน” อันเป็นผลมาจากการสะสมของไขมันภายในหลอดเลือด ภาวะดังกล่าวส่งผลให้หลอดเลือดตีบแคบลง ทำให้เลือดไหลเวียนได้ยาก
ไขมันอุดตัน เกิดจากอะไร ?
สาเหตุหลักของไขมันอุดตันในหลอดเลือด คือการรับประทานเนื้อแดง ซึ่งมีสารโคลีน และคาร์นิทีน เมื่อเรากินเนื้อแดงเข้าไป แบคทีเรียที่ไม่ดีในลำไส้ใหญ่จะเปลี่ยนสารเหล่านี้ให้เป็นสารพิษชื่อ TMA ซึ่งจะถูกเปลี่ยนเป็น TMAO ที่ตับ สารพิษ TMAO นี้เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดการอักเสบของหลอดเลือด และนำไปสู่ภาวะหลอดเลือดแข็ง
การอักเสบของหลอดเลือด ปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่หลอดเลือดแข็ง
เมื่อหลอดเลือดเกิดการอักเสบ เม็ดเลือดขาวชนิด โมโนไซต์ จะเข้าไปแทรกตัวอยู่ใต้ผนังหลอดเลือด และจับตัวรวมกับไขมันชนิด LDL ก่อตัวหนาขึ้นเรื่อยๆ กระบวนการนี้เปรียบเสมือนการฉาบปูนที่ผนังหลอดเลือดอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผนังหลอดเลือดหนาขึ้นเรื่อยๆ และในที่สุดก็ตีบแคบลง
เราสามารถล้างหลอดเลือดให้เหมือนใหม่ได้หรือไม่?
น่าเสียดายที่เราไม่สามารถล้างหลอดเลือดให้สะอาดเหมือนใหม่ได้ เนื่องจากไขมันสะสมอยู่ลึกลงไปใต้ผนังหลอดเลือดชั้นใน อย่างไรก็ตาม การทานยาลดไขมันแบบเข้มข้นในปริมาณสูงๆ อาจช่วยลดปริมาณไขมันที่เกาะอยู่ และอาจทำให้เส้นผ่าศูนย์กลางของหลอดเลือดเพิ่มขึ้นได้บ้าง
หลอดเลือดตีบ กลับมาขยายได้หรือไม่?
แม้การทำให้หลอดเลือดที่ตีบกลับมาขยายเท่าเดิมเป็นเรื่องยาก แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่หลอดเลือดจะสร้างขึ้นใหม่ได้ในอนาคต
ผลข้างเคียงจากยาลดไขมัน
ยาลดไขมันแบบเข้มข้น (high intensity) อาจส่งผลข้างเคียงต่อร่างกาย เช่น ทำลายไมโทคอนเดรีย และทำให้ร่างกายขาด Coenzyme Q10 ซึ่งส่งผลให้เกิดอาการปวดกล้ามเนื้อ
ใครบ้างที่ควรทานยาลดไขมัน?
ยาลดไขมันมีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่อาจไม่จำเป็นสำหรับทุกคน โดยทั่วไป หมอจะจ่ายยาลดไขมันเมื่อผู้ป่วยมีค่า LDL สูงเกิน 200
สำหรับผู้ที่มีค่า LDL ไม่ถึง 200 แต่มีความกังวลเรื่องไขมันอุดตันในหลอดเลือด หมออาจใช้แบบประเมินความเสี่ยงที่เรียกว่า Framingham Risk of Heart Attack ในการประเมินว่าผู้ป่วยมีความจำเป็นต้องทานยาลดไขมันหรือไม่ โดยการกรอกข้อมูลส่วนตัว เช่น อายุ เพศ ความดัน ประวัติการรักษา คอเลสเตอรอล และอื่นๆ
หากผลการคำนวณความเสี่ยงสูงกว่า 20% ผู้ป่วยควรทานยาลดไขมันแม้ว่าจะไม่มีประวัติโรคหัวใจมาก่อน ในทางกลับกัน หากความเสี่ยงน้อยกว่า 20% อาจไม่จำเป็นต้องทานยาลดไขมัน
ทางเลือกสำหรับผู้ที่ LDL ไม่ถึง 200 แต่ต้องการลดความเสี่ยง
ผู้ที่มีค่า LDL ต่ำกว่า 200 แต่อยากลดความเสี่ยงของไขมันอุดตันในหลอดเลือด สามารถดูแลสุขภาพด้วยการทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงเนื้อแดง และรับประทานอาหารที่มีสารลดการอักเสบ ตัวอย่างเช่น
สูตรล้างหลอดเลือด ด้วยการดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของ
- น้ำมันปลา
- กระเทียม
- ขมิ้นชัน
กระเทียมและขมิ้นชันอุดมไปด้วย Coenzyme Q10 ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ที่ช่วยลดการอักเสบในหลอดเลือด
น้ำมันปลาหรือโอเมก้า 3 มีประโยชน์มากมาย เช่น
- ช่วยลดไขมันไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งเป็นตัวการสำคัญในการสร้าง LDL
- ลด Apolipoprotein ซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยสร้าง LDL
- ลดการอักเสบของหลอดเลือด ทำให้ไขมันสะสมไม่แตกตัวออก และลดโอกาสการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน
ข้อควรระวัง
การรับประทานสมุนไพรเพียงอย่างเดียวนั้น อาจไม่เพียงพอต่อการป้องกันไขมันอุดตันในหลอดเลือด ควรตรวจเลือดเพื่อติดตามระดับไขมันในเลือดอย่างสม่ำเสมอ และปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสม
บทสรุป
การป้องกันไขมันอุดตันในหลอดเลือดเป็นเรื่องสำคัญ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย และการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ เป็นปัจจัยสำคัญในการลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ