สำหรับคนที่ใช้งาน internet เพื่อความบันเทิง ประชุมงาน ติดต่อสื่อสารปกติ เราไม่ได้ใช้ internet ระบบความเร็วสูงจัดๆ เพื่อทำการ upload หรือ download file ขนาดใหญ่ หรือต่อเนื่องเป็นจำนวนมาก เราสามารถเลือกใช้ Mesh WIFI ที่เรียกได้ว่าประหยัดๆ เพื่อใช้งานได้ โดยวันนี้ จะแนะนำรุ่น TENDA MESH WIFI MW3 กันดูดีกว่า
เหตุผลว่าทำไมต้องใช้ Mesh Wifi แทนการใช้ Router หรือ Access Point ปกติ
ถ้าหากว่าถามกันแบบนี้แปลว่า คุณต้องไปรู้จักว่าอะไรคือ Router และ อะไรคือ Access Point กันอีก เอาแบบนี้ดีกว่า สำหรับการขอการใช้งาน internet จากผู้ให้บริการ ISP (internet service provider) คือพวก AIS Fiber หรือ 3BB internet พวกนี้ เค้าจะเรียกตัวเองว่า ISP แล้วก็คนเหล่านี้สักจะลากสายเข้ามาที่บ้านของเราแล้วก็ต่อกับอุปกรณ์ให้หนึ่งอุปกรณ์ ซึ่งมันก็คือ Router ที่ทำการตั้งค่าเพื่อรับ internet จากสาย Fiber นำแสงเหล่านั้นนั่นเอง และ เจ้า Router นี้แหละ เยอะครั้งมากๆ เค้าก็จะติดมาเป็น WIFI Router เพื่อให้เราใช้งาน WIFI internet จากอุปกรณ์มือถือของเราได้ทันที โดยแค่กรอก SSID (มันคือชื่อ network วงที่เราใช้ internet นั่นน่ะแหละ) และ กรอกรหัสวายฟาย เท่านั้น เราก็จะเข้าถึงการใช้งาน internet แทนการใช้ 3G หรือพวก 4G , 5G internet จากมือถือได้แล้วทั้งหมด และ แน่นอนว่า มันจะไวเอาการซะด้วยซิ สำหรับการใช้ internet ผ่าน Fiber Cable เหล่านี้
แต่การที่ผู้ให้บริการ ISP ให้ WIFI Router มาแค่ตัวเดียว ทำให้เกิดปัญหาว่า ถ้าหากว่า คุณเป็นบ้านเดี่ยว บ้านสามสี่ชั้น หรือห้องที่มีขนาดใหญ่หรือซับซ้อนมาก ทำให้แค่การใช้ internet router จากจุดที่ลากสาย Cable Fiber เข้ามานั้น น่าจะทำให้มันกระจายสัญญาณ WIFI กัันได้ไม่ทั่วถึงสักเท่าไหร่ และ อาจจะเยอะมุมเอามากๆที่ คุณจะไร้สัญญาณ WIFI ซึ่งก็อีกนัยหนึ่งก็แปลว่า คุณจะไร้ สัญญาณ internet เพื่อใช้งานเช่นเดียวกัน ดังนั้นแล้ว เดี๋ยวนี้ เราเลิกที่จะทำการลากสายระบบ LAN CABLE ในบ้านกันแล้ว เพราะ มันเป็นงานยากหินและไร้ค่าแล้ว เพราะ มันมีอุปกรณ์ที่เรียกว่า Mesh Wifi Router กันแล้วนั่นเอง
การใช้ Mesh Wifi จะทำให้คุณเพียงแค่เสียบตัวอุปกรณ์เข้ากับสาย Cable ที่เป็นสาย LAN ต่อจากเครื่อง Router ของ AIS Fiber หรือ 3BB Fiber internet เข้าไปแล้วก็งานที่เหลือ มันก็จะสะท้อนทวนซ้ำสัญญาณไปยัง Mesh Wifi ตัวอื่นๆทั้งหมด โดยมันดีตรงที่ว่า ทุกตัวนั้นจะมันชวนชื่อ Network หรือที่เราเรียกกับว่า SSID ด้วยชื่อเดียวกันเหมือนกันหมด ทำให้เราไม่ต้องมาห้องหนึ่งแล้วเปลี่ยนเป็น SSID ชื่อหนึ่งแล้วกลับไปห้องเก่าก็ต้องเลือกสลับ SSID เป็นชื่อ WIFI ที่มีสัญญาณแรงประจำห้องอะไรแบบนั้น (..เลิกทำได้แล้วเมื่อคุณใช้เป็น Mesh WIFI Technology) ทั้งนี้ Mesh Wifi ตัวที่เหลือที่ไม่ได้เป็นตัวหลักที่เสียบกับ Router เขาต้องการแค่ไฟฟ้าเพื่อเลี้ยงให้ตัวมันทำงานได้เท่านั้น มันไม่ต้องการสายอะไรเสียบเข้ากับตัวมันอีกแล้ว เพราะ มันจะรับสัญญาณ internet จาก เครื่อง Mesh WIFI หลักที่เสียบกับ LAN แล้วตัวแรกแล้วมันก็ส่งต่อกันไปเป็นทอดๆอัตโนมัติ ทำให้การติดตั้งโครงข่าย internet ในบ้าน WIFI แบบนี้จะทำได้สะดวกเอามากๆ แค่หาที่เสียบปลั้กให้ได้ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว
Mesh WIFI สำหรับรุ่นราคาประหยัดสุดเท่าที่เคยเห็นคือ Tenda Mesh WIFI MW3 แม้ว่าตอนนี้มันจะออกรุ่นที่ดีกว่านี้แล้ว ส่วนตัวก็ยังแนะนำรุ่นนี้อยู่ดีสำหรับการใช้งาน Work From Home ปกติไม่ได้ทำอะไรที่โหลดหนักจัดๆ การประชุมเนี่ยะ ก็ยังเรียกว่ารับได้อยู่เป็นปกติมาก ราคาสำหรับเครื่อง Tenda Mesh WIFI MW3 นั้นต่อตัวถือว่าถูกมากจริงๆ ประมาณคือละ 600-700 บาทต่อเครื่องเท่านั้น โดยปกติแล้ว เราจะซืิ้อมาพร้อมกันเป็นชุด หนึ่งชุดก็ 2 ตัวหรือชุดละ 3 ตัวก็สุดแล้วแต่ว่าเราอยากจะให้มันมีการทวนกระทบสะท้อนสัญญาณหากันต่อๆกันเป็นทอดได้เยอะแค่ไหน !?
แล้วแบบนี้เราจะเอาอะไรคิดล่ะว่ามันจะสะท้อนได้ดีแค่ไหนแล้วเราอยากจะต้องได้กี่ตัวกันล่ะ ?
วิธีการคิด คิดแบบนี้ก็แล้วกัน คือ ให้คุณวาง Mesh WIFI พวกนี้ห่างกันก็ไม่เกินกว่า 5-10 เมตร เพื่อการทวนสัญญาณได้ระดับดีเยี่ยม และ ไม่ได้ลดทอน speed internet ลงไปมากเท่าใดนัก อย่างเช่น บ้านเดี่ยวส่วนมากจะเลือกให้มี Mesh Wifi นั้นก็เอาสักสามตัวก็กำลังดี หน้าบ้านอันหนึ่ง ชั้นสองอันหนึ่ง หลังบ้านอันหนึ่งเป็นต้น เพียงเทานี้สำหรับบ้านเดี่ยวก็จะครอบคลุมทั้งหลังแบบไร้ปัญหาใดๆเลยก็ว่าได้ (แน่นอนว่าทั้งหมดจะเป็นชื่อ SSID เดียวกันหมดทั้งบ้านเลยทีเดียว)
ถ้าหากว่า คุณบ้านเป็นแนวสูงเหมือนกับอาคารพาณิชย์ ก็แนะนำให้วางเอาไว้ ชั้นละหนึ่งเครื่องในตำแหน่งระหว่างชั้นจุดเดียวกันขึ้นไปเพื่อให้มันสะท้อนแต่ละชั้นๆขึ้นไปเรื่อยๆ เช่น ถ้าหากว่า คุณเอา internet FIBER มาวางเอาไว้ชั้นที่ 2 (แนะนำให้เข้ากลางบ้านดีที่สุด) แล้วก็ติดตั้ง mesh wifi ตัวที่เป็น primary ตัวหลักที่เสียบสายเอาไว้ที่ชั้นสอง แล้วก็เอาตัวที่ 2 เอาไว้ชั้นที่ 1 และตัวที่ 3 เอาไว้ชั้นที่ 3 เป็นแบบตัวกลางแจกไปให้ชั้นหนึ่งและชั้นสามแล้ว อุปกรณ์ที่ตั้งที่ชั้นหนึ่งและสามก็กระจายสัญญาณในพื้นที่โล่งในแนวระนาบอะไรทำนองนั้น (แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงการมโนภาพเพื่อให้คิดได้ว่าเราน่าจะเลือกการวางตำแหน่ง Mesh Wifi อย่างไร) เพราะแท้ที่จริงแล้ว มันกระจายกันเป็นใยแมงมุมเสียมากกว่า การไหลของข้อมูลไปทางไหนได้ มันก็จะไหลไปทางนั้นเองอัตโนมัติ แต่อย่างว่า เราต้องมีแบบแผนเพื่อการคิดด้วยนั่นเอง
ข้อดีของการใช้ Mesh wifi Tenda MW3
- มันราคาประหยัดมากถึงมากที่สุด ไม่เคยเห็นอะไรที่ถูกกว่านี้แล้ว ถ้าหากว่า คุณซื้อเพื่อมาใช้เป็น Access point ก็ยังประหยัดใช้แทนกันก็ได้
- มันสะท้อนทวนสัญญาณได้ดี และ รองรับได้มากถึง 5 ตัวใน Mesh Network เดียว (ใช่แล้ว ! คุณอาจจะซื้อมันมาเป็น pack 3 และ pack2 ตัว รวมกันก็ได้ห้าตัวด้วยงบประมาณสองสามพันบาทกว่าๆเท่านั้นเอง) ประหยัดไม่ต้องไปซื้อเครื่องตัวเดียวแบบแรงๆอะไรเลยก็ว่าได้
- ดูไม่เยอะ ไม่มีเสาอะไรให้เราเห็นให้เกะกะลูกตาเท่าใด เอาไปซ่อนไว้ตรงไหนก็ไม่ได้โดนเด่นจากเฟอร์นิเจอร์อื่นๆออกมามากเท่าใดนัก ไม่ได้หน้าตาเหมือนกับ Robot ออกมาจาก Transfromer อะไรพวกนั้น ที่เป็นการออกแบบพวก Router หรือ Access Point ปกติที่จะต้องมีเสาเยอะๆ ดูรกๆ ให้เห็นแล้วเหนื่อยใจ
ทำไมไม่แนะนำตัวราคาแรงกว่านี้ล่ะ ? มันมี MW6 ด้วยนี่หน่า !?
ใช่แล้ว! มันมีรุ่นที่แรงกกว่านี้อีก (ราคานะ) เพราะ เราใช้แค่ประชุมงาน ดู Youtube ดู Netflix ระดับ HD พร้อมกันสองเครื่อง โดยดูผ่าน Google Chromecast ที่ FULL HD resolution และ เราก็ใช้งาน เพื่อเปิดเว็บปกติ ประชุมงาน ZOOM Meeting , Google Meeting และ เรียนออนไลน์ไปด้วยพร้อมๆกัน ! ทั้งหมดนี้ สามารถใช้งานได้ผ่าน Mesh Network ที่บ้านทีว่านี้อย่างไรปัญหากับ ISP 3BB 100Mbp/100 Mbp ปกติราคาประหยัดทั้งหมด ! คำถามคือ ถ้าหากว่า คุณใช้งานเหมือนกับที่เล่านี้ทุกประการ แล้วจะจ่ายแพงกว่านี้เพื่ออะไร !? ใช่แล้วแหละ สิ่งที่ไม่ได้พูดเอาไว้ในที่นี้ คือ การ Streaming 4K จาก Netflix หรือระบบ NAS ในบ้าน แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นเรื่องปกติสำหรับคนทั่วไป และ แน่นอนว่าส่วนตัวแล้วก็ไม่มีอุปกรณ์เพื่อทดสอบเรื่องเหล่านี้ มันอาจจะใช้ได้ดีก็ได้ แต่อย่างว่า ที่บ้านก็ไม่มี UHD TV สักตัวด้วยนั่นเอง สรุปเป็นว่า ถ้าหากว่าคุณใช้ internet life style เป็น normal internet content consumer แล้วการใช้อุปกรณ์รุ่น MW3 นั่นเพียงแล้วทุกประการอย่างไร้ที่ติ
⚠️ หมายเหตุ : การใช้ MW6 มันจะทำให้รองรับความเร็วของ Port ที่สูงกว่าเอามากๆ แต่นั่นไม่ได้จำเป็นสำหรับคนที่ใช้งาน WIFI เป็นหลักจากทุกอุปกรณ์ภาครับ
ภาพตัวอย่างการใช้งานที่บ้านและสำนักงานต่อ internet ในวงเดียวกัน
ต่อไปนี้เป็นกรณีศึกษาเพื่อให้คุณเข้าใจได้ว่า เราสามารถใช้ Mesh Network ได้โดยสะท้อนสัญญาณไปเรื่อยๆเพื่อเอา internet ไปครอบคลุมใช้ตั้งแต่สำนักงานและบ้าน กรณีที่อยู่ในอาคารเดียวกันหรือใกล้กัน (สำหรับกรณีนี้ คือ บ้านและอาคารสำนักงานอยู่ใกล้กันเพียงระยะ 5 เมตรเท่านั้นเอง) ทำให้สามารถสะท้อนสัญญาณ internet 3BB จากออฟฟิศมาที่บ้านพักได้ด้วย ไม่ยากเกินไปนัก
เราเริ่มด้วยการต่อ NOVA Tenda MW3 หนึ่งเครื่องให้มันเป็น Primary สำหรับการรับ internet จาก 3BB internet โดยผ่านสายเสียบเข้าไปที่เครื่อง NOVA นี้ แล้วนอกนั้นก็ไม่มีการเสียบสายใดๆอีกต่อไปแล้ว ให้มันสะท้อนกันไร้สายต่อกันไปเรื่อยๆ โดยอุปกรณ์ที่วางเอาไว้ในออฟฟิศก็มีเพียงสองตัว และ นอกนั้นอีกสามตัวก็จะติดตั้งเสียบปลั้กเอาไว้ที่บ้านแต่ละห้องเท่านั้น โดยขั้นหนึ่งมีีติดตั้งสองตัว และ ชั้นสองติดตั้งไว้ที่ห้องนอนส่วนตัวแค่ตัวเดียว เท่านั้นด็ครอบคลุมสำหรับบ้านเดี่ยวแล้ว (กรณีนี้มีห้าตัวเพราะอยากจะใช้ที่ออฟฟิศด้วยเอา internet office มาใช้ว่าอย่างงั้นเถอะ)
ภาพต่อไปนี้ จะแสดงอุปกรณ์ทั้งหมดที่ต่อเข้ากับ Mesh WIFI network ทีว่านี้ เราจะพบได้ว่า มันมีอุปกรณ์ที่ต่อ internet และ active อยู่ด้วยกันทั้งหมด 25 อุปกรณ์ ทั้ง computer / notebook / Chromecast / มือถือ / ipad / iPhone / และอื่นๆอีกมากมาย อืม เครื่องฟอกอากาศ เครื่องพิมพ์เอกสาร Printer เยอะเลยทีเดียว และ มันก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับการถ่ายข้อมูลระหว่างกันไปมาทั้งหมด
หากคุณสังเกตภาพจริงๆ มันจะมีเส้นประสีเทาอยู่เส้นหนึ่ง ซึ่งก็แปลว่า การติดต่อระหว่างกับโดยตรงระหว่าง Mesh สองตัวนั้นไม่สามารถพูดคุยระหว่างกันได้ แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรเพราะ มันก็ยังสามารถส่งผ่าน internet data ไปมาระหว่างกันได้โดยสมบูรณ์อยู่ดี โดยผ่าน Mesh ตัวอื่นๆแทนได้นั่นเอง
ค่าตัวเลขที่แสดงเห็นเป็นเม็ดกลมๆเขียวๆนั้นจะแสดงจำนวนอุปกรณ์ที่จับสัญญาณกับ Mesh Network แต่ละตัว โดยถ้าหากว่า คุณกดเข้าไปมันก็จะแสดงรายการอุปกรณ์ได้อีกด้วย เรียกได้ว่า รู้ได้เลยว่าอุปกรณ์ไหนอยู่ที่ไหนในบ้านของคุณเอง ใช้เพื่อค้นหาอุปกรณ์ได้กลายๆอีกต่างหาก
วิธีการติดตั้ง Tenda Mesh Wifi อย่างย่อ
ที่พิมพ์เอาไว้บอกว่าอย่างย่อเพราะว่าขั้นตอนมันทำเท่านี้จริงๆเรียกได้ว่าง่ายกกว่าการตั้งค่า AP อื่นๆอีกต่างหาก
- เอาสาย LAN ที่มี internet ไหลผ่านเสียบกับเครื่อง mesh สักตัวหนึ่ง โดยให้เสียบปลั้กให้ mesh wifi มันทำงานด้วย
- ดาวน์โหลดแอพ Tenda Wifi มา (ค้นหาด้วยคำนี้ก็เจอแล้ว) สำหรับ iPhone หรือสำหรับ Andriod
- สร้างบัญชี Tenda wifi ส่วนตัวเอาไว้
- ทำตามขั้นตอนที่แสดงเอาเมื่อติดตั้งแอพ Tenda wifi แล้ว ซึ่งมันก็จะบอกหมดแหละว่าให้เสียบสายอะไรพวกนี้
- เมื่อเราอยากจะเพิ่ม mesh ตัวอื่นๆก็กด Add Nova เพิ่มไปเรื่อยๆทีละตัว
- ให้เราทดสอบความเร็ว internet เมื่อเราเอา NOVA ไปวางไว้ตามจุดต่างๆแล้ว คาดว่าน่าจะให้ความเร็วใกล้เคียงเหมือนกับ WIFI จาก Router ถ้าหากว่ามันสะท้อนหากันได้ดีทั้งหมด
ข้อแนะนำ : อยากให้เอาเครื่องทั้งหมดที่จะอยู่ในวงเดียวกันสะท้อนไปมานั้นมาเสียบใกล้กันก่อนเพื่อตัดปัญหาว่ามันไกลเกินไปแล้วไม่รู้ว่ามันเสียหรือว่าคุยกันไม่ถึง เมื่อทำการเพิ่ม Nova Mesh ทั้งหมดแล้ว ค่อยเอาไปเสียบปลั้กเอาไว้ตามจุดต่างๆที่เราต้องการ จะสะดวกมากกว่ามากเลย สำหรับการติดตั้งครั้งแรกเท่านั้นนะ ถ้าหากว่าครั้งอื่นๆ ก็อยากเสียบที่ไหนก็เสียบเพราะว่า ป่านนั้นก็มี Nova Mesh wifi เต็มบ้านแล้วอยู่ตรงไหนก็มีสัญญาณสะท้อนไปมาทั้งหมดบ้านนั่นแหละ
วีดีโอสาธิตการติดตั้ง NOVA TENDA MW3 ด้วยคลิป Youtube
กดสั่งซื้อ TENDA MESH WIFI MW3 ได้ผ่านภาพด้านล่างนี้
ส่วนตัวแนะนำให้ซื้อร้านนี้จากลาซาด้าเพราะเห็นว่ามันประหยัดเงินสุดแล้ว ราคาต่อเครื่องถูกสุดแล้วจากที่เห็นทั้งหมด เหมาะสำหรับคนอยากจะประหยัดเงินจริงๆ เรียกได้ว่า ประหยัดกว่าร้านอื่นๆอีกนิดหน่อยๆก็เอาหมดก็แล้วกันนะ ร้านนี้ จะขายเป็น package 1 ตัวและ 2 ตัวเท่านั้น ลองใช้สองตัวก่อนก็ได้ ถ้าหากว่าอยากได้เพิ่มค่อยหาซื้ออีก 1 – 2 ตัวเพิ่มเข้ามาอีกในภายหลังได้ ไม่เป็นปัญหาอะไร ทยอยซื้อได้ นอกจากนี้ เหมือนว่า Tenda Mesh WIFI รุ่นนี้ MW3 นั้นจะเพิ่มระบบได้ทั้งหมดเพียง 5 ตัวเท่านั้น หากคุณคิดว่า บ้านคุณใหญ่มากๆ หรือเป็นคฤหาสน์หลังโตแล้วล่ะก็ แนะนำให้เป็นรุ่นแรงกกว่านี้ก็ได้ เลือกเป็นรุ่น Tenda Mesh WIFI MW6 ไปเลยก็ยังได้แต่งบจะบานปลายเสียหน่อย เพราะ ถ้าหากว่าเพิ่มพิ้นที่บ้าน ก็อัดอุปกรณ์เข้าไปได้หลายสิบตัวกันเลยทีเดียว แต่บอกตรงๆ ถ้าหากว่า บ้านใหญ่ขนาดนั้นน่าจะเป็น สำนักงานหรือโรงแรม หรือ Hostel แล้วก็เลือกตัวแรงไปเลยก็แล้วกันนะ
สำหรับมือใหม่ที่เข้ามาทำ internet network แนะนำให้ซื้อจากร้านไทย ผ่าน Lazada ที่เขาแนะนำคุณได้ถ้าหากว่ามีปัญหา กดที่ภาพด้านล่างเพื่อซื้อจากร้านที่เคยคุยกันอยู่เป็นประจำ เพราะ เค้าให้บริการแนะนำข้อมูลได้ดีทีเดียว !
⚠️ ข้อแนะนำ : สำหรับการเริ่มต้นแนะนำให้ซืิ้อเพียงสองตัวมาก่อนจะดีกว่า เพราะ พวกนี้ ถ้าหากว่าวางใกล้ๆกันเยอะๆ มันไม่ใช่เรื่องดี มันเหมือนว่าสัญญาณ ส่วนที่เป็น 2.4 GHz มันจะซ้อนกันตีมั่วกันไปหมดก็ได้ ทำให้ตัวเครื่องคอมหรืออุปกรณ์เราเลือกจับไม่ได้ ไม่แน่ใจว่าจะเอาตัวไหนดี เพราะทั้งสองตัวมันแรงดีเหมือนกันหมด (สำหรับกรณีวางใกล้กันหมด) หรือติดตั้งใกล้กันเกินไป แนะนำให้วางห่างๆกันประมาณ 5-10 เมตรให้มันแยกแยะกันได้หน่อยว่าโซนไหนใช้สัญญาณตัวไหนเข้มๆกันแน่ ปัญหานี้มีีอยู่จริงสำหรับคนติดตั้งเยอะเกิินไป เริ่มจากสองตัวแล้วถ้าหากว่าไม่โอเคอยากเพิ่มโซนค่อยซื้อเพิ่มอีกทีละตัวจะเหมาะกว่ามาก ถ้าหากว่า คุณดูอย่างตัวอย่างนี้ จะพบได้ว่า มันมีตั้งห้าตัว แล้ว ลองติดตั้งหกตัว (ก็ใช้ได้เหมือนกัน) แต่การเชื่อมโยงมันมั่วเอามากๆ และ อุปกรณ์เลือก internet ไม่เสถียรเลยทั้งๆที่ internet จาก ISP มันแรงเป็นปกติ