โลกเราจะล่มสลายได้ด้วยเหตุผลไม่กี่อย่างที่หลึกเลี่ยงไม่ได้ คำถามคือมันจะเกิดตอนไหน..ก็แค่นั้นเอง

มีความเป็นไปได้มากอยู่แล้วที่เราจะได้พบเจอปัญหาระดับโลก และ เรียกได้ว่าปัญหาเหล่านั้นจะทำหน้าที่ล้างเผ่าพันธ์มนุษย์กันเลยก็ว่าได้ โอกาสเหล่านี้มีแน่นอน เพราะ เมื่อเวลาดำเนินไปเรื่อยๆ นั้นเท่ากับการรอให้โอกาสของการอุบัติของเหตุการณ์เหล่านี้นั้นเกิดขึ้นได้ เหมือนอย่างที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีตอย่างเลี่ยงไม่ได้

ดาวหางอาจจะกระทบโลกเราได้
ดาวเคราะห์น้อยมีโอกาสตกเข้าสู่โลกเป็นปกติทุกๆเดือนอยู่แล้ว ไม่ได้แปลกอะไรเลยหากมันจะชนเราเข้าจังๆ ระดับล้างโลกได้

เหตุการณ์แบบนี้คือ black swan หรือเราเรียกได้ว่า โอกาสเกิดขึ้นน้อย แต่มันจะเกิดขึ้นได้ เพราะ เราจะไม่สามารถเดาได้ว่ามันจะเกิดเมื่อไหร่ และ เหตุการณ์เหล่านี้นั้นจะส่งผลลัพธ์อย่างรุนแรง ระดับที่เรียกได้ว่า ล้างชาติพันธ์มนุษย์ก็ยังได้ไม่ได้เกิดกว่าความเป็นจริงแต่อย่างใด

ต้องเข้าใจก่อนว่า Time Line ระยะเวลาของการเกิดอยู่ของโลกนั้นมันเป็น scale ที่ใหญ่กว่าการมีอยู่มนุษย์ตอนนี้เป็นอย่างมาก เพราะ Time Line ของการที่อยู่ของโลกและจักรวาลนั้นหน่วยเป็น ล้านๆปี แต่สำหรับช่วงเวลาที่เรารับรู้กันอยู่นั้นกลับเป็นเพียงหลักพันเท่านั้น และ อายุคนเรานั้นกระจอกงอกงอยกว่านั้นอีกคือ “หลักสิบ” เท่านั้นเอง เรียกได้ว่า หน่วยฐานสิบก็ห่างเป็นเป็นโยชน์ๆแล้วก็ว่าได้ หรือ เทียบอะไรกันไม่ได้เลยว่าอย่างงั้นเถอะ

สิ่งที่มันจะเกิดมาเพื่อทำลายชีวิตบนโลกนี้ จะเกิดขึ้นได้จากหลากหลายสาเหตุ และ มันจะเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพียงแค่รอเวลาว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อใดเท่านั้น ไม่ใช่ว่าจะบอกว่า มันจะเกิดหรือไม่ แต่มันเป็นคำถามเพียงแค่ว่า “เหตุการณ์ล้างโลกพวกนี้จะเกิดขึ้นเมื่อใด” เสียมากกว่า

เหตุการณ์ล้างโลก หรือล้างชีวิตมนุษย์ที่จะเกิดขึ้นนั้นมีเหตุการณ์ที่มาจากเหตุและผลที่ต่างกันตามรายการต่อไปนี้

ไวรัสตคัวใหม่ที่ทำลายชีวิตคนได้ทั้งโลกให้สิ้นซาก

1. การล้างโลกด้วยโรคระบาดข้ามสายพันธ์​ : ใช่แล้ว COVID 19 นี่เป็นตัวตุ้กตาเล็กที่ทำให้เราเห็นว่าโรคระดับ Pandemic นั้นมีอยู่จริง และ เราจะป้องกันเหตุการณ์เหล่านี้ไม่ให้เกิดไม่ได้ เพียงแต่ เราจะหาทางบรรเทา และ ลดโอกาสการแพร่และความรุนแรงของผลกระทบได้มากน้อยเพียงใดเท่านั้น ลองคิดดูว่า ถ้าหากว่า ความสามารถในการระบาดมันมากกว่านี้อีกสัก 1 เท่าตัว แปลว่า จะไม่มีโอกาสใครในโลกนี้ไม่ติดเลยก็ว่าได้ แล้ว เพียงแต่ความรุนแรงของมันมีมากกว่านี้ ก็จะเป็นเพิ่มโอกาสการตายเมื่อติดโรคได้เช่นเดียวกัน เหตุการณ์นี้ เป็นเรื่องที่เราเจอมาแล้ว และ มันสอนคนทั้งโลกว่า นี่ คือ เรื่องจริง และ มันเป็นแค่ตุ้กตาเพื่อให้ได้รู้ว่า นี่ไม่ได้เป็นเรื่องเล่นๆ และ มันจะเกิดขึ้นอีกครั้งอย่างแน่นอน ถ้าหากว่า ลงตัวกว่านี้ โอกาสตายมาก และ ความสามารถในการแพร่โหดกว่านี้ ก็จะถือได้ว่าเป็นการกวาดล้างประชากรโลกเลยก็ยังทำได้

2. การชนของวัตถุจากนอกโลกที่มีมวล : เช่น การพุ่งของมวลดาวเคราะห์น้อยหรือใหญ่ต่างๆ ที่จะมีโอกาสการชนกันอยู่แล้วเป็นธรรมชาติของจักรวาล มวลที่มีนำ้หนักเหล่านี้ จะก่อให้เกิดการทำลายล้างและ มันก็เกิดขึ้นแล้วกับโลกของเรา จำเพาะ ที่เราในฐานะของพันธ์มนุษย์ก็สำเหนียงรู้ได้ว่า มันเป็นสาเหตุของการสุญพันธ์ของไดโนเสาร์ มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ จริงๆแล้ว มันน่าจะเกิดการชนกระทบของมวลที่มีน้ำหนักจากนอกโลกมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนเสียมากกว่า แต่ เราดันรับรู้ได้จากเหตุการณ์ที่ใกล้ตัวเรามากที่สุดเท่าที่เราจะมีหลักฐานหลงเหล่าให้เราได้รับรู้เท่านั้น ดังนั้นแล้ว หากจะมีมวลพุ่งเข้ามาชนโลกก็ไม่ได้แปลกอะไร เหลือแค่ว่า เราจะมีเทคโนโลยีเพื่อต้านเหตุการณ์เหล่านี้ได้หรือไม่อย่างไร หรือเพียงแต่รอความหายนะ และ การล่มสลายของความรู้ การส่งผ่านพันธุกรรมและ วิศวกรรม ให้หยุดแต่เพียงเท่านี้ ทันทีที่มวลนอกโลกพุ่งเข้ากระทบโลกของเรา อ้างอิงข่าวไทยรัฐที่เราจะพบได้เป็นประจำ

3. การพุ่งควบรวมทำลายล้างระดับรังสีหรือจักรวาล แบบไม่มีมวล : มีความเป็นไปได้อีกมาก ที่เราไม่รู้ว่า กลไกของการเกิดอุบัติการณ์ของการกำเนิดจักรวาลนั้น เป็นอย่างไร หลุมดำที่การชนกันเป็นปกติ การดูดกลืนสลายมวลต่างๆ ผ่านกลไกที่เราไม่เข้าใจนั้นเกิดขึ้นเป็นปกติ ด้วย life span และ การส่งผ่านความรู้ระหว่างรุ่นต่อรุ่นนั้นน้อยกว่าระยะเวลาของอายุจักรวาลเป็นอย่างมาก ทำให้เราแทบไม่รู้อะไรเลยในเรื่องที่เราไม่สามารถเข้าใจหรือรับรู้ได้ในตอนนี้ ฟังดูอาจจะแปลกๆ แต่มันเป็นเรื่องจริงแท้ที่สุด แค่เรายกโทรศัพท์ออกมาแล้วกดดูข้อมูลได้ ผ่านส่งที่เรามองไม่เห็น ไม่ได้แปลว่า มันไม่มีอยู่จริง แต่มันเป็นเรื่องจริงและ นักฟิสิกส์เข้าใจและ แปลงมันเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับมนุษย์เกรดเลย์แมน (layman) ให้ได้ใช้โดยไม่ต้องเข้าใจอะไรมันก็ได้ โดยรวมแล้ว กลไกใดๆที่เราไม่รู้ยังมีอีกมากมายเกินกว่าจะประมาณถึง และ นั่นก็จะเป็นสาเหตุที่เราไม่สามารถรู้ได้ว่า มันมีผลมากเพียงพอที่จะทำลายทุกสิ่งอย่างได้ทั้งหมดอย่างที่เราจะไม่รู้กลไกและเหตุผลใดๆเลยก็ได้เช่นเดียวกัน


4. ความเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากมนุษย์และธรรมชาติ จนกระทั่ง สภาพไม่เหมือนกับการดำรงอยู่อาศัยในโลกนี้อีกต่อไปได้ จริงๆแล้ว มนุษย์นั้นเป็นเพียงสิ่งชีวิตประเภทหนึ่งเท่านั้น ก็คือ เกิดจากกลไกธรรมชาติปกติ เพียงแต่มันทำตัวครองโลก เหมือนกับยุคไดโนเสาร์ยังไงอย่างงั้นเลย ไม่แตกต่างกันเลยแม้แต่น้อย หากมองมาจากมุมมองของมิติหรือผู้ที่อยู่ในมิติที่สูงกว่า คนคือสัตว์ ที่พัฒนาและสามารถสร้างสรรสิ่งใดๆเพื่อทำให้ตัวเองสะดวกสบาย และ ใช้ทรัพยากรโลกนี้ได้เรื่อยๆ โดยไม่รู้ตัวว่า มันจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาเรื่องสภาพแวดล้อม อันก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่กระทบตนเองและเผ่าพันธ์เพื่อให้ไม่สามารถอาศัยอยู่ในโลกนี้ได้ ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องสิ่งแวดล้อมปกติ แต่สำหรับประเด็นที่จะสื่อสารคือ สัตว์มนุษย์นั้นโง่กว่าที่คิดหากมองเป็นระบบใหญ่รวมกัน จะไม่สามารถแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมได้ และ จะต้องรอรับผลลัพธ์ที่เกิดอย่างเลี่ยงไม่ได้ อย่างแน่นอน สิ่งที่จะเห็นได้ง่ายๆ คือ การขาดแคลนอาหาร เพราะสภาพอากาศไม่เหมาะอีกต่อไป เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ที่จะทำให้คนนั้นสุญพันธ์ไปได้ง่ายๆ หรือ การละลายของน้ำแข็งและ ทำให้ระดับน้ำมันสูงขึ้น ทำให้คนไร้แผ่นดินจะอยู่อาศัย (คนเป็นสัตว์บก ไม่สามารถหายใจในน้ำได้) ทั้งสองประเด็นนี้คือ ผลกระทบจากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างเลี่ยงไม่ได้

น้ำท่วมจากการละลายของน้ำแข็งทั่วโลก ไร้ที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมสำหรับมนุษย์

ทั้งหมดนี้จริงๆ เราจะเห็นได้ว่า ชาติพันธ์ที่เราเรียกว่า human นั้นเปราะบางมาก และ มีโอกาสล่มสลายได้จากเหตุการณ์ระดับ black swan ที่มันจะเกิดแน่นอน แค่ถามว่าเมื่อใดเท่านั้น ซึ่งเราจะบอกไม่ได้เลยว่าเมื่อใด เพราะ มันเป็น เหตุการณ์สุ่มที่จะเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของเวลาแต่เพียงอย่างเดียว การไหลของเวลาทำให้เกิดโอกาสการเกืดเหตุการณ์เหล่านี้ได้ในที่สุด และ เราก็ไม่สามารถจะหยุดเวลาได้ด้วยเช่นเดียวกัน เนื่องด้วยมันเป็นกฏพื้นฐานสุดๆระดับจักรวาล เรื่อง space time ที่เราก็เริ่มเข้าใจมันบ้างในระดับหนึ่ง และ ฟังดูแล้ว มันเป็นเรื่องที่ไม่ make sense เอามากๆ หากเราคิดจากมุมมองการรับรู้ต่อโลกผ่านขันธ์ของคนปกติทั่วไป แต่ทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องจริง การเกิดผลก่อนแล้วเกิดเหตุ การย้อนเวลาได้ของเหตุและผล การแยกโอกาสและเหตุการณ์กระทบกันต่อไปเรื่อยๆของอนุภาค การไหลของเอนโทรปีทางเดียว เป็นต้น เรื่องพวกนี้ เหมือนเป็นเรื่องที่ไร้สาระที่จะรับรู้แต่นักวิทย์ฯนั้นพบแล้วว่ามันเป็นจริงที่สุด ภายใต้กฏธรรมชาติที่เราอยู่บนมิตินี้นั่นเอง ไม่ว่าคุณคิดอะไรหรือเชื่ออะไร ก็จะไม่สามารถแก้กฏหรือเหตุการณ์ที่จะเกิดนี้ได้ เป็นอจินไตยไม่จำเป็นต้องรู้ก็ได้ แต่บทความนี้เอาเรื่องพวกนี้มาเล่าให้สำเหนียงเท่านั้นเพื่อเตือนว่า คุณน่าจะต้องทำอะไรหรือใช้ชีวิตใน Life span หลักสิบนี้อย่างไรดี ก็เท่านั้นเอง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *