วิธีการเลือกซื้อ Printer สำหรับใช้ในบ้าน ได้ผลผู้ชนะ HP Deskjet Ink Advantage 3635

HP Printer สำหรับบ้านที่ขายของผ่าน internet

HP Printer สำหรับบ้านที่ขายของผ่าน internet

Printer เป็นอุปกรณ์หนึ่งที่คนที่ค้าขายออนไลน์ อาจจะเลือกมาใช้เพื่อพิมพ์เอกสารใดๆที่ต้องแนบหรือติดไปกับกล่องสินค้า โดยถ้าหากว่า คุณเป็นคนที่ค้าขายผ่านระบบ online ไม่ได้เป็นระดับเทพแล้ว การลงทุนเครื่องพิมพ์ น่าจะต้องเลือกรุ่นที่ประหยัดงบลงทุนเสียหน่อย แต่ไม่ต้องคิดมากเรื่อง ราคาค่าพิมพ์มากเท่าไหร่นัก และเพื่อความสะดวกผมจะเลือกจากปัจจัยต่างๆต่อไปนี้เป็นหลัก และ อย่างที่ได้พิมพ์บอกเอาไว้แล้วตั้งแต่หัวเรื่องคือ ตอนนี้คนชนะคือ HP ครับ ไม่ใช่ Epson ครับ (ผมมีประสบการณ์ใช้งานระบบทั้งของ HP และ Epson ได้แล้ว ไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแต่ว่า ที่ต้องบอกแบบนี้เพราะว่า ระบบการจัดการ File เพื่อพิมพ์และแอพต่างๆเพื่อให้เข้ากับการใช้งาน HP ทำได้ดีกว่ามาก ! )

หากอยากจะซื้อรุ่นเดียวกับผมกดที่นี่ >> HP DeskJet Ink Advantage Printer 3635

เงื่อนไขที่ผมกำหนดเอาไว้สำหรับการเลือกซื้อ Printer เครื่องใหม่สำหรับใช้ที่บ้าน คือแบบนี้

  1. เครื่องพิมพ์ต้องราคาต่ำกว่า 3,500 บาทเท่านั้น แพงกว่านี้ไม่เอาแล้ว – ทำไม ? เพราะว่า ถ้าหากว่าคุณไม่ค่อยได้ใช้งานมากนัก การที่คุณใช้เครื่องแพงๆ มันก็เป็นการเอาเงินไปทิ้งเสียเปล่า มันไม่คุ้มหรอกถ้าหากว่าเครื่องมันแพงกว่านี้ แล้วคุณไม่ค่อยได้พิมพ์เหมือนกับสำนักงานเขา
  2. เครื่องพิมพ์จะต้องเป็น All-in-One Printer แปลว่า มันจะต้อง copy ถ่ายเอกสารได้ถ้าหากว่าอยากจะใช้ มันจะต้องพิมพ์เอกสารจาก Computer Notebook หรือ มือถือได้ – ทำไม ? เพื่อความครอบคลุมในการใช้งาน ผมก็ต้องอยากถ่ายเอกสารบ้างบางครั้งหรือเปล่า เช่น ถ่ายเอกสารพวกบัตรประชาชน เอกสารสำคัญส่วนบุคคล หรือ พวกทะเบียนบ้านอะไรพวกนี้ ก็ต้องถ่ายง่ายๆจากเครื่อง ไม่ใช่ต้องมาถ่ายด้วยมือถือแล้วส่งต่อไปที่เครื่องพิมพ์ จะเพิ่มการไหลของงานเกินจำเป็น
  3. เครื่องพิมพ์ Printer ต้องรองรับการต่อกับระบบของบ้านด้วย Wifi เท่านั้น (บ้านใครเค้าจะมี LAN internet ให้เสียบกันล่ะ) – ทำไม? แหม … อันนี้ต้องบอกก่อนว่า ถ้าหากว่าบ้านคุณเป็นบ้านเดี่ยว สร้างเอาไว้นานแล้วหรือสร้างใหม่ก็เถอะ การติดอุปกรณ์เข้าด้วยกันทั้งหมดทำผ่าน Wifi Network ไร้สายไปเลย จะทำให้คุณเอาเครื่อง Printer ไปวางเอาไว้ส่วนไหนบ้านก็ทำได้สะดวก (ขอแค่ Wifi ของคุณไปถึงเท่านั้นเอง) ทำให้มีอิสระในการเลือกที่ตั้งของ Printer ขอแค่เสียบไฟได้ และ อยู่ใน wifi converage ก็พอแล้ว !
  4. เครื่องพิมพ์​ Printer จะต้องมีแอพ เพื่อรองรับการพิมพ์ Print จากมือถือทางไกล (เช่น ถ้าหากว่าเราอยู่นอกบ้าน เราสามารถพิมพ์เอกสารผ่านทางใดทางหนึ่งกลับมาที่บ้านก่อนได้ทันที ไม่ต้องรอมาพิมพ์เอกสารที่บ้านหรือไม่ต้องรอให้เราต้องมาเอาเครื่อง Notebook หรือ มือถือมาต่อกับ Wifi Network ที่บ้าน) – ทำไม ? ถ้าหากว่าคุณเดินทางต่างจังหวัดแล้วยังต้องบริหารงานพิมพ์เอกสาร สต้อกสินค้าหรือพิมพ์เอกสารเพื่อส่งสินค้าแบบฝากพี่ฝากน้องส่งอะไรแบบนี้ เราพิมพ์เอกสารให้เค้าเลย มันก็ดีกว่าเอาไปให้คนอื่นพิมพ์หรือเปล่า แค่เราพิมพ์เอกสารทางไกลออกมาให้แล้ว และ ให้คนอื่นเดินเอาไปติดที่กล่องสินค้าให้เนี่ยะ มันก็น่าจะรองรับการจัดการส่งของทางไกลได้จริงๆนั่นน่ะแหละ อ่ออีกอย่าง ! คือ ไม่ว่าคุณอยู่ที่ไหน คุณก็สั่งพิมพ์เอกสารรอไว้ที่บ้านได้ก่อน ไม่ต้องมาถึงบ้านแล้วมาสั่ง แล้วมารอเอกสารกันอีกครั้ง คิดดูแล้วกัน พิมพ์เอกสารเตรียมเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่คุณเดินทางอยู่จากรถไฟฟ้าอะไรแบบนี้น่ะครับ เจ๋งออก …
  5. เครื่องพิมพ์ต้องรอรับ AirPrint (สำหรับสาวก Apple) และ Google Print (สาวกแอนดรอยด์) – ทำไม ? เพราะว่า มือถือถ้าหากว่าสั่งพิมพ์จากแอพอย่างเดียวมันจะไม่รองรับการส่งเอกสารหรือสั่งพิมพ์จากแอพอื่นๆเท่านักนัก มันจะเปิดให้พิมพ์ได้ผ่าน AirPrint (สำหรับ Apple iPhone) ได้เสียส่วนใหญ่ดังนั้นแล้ว ถ้าหากว่าเปิดมาแล้วไม่มีเครื่อง Printer ของคุณให้เลือกก็ต้องทำการส่งต่อหลายโปรแกรมหลายแอพกันเลยทีเดียวกว่าจะได้ส่งต่อไปยังเครื่อง Printer ของคุณได้ ! พอเถอะ เอาเป็นว่า มันต้องรองรับทั้ง AirPrint และ Google Print ก็แล้วกัน

ร่ายเนื้อความและเหตุผลมาเสียตั้งยาว คุณคงพอจะนึกออกว่า แต่ละเรื่องที่ผมกำหนดนั้นเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับคนที่จะพิมพ์งานผ่าน Printer ออกมาจริงๆ ไม่ได้คิดไปเองหรือว่าเดาเองว่ามันจะได้ใช้หรอ !? เพราะ แท้ที่จริงแล้ว เงื่อนไขที่ผมเล่ามาทั้งหมดนั้นเคยเป็น “กำแพง” ระหว่างไฟล์เอกสารและการที่มันจะออกมาเป็นกระดาษแล้วจริงๆทุกข้อ ! เพราะงั้นแล้ว ถ้าหากว่าคุณเองก็จะเลือกเครื่อง Printer เหมือนกัน ผมอยากจะแนะนำเหมือนกันว่า ให้คุณเอาเงื่อนไขเหล่านี้มาเป็น เงื่อนไขขั้นต่ำของคุณเช่นเดียวกัน เพื่อการเลือก Printer สำหรับติดตั้งใช้ที่บ้าน

ผมไม่แนะนำให้ใช้เครื่องพิมพ์ระบบ INK TANK สำหรับบ้านครับ ทำไมน่ะเหรอ ?

รู้หรือเปล่าว่าเครื่องพิมพ์ที่พิมพ์ออกมาด้วยระบบ INK TANK นั้นมีปัญหาอย่างหนักอย่างหนึ่ง คือ มันต้องพิมพ์บ่อยเพื่อให้หัวไม่ตัน และ แย่ไปกว่านั้นคืือ ถ้าหากว่ามันพิมพ์ไปได้จำนวนระดับหนึ่ง คุณต้องเอาเครื่องพิมพ์ Printer ระบบ ink tank เนี่ยะ ไปติดต่อที่ร้านค้าหรือคนที่มีประสบการณ์ในการเปลี่ยนหัวหรือทำซับหมึกให้น้ำหมึกส่วนเกินมันออกไป เรียกว่า เครียร์ซับหมึก ซึ่ง Epson Printer ระบบ Ink tank คือตัวที่ผมมีประสบการณ์ไปแล้วว่า มันต้องทำอย่างงั้นและ เครื่อง Printer ได้ออกแบบมาเพื่อให้กลับไปติดต่อร้านจริงๆ ! เพื่อไปเครียร์ซับหมึกอะไรที่ว่านี้ ก็คิดดูแล้วกัน เครื่องมันก็ออกจะหนัก แล้วมันก็ดูเลอะๆเทอะๆ ต้องแบกปุเลงปะเลงไปตามห้าง supermart หรือ ศูนย์ Printer ต่างๆเพื่อให้มาเครียร์กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง นั่นคือข้อเสียหลักของ Printer ink tank ไม่ว่าจะเป็นระบบของใครก็ตามตอนนี้ เลี่ยงไม่ได้ แน่นอนว่า เครื่องพิมพ์เอสการ Printer ที่เป็นระบบ ink tank มันมีข้อหลักๆ คือหมึกมันประหยัดเงินเอามากจริงๆจาก ระบบพิมพ์หัวธรรมดา มันแผ่นละเกือบบาท นี่ถ้าหากว่าใช้เป็น ink tank เค้าคุยกันว่า 20 สตางค์ก็เอาอยู่แล้วเรียกว่าประหยัดกว่ากันมากจริงๆ แต่อย่างว่าแหละ หากคุณ คิดว่าคุณไม่ได้ใช้เยอะขนาดนั้น เหมือนกับสำนักงานที่พิมพ์เรื่อยๆทุกวัน วันละเยอะๆหน่อย ก็ .. เลือกแบบไม่ใช่ระบบ ink tank จะทำให้คุณมีประสบการณ์การใช้ Printer ที่ดีกว่า ตลอด Life time ของเครื่องพิมพ์กันเลยทีเดียว อีกเหตุผล คือ พวกที่ใช้หัวพิมพ์ที่ไม่ได้เป็น ink tank การที่คุณเปลี่ยนหมึก มันก็คือการเปลี่ยนหัวด้วยทำให้ไม่ต้องไปเจอเรื่องต้องมาล้างหัวอะไรพวกนี้เท่าใดนัก เพราะ มันเปลี่ยนหัวใหม่กันเลยจากการเปลี่ยนหมึกว่าอย่างงั้นเลยดีกว่า

อ่านมาทั้งหมดแล้ว ถ้าหากว่าคุณเห็นด้วยทุกประการกับผม คนที่ชนะอยู่ตอนนี้อย่างที่เล่าคือ HP เพราะ มันมีแอพ AIO Remote ที่จะพิมพ์เอกสารต่างๆผ่านแอพได้ และ ถ้าหากว่าคุณอยากรู้รุ่นที่ผมเลือกมันก็คือ HP DeskJet Ink Advantage Printer 3635 ราคาไม่เกิน 2,690 บาทเท่านั้นเอง รองรับทุกสิ่งอย่างที่ได้เล่ามาแล้วทั้งหมด AirPrint , Google Print การพิมพ์ผ่านแอพ AIO Remote ของ HP หรือเจ๋งไปกว่านั้นคือ ให้คุณตั้งค่าด้วย  HP’s ePrint Service มันจะทำให้คุณได้ Email Address มาอันหนึ่งที่เป็น Email Address จำเพาะเฉพาะเครื่องของคุณเท่านั้น ที่ต่อกับ internet อยู่ เมื่อคุณอยากจะพิมพ์เอกสารอะไรก็สุดแล้วแต่ (ผมไม่ได้ลองไฟล์ทุกประเภทหรอก เพราะผมพิมพ์ส่งไปที่เครื่องด้วย pdf file เป็นหลักซึ่งคุณก็ควรพิมพ์ใช้ pdf file ในการส่งเอกสารเพื่อพิมพ์ออกมาอยู่แล้วไม่ควรเป็น word นักเพราะ format มันจะเบี้ยวระหว่างหน้าจอกับกระดาษที่ออกมา ไม่ค่อยจะเหมือนกันสักเท่าไหร่นัก) เมื่อคุณได้อีเมล์อะไรทีว่่านี้มาแล้ว ก็แค่อีเมล์ pdf file เป็นไฟล์แนบไปให้กับอีเมล์นั้น แค่นั้นเอง เจ้า Printer ที่บ้านของคุณมันก็จะพิมพ์เอกสารออกมากองเอาไว้ให้คุณได้ทันที เจ๋งไปกว่านั้นอีก ถ้าหากว่าคุณอยากมีประสบการณ์กับการคุยกับเครื่อง Printer ของคุณเอง คุณสามารถคุยเล่นและสั่งงานพิมพ์ผ่าน Facebook BotChat ของ HP’s ePrint Service ได้ด้วยเหมือนกัน

HP Printer Chatbot ประสบการณ์คุยกับเครื่อง Printer

ภาพด้านบนนี้ก็คือ ภาพที่ผมบอกว่าผมได้มีโอกาสได้คุยกับ Bot Printer เพื่อทำเรื่องต่างๆที่เกี่ยวกับการพิมพ์หรือการตั้งค่า Printer ของคุณได้ (คนอะไรคุยกับเครื่อง Printer ! กันเนี่ยะ เอ้อ แต่ว่า มันคุยกันได้จริงๆนะ) ใครอยากลองประสบการณ์คุยกับเครื่อง Printer ตัวเองก็แนะนำ HP ครับ แปลกดี ทำอะไรได้เยอะอยู่และคุยรู้เรื่องด้วย !

สุดท้ายแล้วถ้าหากอยากจะซื้อรุ่นเดียวกับผมกดที่นี่ >> HP DeskJet Ink Advantage Printer 3635

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *