ภาพที่ท่านเห็นนี้เป็นภาพของหน้าจอ capture จากคนขับ UBER ส่งมาให้ผมเพื่ออวดว่าสัปดาห์ล่าสุดนี้ เค้าทำเงินไปเท่าไหร่จากการขับ UBER แต่ในความเห็นผมแล้ว ผมมองว่า ปีนี้ถือได้ว่าเป็นปีที่คนขับรถ UBER สามารถสร้างรายได้ยากขึ้นกว่า สองปีที่ผ่านมามากอยู่ครับ แต่ก็ไม่ได้เรียกว่ายากจนเกินไป เพราะ คุณต้องทำตามกฏที่มีการกำหนดเพิ่มความยากขึ้นมาให้ได้เท่านั้นเอง
ซึ่งส่วนมากแล้ว คือ การรับคนให้ได้จำนวนเที่ยวต่อชั่วโมงให้ได้มากเท่าที่ทาง UBER กำหนดไว้ เพื่อให้ได้ค่าการประกันรายได้ (รายได้ต่อชั่วโมง) ตามที่ได้ตกลงกันเอาไว้รายสัปดาห์ เช่น ถ้าหากว่า คุณทำการ online ตอนเช้าแล้วขับรับส่งคนได้มากกว่า 1.2 เที่ยวต่อชั่วโมงตลอดช่วงระยะเวลาที่กำหนด คุณก็จะได้รับเงินประกันต่อชั่วโมงที่ทาง UBER กำหนดมาให้ในแต่ละสัปดาห์ ที่จะไม่เหมือนกัน และ จะไม่เหมือนกันในแต่ละกลุ่มคนอีกด้วย
การที่ UBER ทำแบบนี้ก็ เพื่อให้คนขับนั้น Online ในชั่วโมงที่ทาง UBER เห็นว่าอยากให้ออนไลน์ และทำงานในพื้นที่ที่มีคนอยู่มาก เพื่อให้ได้ลูกค้าในพื้นที่คาดหวังได้รับการบริการ อย่างไรก็ดี การที่ UBER มีการกำหนดรอบส่งต่อชั่วโมงนั้น เพื่อเป็นการป้องกัน การ Online เฉยๆ โดยไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่รับส่งคน แล้วก็จะได้เงินประกันต่อชั่วโมงไปแบบสบายๆเหมือนแต่ก่อน (แต่ก่อนมีทำได้ เพราะ มีการกำหนดรอบต่อขั่วโมงเอาไว้ต่ำ ถ้าหากว่ามีการสะสมเที่ยวมามากแล้ว สามารถเลือกใช้เทคนิคการจอดรถอยู่กับที่ ที่บ้านออนไลน์เพื่อให้ได้ชั่วโมงออนไลน์ก้ได้ แต่ว่าตอนนี้ยากขึ้นแล้ว เพราะ ยังมีการกำหนดโซนในการรับคนและ เที่ยวรับส่งต่อชั่วโมงมากขึ้น ทำให้วิธีการดังกล่าว เริ่มใช้งานไม่ได้แล้ว)
ประสบการณ์การขับ UBER นั้นถือได้ว่า เล่นกับ “กฏ” ที่มีความผันผวนตลอดเวลา เพราะ แม้นว่าจะมีการกำหนด กฏใหม่ทุกสัปดาห์แล้ว (แต่ว่ารูปแบบเหมือนหรือคล้ายเดิม) ในระหว่างสัปดาห์ยังมี กฏล่อ เพื่อให้นักขับ UBER ออกมารับคนได้ดั่งใจที่ระบบ UBER ต้องการก็ว่าได้ เช่น มีการเพิ่มเงินพิเศษต่อ x รอบ เพื่อให้ออกมาวิ่ง หรือสร้างแรงจูงใจ ในเวลาที่เกิดความต้องการใช้รถมากเป็นพิเศษ เป็นต้น
ดังนั้นแล้ว คนที่จะขับ UBER ในปี 2016 ครึ่งปีหลังนี้ ผมอยากแนะนำว่า “คิดเสียว่ามันเป็นรายได้เสริม” ที่ต้องใช้เวลากับมันอยู่ระดับหนึ่งทีเดียว เพราะไม่อย่างงั้นแล้ว หากไม่ได้ยอดมาเป้าที่ทาง UBER คาดหวัง จะเกิดความไม่คุ้มค่าเหนื่อยเอาได้ เว้นเสียแต่ “คุณ คือ คนร้อนเงิน” เพราะ การขับ UBER นั้นคือ การแปลงเอาค่าเสื่อมรถมาเป็นเงินสด ได้โดยที่ไม่ต้องติดต่อ Bank แต่อย่างใด คุณสามารถแปลงความเสื่อมรถออกมาเป็นเงินสดได้เป็นรายสัปดาห์ระดับ 1x,xxx บาทขึ้นไป หรือบางรายสามารถได้รายได้มากกว่า 2x,xxx บาทก็มีเหมือนกัน แต่ว่านั่น คือ คุณต้องการเงินสดมากโดยยอมเสื่อมสภาพรถของคุณแปลงออกมาเป็นเงินสดนั่นเอง
สรุปแล้วในครึ่งปีหลัง 2016 นี้ หากว่าคุณต้องการเงินสด แต่ว่าไม่รู้จะทำแบบไหน การเอาเวลาและรถมาขับ เพื่อแปลงสภาพเสื่อมของรถที่จะเกิด มาเป็นเงินสดกลับมานั้น สามารถทำได้ และคุณจะได้เงินสดมากจริงๆ อาจจะถึงระดับ 5x,xxx บาทเลยก็ได้ แล้วแต่ว่าคุณสามารถสร้างเที่ยวขับได้มากแค่ไหน และ ศึกษากฏเกณฑ์ต่างๆของ UBER แต่สัปดาห์ได้ดี และ ทำตามกฏเหล่านั้นได้มากน้อยแค่ไหนต่างหาก
ถือว่าผมมา share ประสบการณ์ของเพื่อนท่านอื่นที่เค้าขับ UBER อยู่ตอนนี้ให้ฟังก็แล้วกันครับ
หากคุณสนใจสมัครเป็นคนขับ UBER คุณสามารถส่งเอกสารผ่านทาง http://bit.ly/UBERFORM5 มาได้ทันทีโดยให้กรอกรายละเอียดให้ครบถ้วน เพราะ ผมเป็น UBERDOST แล้วซึ่งถือได้ว่าเป็นตัวแทนในการับสมัครคนขับรถใหม่ได้ โดยที่คุณถ่ายภาพเอกสารจำเป็นทั้งหมด upload มาหาผม และ ผมจะทำการติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อระบบ ให้คุณขับได้ในวันถัดไป เรียกได้ว่า เร็วกว่าการเข้าไปที่สำนักงานมาก ! และ เหมาะกับคนที่ไม่ค่อยมีเวลามากนัก แต่ถ้าหากว่า คุณจะเลือกที่จะเข้าไปสมัครและส่งเอกสารด้วยตัวเองอยู่แล้ว แนะนำกดสมัครกรอกข้อมูลเอาไว้ก่อนได้ที่ link พิเศษนี้เพื่อที่จะได้รับเงินโบนัสเพิ่มเมื่อสมัครขับ UBERX โดยที่คุณจะได้รับเงิน BONUS เพิ่มเพราะมีคนแนะนำคุณมา (ถ้าหากว่าไม่คนแนะนำอะไรจะไม่ได้โบนัสเพิ่ม ประมาณ500-1000 บาท แล้วแต่โปรโมชั่นที่ตอนนั้น UBER กำหนดแต่ว่ามีคนแนะนำดีกว่าไม่มีคนแนะนำมาแน่นอนครับ หรือ คุณอ้างอิงรหัสแนะนำได้ คือ AD4E5 )