คำถามที่คุณอาจจะอยากรู้ในการใช้บริการ uBer ประเทศไทย

FAQ-uber

uber service review

วันก่อนนี้ผมได้มีโอกาสเดินทางด้วยรถลีมูซีนของ uBer เพราะได้ฟรีเครดิตมาจากการโค้ดเครดิตฟรี 300 บาท คือรหัส uberget300freeride และไม่ต้องเสียเงินอะไรเพิ่มแม้แต่น้อย เพราะ การเดินทางครั้งนั้นใช้งบทั้งหมดเพียง 294 บาทเท่านั้น (เรียกได้ว่าเฉียดกับเครดิตฟรีที่ได้รับการ code ลับนี้พอดิบพอดีกันเลยก็ว่าได้) อย่างไรก็ดีผมจะไม่ review การใช้งาน uBer เหมือนกับคนอื่นที่เค้าชอบทำกันแต่วันนี้ผมเอาคำถามที่ผมถามพนักงานขับรถมาเล่าต่อให้ฟังอีกรอบน่ะครับว่า คนขับรถอูเบอร์เหล่านี้เห็นการบริการนี้เป็นอย่างไรกัน กับอีกคำถามแปลกๆ ที่ผมถามคนขับรถเหล่านี้

ครั้งแรกกับ uBer กดเรียกแล้ว ไม่กล้าให้รถต้องรอนาน

เมื่อกดเรียกรถแล้ว ปรากฏว่า จะมีปุ่มให้กดโทรติดต่อกับคนที่จะมารับเราทันที โดยจะกดออกไปเป็นเบอร์โทรศ้พท์มือถือธรรมดานี่น่ะหละครับ แค่ว่าเราไม่ต้องมานั่งกดเบอร์เท่านั้นเอง เมื่อเรากด call driver แล้ว มันจะไปที่ app เพื่อการโทรออกใน smart phone นั้นๆปกติครับ เหตุผลที่ต้องโทรคือ อาจจะบอกว่าเราจะรอตรงไหนกันแน่แบบชัดเจนมากกว่าค่าพิกัดที่ระบุเอาไว้ใน app ตอนที่เรากดเรียกรถในตอนแรก แต่ว่าที่แน่ๆ คือ แม้ว่าเราจะไม่ได้ติดต่อคนขับรถอูเบอร์เขาไป เมื่อคนรถเข้าใกล้สถานทีที่เรานัดหมายเอาไว้ เค้าก็จะติดต่อมาเองอยู่ดีน่ะหละ เพื่อเค้าจะสอบถามเราว่า เราอยู่ตรงไหนแน่ๆ หรือ ว่าเค้าจะแจ้งว่ารถของเค้าคือรถอะไรสีอะไรและ กท รถคืออะไรเพื่อให้เรามองหารถเค้าได้สะดวก แต่ว่าความเป็นจริงแล้ว รถป้ายเขียว แบบนั้นเมื่อวิ่งมาแล้วเราก็จะเห็นได้ชัดเจนกว่ารถทั่วไปอยู่แล้ว เพราะ บนถนนเมืองไทยไม่ค่อยเห็นรถป้ายเขียววิ่งกันสักเท่าไหร่ ทั้งนี้อนาคตถ้าหากว่า คนทำกันเยอะมาก เราอาจจะเห็นรถป้ายเขียวเหล่านี้วิ่งกันว่อนใน กทม. มากขึ้นกว่านี้ก็เป็นได้

เพิ่งจะรู้ว่ากดแล้วคุณสามารถยกเลิกได้ แต่มันเสียเงิน !

ถ้าหากว่าคุณกดเรียกรถอูเบอร์แล้ว อยากจะยกเลิกทำได้ไม่ยาก ที่แอพเองก็จะมีปุ่มกดเพื่อ cancel request นั้นให้กดกันง่ายๆ เพราะ ถ้าหากว่าคุณกดยกเลิกแล้วล่ะก็คุณก็ยังต้องเสียเงิน 75 บาทโดยเรียกเก็บเข้าเครดิตการ์ดที่กรอกไว้อยู่ดี เว้นแต่ ! ว่าคุณยกเลิกการ request ครั้งนั้นภายในห้านาทีหลังจากการกดเรียกรถแล้วเท่านั้น ถึงจะไม่เสียเงินสักแดงเดียว ทั้งนี้เหมือนกับว่า ทางอูเบอร์เองยังให้โอกาสว่าถ้าหากว่าเปลี่ยนใจภายในห้านาที พนักงานที่ขับรถก็ไม่ได้เสียเวลาเดินทางออกจากที่จอดรถมารับแต่อย่างใด เรียกว่า เสียน้ำมันกันไม่เยอะมากนัก พอที่จะรับการยกเลิกได้ แต่ว่าอย่างไรก็ดี สำหรับวันที่รถติดแล้ว คุณเกิดเรียก uber แต่ว่ารถติดมากทำให้รถ uber เหล่านี้ไม่สามารถมารับคุณตามเวลาที่แสดงเอาไว้ได้​(ตอนที่เรียกรถตอนแรกจะมีเวลาประมาณบอกว่ารถจะมารับอีกกี่นาที แน่นอนว่า การคำนวณแบบนี้จะใช้ไม่ได้เลยถ้าหากว่ารถติดมากๆเหมือนกับเมืองไทยบ้านเรา) คนโดยสารหากว่าเรียกแล้ว รอแล้วรอเล่า รถไม่มาสักกะที แบบนี้คนเรียกรถสามารถกดยกเลิกได้ แต่เสียเงิน 75 บาทอยู่ดี ! เรียกว่า ความเป็นต่ออยู่ทางฝั่งคนขับรถเสียมากกว่าถ้าหากว่ารถติดแบบนี้ ทั้งนี้ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทาง operator ของ uber จะมีมาตราการอะไรหรือไม่ ถ้าหากว่ายกเลิกเพราะว่าสุดวิสัยแบบนี้ หรือ คิดอีกแบบ คือ คนที่หากินโดยการไม่ออกเดินทางไปหาลูกค้าตามที่ได้นัดหมายเพื่อหวังจะได้ค่ายกเลิกซะอย่างงั้น (เดาเอาเองน่ะครับว่าไม่น่าจะมี เพราะ การที่คนรถรับลูกค้าได้และส่งได้ยังจุดหมายน่าจะได้เงินต่อเวลามากกว่าที่จะหากินกับการยกเลิกเหล่านี้น่ะครับ)

iPad ที่อยู่ที่รถ uber เป็นของ uBer และคนขับรถไม่สามารถเล่นอย่างอื่นได้

ถ้าหากว่าคุณขึ้นรถ uber จะเห็นได้ว่าพนักงานขับรถจะมี iPad mini พร้อมที่ยึดกับรถติดตั้งอยู่ พนักงานขับรถจะไม่สามารถเอาไปเพื่อเล่น internet ได้แม้นว่า iPad mini นั้นจะมี sim card ต่อ 3G อยู่ก็ตามที เพราะ เจ้าของระบบ หรือ operator uBer ได้ทำการ lock เครื่องเอาไว้เพื่อให้ใช้งานได้เพื่อการทำงานเท่านั้น เรียกได้ว่า พนักงานขับรถไม่สามารถงัด ipad mini พวกนี้มาเล่น cookie run หรือเกมส์อะไรได้เลยแม้แต่น้อย เหมือนว่ามันเอาไว้เพื่อการทำมาหากินอย่างเดียว ที่หน้าจอของคนขับรถเราจะเห็นว่า มีพิกัดบอกตลอดเวลา ระหว่างการเดินทาง ทั้งนี้เพื่อคอบคิดเงินเรานั่นเองเหมือนกับ ipad นี้ทำหน้าที่เป็นมิเตอร์ยังไงอย่างงั้นก็ไม่ปาน แค่ว่ามันไม่กระพริบๆให้เราเห็นเท่านั้นเอง

คนขับรถแต่เดิมทำอาชีพอะไรกัน ทำไมมาขับรถบริการแบบ uBer ได้

คนขับรถส่วนมากแล้ว จำเป็นต้องพูดอังกฤษได้ เข้าใจว่าน่าจะมีการคัดเลือกคนสมัครที่มาเป็นพนักงาน uber แบบนี้ว่าน่าจะต้อง speak English ได้ดีระดับหนึ่ง เพื่อการสื่อสารระหว่างคนต่างชาติ เพื่อบอกเส้นทางหรือรับฟังเส้นทางหรือสถานที่ที่ต้องการจะไปจากแขกต่างชาติได้ และ คนที่ประกอบอาชีพที่ลงตัวกับเงื่อนไขนี้มากที่สุด คือ คนที่มีรถและคอยบริการคนต่างชาติอยู่แล้ว นั่นก็คือ พวกรถลีมูซีนทัวร์ หรือบริการตามโรงแรม นั่นเอง คนเหล่านี้จะมีรถเป็นของตัวเองเพื่อเอาไว้รับบริการคนต่างประเทศ เพื่อการเดินทางไปกลับโรงแรม สนามบิน และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ และ คนพวกนี้จะพูดภาษาอังกฤษได้ดีประมาณหนึ่งเพื่อการสื่อสารในการเดินทางและการอธิบายสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งคนเหล่านี้ จะมีเวลาหากินที่แน่นอน เช่น อาจจะมีการนัดหมายว่าให้ไปส่งเช้า และ ไปรับกลางคืน หรือกำหนดเวลาระหว่างแขกกับรถเอาไว้ แต่ระหว่างที่ว่าว่างๆ สามารถที่จะสมัคร uBer เพื่อใช้รถตัวเองที่เป็นเวลาว่างของรถเหล่านี้ เพื่อการบริการ uBer ได้ แทนที่จะนอนรอในรถเฉยๆ ก็แค่ online uBer แบบ คนขับรถเพื่อรอให้ลูกค้าเรียกก็เท่านั้นเอง เท่านี้ก็จะได้รายได้เสริมเพิ่มมาแล้ว หรือ ดีไม่ดี ถ้าหากว่ามีการเรียกมากรอบหรือว่าระยะทางไกลหน่อย น่าจะได้เงินมากกว่ารายได้หลักที่ทำกับทัวร์ก็เป็นได้

การเดินทางแบบเหมาจ่ายระหว่างสนามบินและจุดหมายปลายทาง

เหมือนว่าตอนนี้อูเบอร์จะมีเรทการคิดเงินเพื่อการเดินทางจากสนามบิน หรือ การเดินทางไปสนามบิน ไม่ว่าจะเป็นดอนเมืองหรือว่า สุวรรณภูมิ international airport ของประเทศไทยเรา ที่ 1000 บาทต่อครั้ง และ แน่นอนว่า ใน 1000 บาทนี้ถือได้ว่ารวมค่าทางด่วนเอาไว้แล้วทั้งหมด แต่ผมว่าถ้าหากว่าไม่อยากจะเสียเงินด้วยการเหมาแบบนี้ หากคุณฉลาดเสียหน่อยน่าจะคิดออกได้ไม่ยากว่า ถ้าหากว่าคุณจะเดินทางไป international airport suwaanphom แล้วล่ะก็ …​ แล้วไม่ต้องมาเสียเหมาหนึ่งพันบาทแบบนี้ ให้บอกคนขับรถว่าให้ไปส่งที่ airport link แทนเท่านี้ก็จะไม่ต้องเสียเงินเพื่อการเดินทางไปสนามบินแล้ว แต่ว่าเราก็ได้เดินทางสะดวกเหมือนเดิม เรียกว่า น่าจะประหยัดไปได้อีกเปราะกันเลยทีเดียว ผมว่าพนักงานขับรถน่าจะชอบด้วยเหมือนกัน เพราะ ไม่ต้องออกจากย่านตัวเมือง ที่คนเรียกบริการ uBer กันหนาแน่นเพื่อเดินทางไปยังสนามบินแล้วตีรถเปล่ากลับออกมา

ค่าทางด่วนพนักงาน uBer ออกให้ก่อนแต่ว่าจะ charge บัตรเครดิตกลับมา

สำหรับคนที่ได้เครดิตฟรี 300 บาท ค่าทางด่วนนั้นเราก็ไม่ต้องเสียเงินสดแต่อย่างใดเลย เพราะ ทั้งหมดจะตัดจากเครดิตที่เราได้อยู่แล้วทั้งหมด ไม่ต้องคิดว่าจะต้องเสียเงินสดเพิ่มเมื่อมีการขึ้นทางด่วนหรือ toll way เลยแม้แต่น้อย ดีมาก ๆ ไม่ต้องมาจับเงินสดบริหารเงินทอนไปมาระหว่างคนขับรถและผู้โดยสารให้เสียอารมณ์

การคิดเงินคิดถึงระดับทศนิยม เป็นวินาทีกันเลยทีเดียว

การคิดเงินของ uBer นั้น จะคิดจากสองอย่างคือ ระยะทางทั้งหมด และ เวลาเดินทางทั้งหมด คือ หนึ่งกิโลเมตรจะคิดเงิน 9.20 บาท และ คิดน่าค่าเวลา 2.50 บาทต่อนาที (ไม่ว่ารถจะหยุดนิ่งหรือวิ่งอยู่ก็ตามที) ทำให้การคิดเงินนั้นไม่มีความซับซ้อนอะไรเลย ไม่มีการเปลี่ยนอัตราการคิดเงินตามระยะทางแต่อย่างใด ทำให้คุณสามารถประเมินการเสียเงินให้กับบริการ uBer ได้ไม่ยาก เช่น ถ้าหากว่าคุณเดินทาง 10 กิโลเมตร และ คุณเดินทางปกติกินเวลา 30 นาที เราคิดเลขในใจได้ทันทีว่า จะต้องเสียเงินให้กับบริการนี้เท่าใด โดยคิดได้จาก เอา 10 x 9.20 = 90.20 บาท สำหรับค่าระยะทาง และ เอา 30 x 2.50 = 75 บาท สำหรับคนเวลาเดินทาง แล้วเอาทั้ง 90.20 + 75 นี้เอาไปบวกกับค่าบริการฐานอีก 45 บาท ทำให้คุณเสียเงินกับการเดินทางครั้งนี้เท่ากับ 90.20 + 75 + 45 = 210.50 บาท แล้วปัดลงเศษสตางค์ออก เพราะงั้นแล้ว คุณจะเสียเงินทั้งหมดกับเท่า 210 บาท-

รถอูเบอร์ที่ใกล้คนเรียกรถที่สุด ที่กดยอมรับผู้โดยสารจะต้องเป็นคนไปรับ

เมื่อตอนนี้คนต้องการโดยสารรถ uBer กด request ให้มารับจะมีตรรกะของระบบไม่ยาก คือมันจะให้คนที่ใกล้สุดที่กดรับคนได้รับคนๆนั้นเสมอ แน่นอนว่า ถ้าหากว่าคุณรู้จักพนักงานขับรถคนหนึ่งแล้ว เราจะมีเบอร์มือถือเพื่อติดต่อ ถ้าหากว่าเราต้องการพนักงานคนหนึ่งๆที่เราเคยได้รับบริการมาแล้วแล้วต้องการให้คนๆเดิมไปรับ สิ่งที่ต้องทำคือ hack ระบบนี้ซะ ! โดยการติดต่อพนักงานขับรถ uBer คนนั้นๆตรงๆผ่านทางเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัว แล้วบอกให้มาจอดรถรอรับเอาไว้ที่ตำแหน่งที่คิดว่าใกล้กับที่ตัวเองกำลังจะกด request pick up พร้อมกับระบุเวลาโดยประมาณเพื่อให้พนักงานขับรถ online พร้อมรับผู้โดยสารในระบบ และแน่นอนว่า ทุกอย่างทั้งเวลาและสถานที่ได้รับการกล่าวแจ้งเอาไว้ก่อนหน้าระหว่างกันแล้ว คนที่จะได้รับผู้โดยสารคนนั้นก็คือ พนักงานขับรถที่เตี้ยมกันเอาไว้ก่อนหน้าอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งนี้ การกระทำแบบนี้คาดว่า ไม่น่าจะเป็นปัญหาของบริการแต่อย่างใด เพราะ ถือว่าเป็นความต้องการของลูกค้าเองทั้งหมด

รู้หรือไม่ว่าคุณสามารถเรียกรถ uBer ออกไปต่างจังหวัดได้ด้วย

เนื่องด้วยตอนนี้ uBer เองไม่ได้มี rate สำหรับการเดินทางออกนอกเขตตัวเมืองทำให้ถ้าหากว่าคุณเรียกรถ uBer แล้ว คุณอยากจะไปหัวหิน คนขับรถเหล่านี้สามารถบอกมาเป็นอัตราเหมาจ่ายได้ โดยกำหนดเอง เหมือนกับการกำหนดราคาต่อรองแบบ taxi เพื่อการเดินทางต่างจังหวัดยังไงก็อย่างงั้น แต่ว่า น่าจะมีอัตราการเสนอราคาที่แพงกว่าแท็กซี่อยู่บ้างที่คุณคนโดยสารน่าจะรับได้กับการ upgrade รถทางเลือกแบบนี้เพื่อการเดินทางไกล

เอาเป็นว่าน่าจะตอบข้อสงสัย หรือความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับการบริการ และ การรับบริการของ uBer ได้บ้างน่ะครับ และ แน่นอนว่า เนื้อความที่ผมพิมพ์เล่าให้ฟังนี้ไม่ได้มาจาก official operator ของทาง uBer แต่อย่างใด เพียงแต่ว่าเป็นข้อมูลที่ได้ระหว่างการสนทนาในการเดินทางครั้งแรกของผมกับการบริการของ uBer เท่านั้นครับ อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง หรือนโยบายที่แตกต่างออกไปจากเดินได้ครับ แต่ว่าสิ่งที่แน่นอนก็คือ ตอนนี้ยังเปิดให้คนที่สมัครใหม่ได้รับเครดิต uber free 300 บาทอยู่น่ะครับ โดยใช้ code : uberget300freeride

หรือเข้าไปที่ register account ใหม่ผ่านทางหน้า website ของ uBer แบบที่มี promotion code กรอกเอาไว้แล้วได้จาก link ต่อไปนี้ >> https://uber.com/invite/uberget300freeride

คำค้นหาของคุณที่มาเจอหน้าเว็ปนี้:

  • uber ไทย

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *