ผมต้องก่อนว่าผมเคยไปญี่ปุ่นมาแล้วหนหนึ่งแต่เมื่อผมมีโอกาสได้ไปเที่ยวโตเกียวอีกครั้งปรากฏว่าก็ต้องมารื้อฟื้นความจำกันใหม่ว่าอะไรเป็นอะไร โดยเฉพาะในเรื่องของการเดินทางครับ แต่ว่าไหนๆผมก็มี Blog แล้ว ก็เลยอยากจะพิมพ์เก็บเอาไว้สักหน่อยเผื่อว่าผมจะได้มีโอกาสได้ไปโตเกียวอีกก็จะได้ไม่ต้องหาข้อมูลใหม่ เหมือนเป็นการอธิบายตัวเองเอาไว้อีกครั้งยังไงอย่างงั้นครับ และคิดว่าเนื้อความเกี่ยวกับการเดินทางในโตเกียวที่ผมเพิ่งไปมานั้นจะมีประโยชน์กับคนอื่นที่ Google หลงเข้ามาด้วยครับ
อุปกรณ์สำหรับการเดินทางที่สำคัญนั้นคือ iPhone
การเดินทางครั้งนี้ใช้ iPhone ที่ต่อ internet 3G ที่ญี่ปุ่น โดยผมเลือก package ของ AIS ที่เป็นแบบเหมาจ่ายไปเลยครับ เพราะคุ้มค่าแน่นอน การใช้งาน internet แบบเหมาจ่ายจะได้ไม่ต้องมาพะวงว่ามันเกินหรือเปล่าหรือว่ามันจะ charge เงินเยอะเกินจำเป็นหรือเปล่า และที่แน่ๆ ถ้าหากว่า คุณเดินทางทุกวัน แล้วก็ไปเที่ยวทุกวัน (ไม่ได้ไปทำงานที่ต้องทำอะไรซ้ำๆกัน) ก็ต้องหาข้อมูลประจำวัน ทุกวัน ต้องใช้แผนที่เพื่อการเดินทางแน่นอนว่าถ้าหากว่าคุณเปิดเป็น Google Maps Application บน iPhone ด้วยแล้ว มันก็จะโหลด internet ผ่าน 3G ครับ ซึ่งผมก็ไม่รู้หรอกว่ามันจะกิน internet data ที่ไหนผ่าน 3G มากน้อยแค่ไหนกันครับ สรุปว่า ถ้าหากว่าคุณไปเที่ยวแบบ backpack เดินทางเองไม่ง้อทัวร์เหมือนกับผมแล้วล่ะก็ iPhone ที่ต่อ internet นั้นใช้คุ้มเป็นอย่างมากครับ
ณ วันที่เดินทางผมใช้ package เหมาจ่ายโดยคิดเป็นวัน 5 วัน 2,000 บาทไทยหรือเฉลี่ยแล้วก็ตกแค่ประมาณ 400 บาทต่อวันเท่านั้นซึ่งก็ไม่ได้มากมายอะไรกับข้อมูลที่ผมโหลดใช้อยู่ทุกวันตอนที่ผมเที่ยวที่นั่นครับ
นอกจากนี้การเหมาจ่ายจะทำให้ iphone คนอื่นๆที่เดินทางไปด้วยกันก็จะใช้งาน internet ได้ด้วยเพราะ iPhone มี function ทำให้ iPhone เอา internet 3G มาปล่อย share กันเองต่ออีกรอบ ก็จะทำตัวเหมือนกับเป็น Access Point wifi ที่เครื่อง โทรศัพท์หรือ computer Notebook หาสัญญาณแล้ว connect internet ผ่าน เครือข่าย 3G ที่เหมามาได้ด้วยเหมือนกันน่ะครับ เรียกว่า คุ้มค่ามากที่สุดในโลกแล้วครับผม
การใช้งานหลัก iPhone 3G เปิด data Roaming Unlimited
อย่างที่ผมได้บอกไปแล้วอุปกรณ์เดียวที่จะทำให้คุณเดินทางได้ smooth ที่สุดเท่าที่จะทำได้นั้นก็คือ iPhone หรือ Smartphone ใดๆที่มี Application Google Maps และ Skype เพื่อโทรกลับประเทศครับ ต่อไปนี้ผมจะอธิบายว่าผมใช้ Iphone ใน Tokyo เพื่อทำอะไรบ้างเป็นประเด็นๆไปแล้วกันนะครับ
– เพื่อดูแผนที่ระหว่างการเดินทางผ่าน Google Maps Appเพราะ คุณจะรู้ด้วยว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน และ กำลังจะเดินไปที่ไหน อย่างไร แต่ก่อนถ้าหากว่าคุณไม่มีแผนที่เลย มันจะเดินทางไปยังเป้าหมายหรือจุดหมายได้ยากมากครับ ต้องถามคนญี่ปุ่นที่เค้าจะพูดอังกฤษไม่ค่อยจะได้สักเท่าไหร่กันนะครับ แม้ว่าจะดูเป็นคนญี่ปุ่นสมัยใหม่ที่เป็นวัยรุ่นแล้วก็ตาม ก็จะยังพูดภาษาอังกฤษ หรือฟังภาษากันไม่ได้มากเท่าไหร่ครับ ต่อให้คุณเก่งภาษาอังกฤษมากแค่ไหน คุณก็ต้องคุยกับคนญี่ปุ่นด้วยศัพท์แสงที่ง่ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อการสื่อสารครับ ไม่ได้เป็นการ show off แต่อย่างใด เพราะถ้าหากว่าคุณพูดเยอะพูดยาว คนญี่ปุ่นจะฟังไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย แล้วเราก็สื่ออะไรไปไม่ได้อีกต่างหาก เอาง่ายๆก็คือว่าถ้าหากว่าคุณจะพูดกับ japanese people แท้ๆแล้วล่ะก็ … พูดให้ง่ายเข้าไว้เป็นดี
– เพื่อใช้ Google Translateแปลภาษาเมื่อจำเป็น ผมใช้ Load Google Translate เอาไว้ด้วย โดย function การใช้งานก็จะเหมือนกับ หมากฝรั่งแปลภาษาของโดเรม่อนยังไงอย่างงั้นน่ะหละครับ แต่ว่า จากที่ผมทดสอบใช้งานจริงแล้วใน app จะมีให้พูดภาษาอังกฤษเข้าไปแล้วมันก็จะแปลเป็นตัวภาษาญี่ปุ่นออกมาได้ การใช้งานนี้จะให้ผลแค่ 60% เท่านั้นครับเพราะว่า คุณพูดเข้าไปนั้นปรากฏว่า คุณจะไม่ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เงียบพอที่เครื่องจะเก็บเสียงภาษาอังกฤษของคุณ (ที่สำเนียงไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก) เพื่อแปลงเป็นภาษาอังกฤษที่เป็น text แล้วก็แปลเป็น ภาษาญี่ปุ่นอีกรอบ มันจะได้ความหมายแปลกๆ เป็นประจำครับ เพราะงั้นแล้ว Google Translate คุณก็ต้องทำเหมือนเดิมครับ คือ “ให้พิมพ์เข้าไป” แล้วก็พิมพ์ประโยคให้ง่ายเท่าที่จะทำได้เป็นดีครับเพราะว่าการแปลจะทำได้ดีกว่า การที่เอาประโยคสับสนซับซ้อนพิมพ์เข้าไปครับ
– เพื่อโทรศัพท์กลับบ้านผ่าน Skype App และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหลักว่า ทำไมผมถึงบอกว่าการเหมาจ่ายนั้นเป็นเครื่องที่คุ้มค่ามากๆ เมื่อคุณไปอยู่โตเกียว คุณอยากจะโทรหาเพื่อนหาครอบครัว ที่บ้าน คุณจะทำได้ทันทีครับ เพราะ เวลาบ้านเมืองไทยเรา กับ ญี่ปุ่น skype register เพื่อสมัครใช้ promotion โทรเหมาจ่ายรายเดือนไม่อั้น ผ่าน iPhone จากประเทศญี่ปุ่นนก็ไม่ได้แตกต่างกันมาก และคุณจะโทรได้ไม่อั้นถ้าหากว่าคุณใช้ Promotion package ของ Skypeเพื่อโทรจาก ญี่ปุ่นกลับประเทศไทย (หรือจะโทรไปประเทศอื่นๆที่ไหนก็ได้อีก 44 ประเทศทั่วโลกให้เข้าไปอ่านเนื้อหาเก่าที่ผมเคยพิมพฺ์เอาไว้แล้วกันนะครับ) แน่นอนว่าการโทรผ่าน 3G นั้นคุ้มค่ากว่าการโทรจากโทรศัพท์ไปยังโทรศัพท์กว่าเป็นไหนๆครับ เพราะ คุณเหมาค่า 3G internet Roaming ไปแล้วเพราะงั้น คุณจะคุยนานแค่ไหนก็ไม่ได้มีคนจะเก็บเงินคุณเพิ่มได้ครับ และ promotion ของ Skype มันก็เหมาจ่ายเป็นรายเดือนโทรออกได้ไม่อั้นเหมือนกันครับ สรุปว่า คุณโทรติดต่อกลับบ้านได้ไม่อั้นจากโตเกียว เมื่อไหร่ก็ได้ไม่ต้องคิดมากเรื่องค่าใช้จ่ายอีกต่อไปกันเลยทีเดียวล่ะครับ
อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้งาน iPhone เพื่อโทรกลับประเทศไทยราคาเหมาจ่ายบน Skype
การเดินทางในโตเกียวและระบบรถไฟฟ้าโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
การใช้ iPhone เพื่อดูแผนที่จะทำงานได้ดีมากเมื่อคุณอยู่กลางแจ้ง หรือพื้นที่ที่คุณเห็นท้องฟ้าได้อย่างชัดเจน เพราะ จะทำให้คุณรู้แน่ชัดว่า คุณพิกัด หรือตำแหน่งไหนในแผนที่ Google maps แต่อย่างไรก็ดี คุณสามารถที่จะเปิด Google Maps ใช้ตอนที่คุณอยู่ใต้ดินได้ด้วยเช่นเดียวกัน และ มันก็เป็นประโยชน์มากจริงๆ ดีกว่าคุณเดินสุ่มๆออกไปที่โล่งเพื่อรับสัญญาณ GPS ครับเพราะ ที่โล่งแจ้งที่ว่ามันไม่ได้อากาศสบายๆเหมือนกับบ้านเราอ่ะซิครับ แต่มันหนาวจับใจ และ คุณก็ไม่อยากจะเดินบนถนนที่หนาวและข้างทางก็ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจคุ้มค่าพอที่จะเดินหนาวอย่างงั้นได้สักเท่าไหร่ครับ คนญี่ปุ่น หรือคนโตเกียวส่วนมากจะเดินทางด้วยรถไฟใต้ดิน และเดินเชื่อมต่อกันในพื้นที่ที่เป็นห้างร้านและ zone ของรถไฟที่จะอุ่นกว่าครับ ซึ่งผมก็ทำอย่างงั้นเหมือนกัน แต่คุณก็สามารถที่จะเปิด iPhone ดูได้เหมือนกันว่าคุณอยู่แถวไหนแม้ว่าคุณจะอยู่ใต้ดินก็เถอะ เพราะ มันก็จะบอกพิกัดประมาณได้อยู่เหมือนกันนะครับ ตอนนี้คุณอยู่ประมาณไหน แม้ว่าจะมีการบวกลบระยะจากตำแหน่งที่แน่นอนของคุณออกไปอีก 30 เมตร มันก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรมากนักครับ อีกอย่างคุณอยากจะเดินออกไปยัง exit หรือทางออกจากสถานีรถไฟใต้ดิน ณ ตำแหน่งที่เหมาะสมและใกล้กับแหล่งที่คุณกำลังอยากจะเดินไปให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ (ด้วยเหตุผลทางด้านอากาศหนาวอย่างที่ผมว่าไปแล้วครับ) ก็ให้กดที่รูปลูกศร 3 เหลี่ยมที่ Google Maps App อีกครั้งมันก็จะหันแผนที่ไปตามทิศทางที่คุณหันไปครับ ก็คือเป็นการเอาเข็มทิศมาหมุนแผนที่นั่นเองครับ ทำให้คุณเดินไปยังทิศทางที่ถูกต้องไม่ต้องเดากันเลยครับว่าด้านไหนเป็นทิศทางไหน โดยไม่ต้องมีเข็มทิศอีกอันเพิ่มเข้ามาใช้งานระหว่างเดินทางครับผม (เพราะว่า iphone มันก็มีเข็มทิศอยู่แล้วยังไงล่ะครับ)
เดินทางด้วย Tokyo Metro และ JR line เป็นหลักไปทั่วโตเกียว
แผนที่ที่ผมใช้งานคือ “TOKYO SUBWAY ROUTE MAP” ซึ่งเป็นแผนที่ที่ทำโดย Tokyo metro ครับแน่นอนว่า จะมีสายของ Tokyo metro เองทั้งหมดแสดงให้เห็นเด่นกว่าเส้นทางของรถไฟสายของจ้าวอื่น
http://www.tokyometro.jp/en/subwaymap/pdf/routemap_en.pdf
จริงๆแล้วโตเกียว มันจะมีรถไฟหลายสายเอามากๆและ มันก็ไม่ไดำแสดงเอาไว้ในแผนที่นี้ทั้งหมดครับ แต่ถ้าหากว่าคุณต้องการแค่เที่ยวทั่วเมืองโตเกียวแผนที่นี้ก็เพียงพอที่จะใช้แล้วล่ะครับ เพราะ มันจะผ่านพื้นที่สำคัญทั้งหมดของโตเกียวอยู่แล้ว
สายรถไฟที่คนใช้เพื่อเดินทางในโตเกียวมากที่สุด ก็คือ JR line และ สายของ Tokyo Metro นี่น่ะหละครับ โดยถ้าหากว่าคุณมองที่ด้านขวาล่างของแผนที่จะเห็นว่า จะมีบอกว่า Tokyo Metro Line มีสายอะไรบ้าง ลแะ Toei Line จะเป็นสายอะไรบ้าง และ JR LINE ก็จะเขียนว่า JR แสดงอยู่แล้วครับ นอกนั้นก็จะเป็นสายของ “เอกชน” รายอื่นๆ ซึ่งก็จะไม่ค่อยมีป้ายสถานีแสดงเอาไว้ในแผนที่ subway maps นี้สักเท่าไหร่
อธิบายประเภทของรถไฟที่เดินทางในโตเกียว
ผมจะเดินทางด้วย Tokyo Metro เป็นหลักและ JR line เป็นรองครับ ถ้าหากว่าคุณจะอยู่แต่โตเกียวอย่างเดียวเหมือนกับ Trip ล่าสุดของผมนั้น แนะนำว่า Tokyo Metro นั้นเป็นทางเลือกที่ฉลาดกว่าเป็นไหนๆ เพราะ ทั้งหมดเป็นรถไฟใต้ดินที่คุณไม่ต้องออกไปเดินหนาวนอกชานชาลา ไม่เหมือนกับ JR Line ที่หลายครั้งหลายคราสถานีอยู่ใน open air เรียกว่าเอาลมเย็นมาไหลผ่านตัวกันแบบเต็มๆก็ว่าได้
สถานีทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น JR LINE หรือ TOKYO METRO นั้นมันจะเชื่อมต่อกันหมด สามารถอยู่ในระยะที่เดินได้ครับ หรือดีกว่านั้นก็คือ มันเชื่อมกันแบบไร้รอยต่อเลยก็ว่าได้ โดยการที่คุณจะใช้ TOKYO METRO แล้วจะเดินทางต่อด้วยสายรถไฟของ JR LINE คุณต้องเอาตั๋วหยอดเข้าแผงกั้นเพื่อออกจาก TOKYO METRO LINE เสียก่อนแล้ว ก็หาทางเดินไปยัง JR LINE อีกครั้ง ถ้าหากว่าคุณยังไม่ออกจากที่อ่านตั๋วของโตเกียวเมโทร มันก็จะไม่มีป้าย LR line ให้เห็นหรอกนะครับ
JR Line สำหรับเส้นในโตเกียวแล้วจะผ่าน สถานีใหญ่ๆทั้งหมดที่คุณจะต้องเดินเที่ยวครับ นั่นก็แปลว่าถ้าหากว่า คุณจะเดินทางแบบนักท่องเที่ยว คุณจะเดินทางด้วย เจอาร์ไลท์สาย Yamanote Line ก็ได้หรือจะเดินทางด้วย Tokyo Metro line ก็ได้แล้วแต่ว่าตอนนั้นคุณเห็นสถานีรถไฟของสายไหนก็เข้าไปใช้ได้ทั้งหมดครับ ราคามันก็พอๆกันหมดเหมือนกันไม่ต้องเลือกเยอะในเรื่องราคาครับ แต่ถ้าส่วนตัวแล้ว เพื่อความ sure ในการเดินทางและง่ายต่อการเดินทางผมมักจะเลือกเดินทางด้วย Tokyo Metro เสียมากกว่าเพราะ คุณสามารถที่จะดูสีของสายได้สะดวก เป็นสายสีส้ม Ginza Line สายสีแดง สีน้ำเงิน แล้วแต่ครับ และจุดหมายปลายทางคุณก็ให้ดูแค่ตัวเลขของสถานีเท่านั้น ไม่ต้องจำชื่อภาษาญี่ปุ่นประหลาดๆ แล้วก็ต้องมาคอยดูว่ามันถึงหรือยัง อะไรแบบนั้นน่ะครับ
โหลดแผนที่ เมโทร ไลท์ได้จากที่นี่ก่อนที่จะอ่านตัวอย่างครับ (เปิดดูไปด้วยระหว่างที่ผมอธิบายจะเข้าใจเห็นภาพกว่ากันเยอะครับผม)
เช่น ถ้าหากว่าคุณจะเดินทางจาก สถานี Ikebukuro (ที่ผมพักโรงแรมอยู่แถวนั้น) แล้วจะไป Ueno ให้เปิดแผนที่ดูแล้วคุณจะเห็นตามนี้ครับ คือ ให้คุณเดินเข้าไปที่ Tokyo Metro แล้วมองหา สาย M (ที่เค้าจะพิมพ์กับเต็มๆว่า Marunochi Line) แต่จริงๆแล้วคุณจำหรือมองหาแค่สีแดงๆ ที่ด้านในจะตัว M เท่านั้นเอง และดูไว้อีกหน่อยว่าตอนนี้คือ คุณอยู่ M25 ครับ ถ้าหากว่าจะไป Ueno station (G16) ก็ต้องเดินทางไปจาก M25 -> M16 -> แล้วก็เดินทางสาย G (หรือ Ginze Line) คือ G9 แล้วเดินทางต่อใน Ginza Line ไปยัง G16 หรือ Ueno stationนั่นเอง
สั้นๆคือ M25 -> M16/G9 ->G16
คือเป็นเส้นทางที่มีการต่อแค่ครั้งเดียวและการเดินไม่โหดร้ายมากเท่าไหร่สำหรับการต่อสายระหว่างสาย M ไปยังสาย G
อีกเส้นทางหนึ่งที่อาจจะเดินทางได้ตามตัวอย่างนี้ก็คือ การเดินทางด้วย JR Line คือ เดินทางจากสถานี Ikebukuro ต่อเดียวไปยัง Ueno เลยครับ แต่ว่าคุณต้องหาสถานีของ JR แล้วคุณต้องหาเอาว่าค่าตั๋วเป็นเท่าไหร่จะแผ่นป้ายแถวนั้น โดยถ้าหากว่ามันมีแต่ป้ายภาษาญี่ปุ่นแสดงอยู่ ให้คุณเปิดโพย (ก็คือแผ่นแผนที่เนี่ยะน่ะหละ ที่ด้านหลังจะมีภาษาญี่ปุ่นอยู่ครับ) โดยให้ดูเทียบระหว่างภาษาอังกฤษว่า Ueno แล้วพลิกไปดูว่า ญี่ปุ่นมันพิมพ์เป็นภาษาว่าอย่างไร ให้จำหน้าตาตัวอักษรเอาไว้แล้วก็ค่อยไปดูป้ายว่าราคาเท่าไหร่ เมื่อเดินทางจากสถานีต้นทางครับ และที่ผมบอกไปตะกี้ก็เป็นเทคนิคสำหรับการดูว่า ภาษาญี่ปุ่นของสถานีแต่ละที่นั่นมันเขียนว่าอย่างไร หลักๆ มันก็เอาไว้ดูตอนจ่ายเงินเป็นหลักครับ เพราะนอกนั้นแล้ว จะมีการอ่านชื่อและ แสดงชื่อสถานีเป็นภาษาอังกฤษอยู่บนรถไฟอยู่แล้วครับ
ข้อสังเกตเกี่ยวกับแผนที่ของ Tokyo Metro Line
ในแผนที่นั้นเมื่อคุณเดินทางด้วย LR LINE แล้วคุณดูแผนที่ของ Tokyo Metro Line คุณจะไม่เห็นสถานีทุกสถานีของแผนที่ครับ แปลว่าคุณดูเทียบกับไม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบครับ ขอให้ดูแค่ทิศทางว่ามันเดินทางไปยังทิศหรือสถานีที่เราต้องการไปจะถูกทางหรือไม่ คือไม่ได้กลับทิศไปในทิศตรงข้ามเท่านั้นก็พอแล้วครับ เพราะ สถานีจริงๆแล้ว มันจะย่อยกว่าที่เราเห็นในแผนที่มาก เพราะ อย่างงั้นก็แปลว่า คุณไม่ต้องตกใจว่า แอ้ะ ทำไมชื่อสถานีนี้ไม่ได้มีในแผนที่โตเกียวเมโทรเลยล่ะ ! หรือว่าเราหลงหรือเปล่า อะไรทำนองนี้ไม่ต้องไปคิดให้เสียเวลา หรือ ตกใจไว้ก่อนก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรครับ
ส่วนสถานที่ที่เป็นสีเข้มๆของโตเกียวเมโทรเองจะเห็นครบทุกสถานีครับ ทำให้เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ผมบอกว่าถ้าหากว่าคุณจะถือแผนที่เดียว (เหมือนผมก็ถือแค่แผนที่เดียวเนี่ยะล่ะ) ก็ให้เน้นเดินทางด้วย โตเกียวเมโทรจะดีกว่ามากมันอุ่นใจชัวร์ดีครับ ผมก็ไม่ได้กลัวหลงอะไรหรอกน่ะครับ เพราะว่าไปเที่ยวแบบชิวๆกันเองไม่ได้มีเวลาต้องบังคับว่าไปถึงนู้นนี่กี่โมงอะไรครับผม
การเหมาจ่ายและจุดคุ้มทุนในการเดินทางในโตเกียวด้วย Tokyo Metro Line
ในการเดินทางด้วยระบบรถไฟแบบนี้จะมีการเสียเงินแบบเหมาจ่ายด้วย ซึ่งผมก็ลองมาแล้ว สรุปได้ความว่า ถ้าหากว่าอยากจะคุ้มนั้น ผมแนะนำว่าให้คุณคิดแบบนี้ครับ ถ้าหากว่าคุณจะเดินทางด้วย Tokyo Metro เป็นหลักเพราะสถานที่ที่คุณจะไปนั้น มันออกจากสถานีได้สะดวกและ คุณจะเดินทางในวันนั้น 3 ที่ขึ้นไปให้คุณเหมา 1000 YEN ของ Tokyo Metroไปเลยจะคุ้มค่ากว่าครับ เพราะนั่นแปลว่า คุณจะเดินทางได้อย่างไม่ต้องมีแผนการณ์เท่าไหร่นัก และจะโผล่อะไรที่ไหนลำดับอย่างไรก็ได้ ไม่ต้องคิดเยอะว่า อะไรอยู่ใกล้กับที่ไหนหรอกนะครับ เพราะ ความยาวของเส้นหนาๆที่อยู่บนแผนที่ไม่ได้แปลว่ามันจะยาวตามภาพ เรียกง่ายๆแปลว่า แผนที่ไม่ได้สื่อถึงความยาวของสายมากเท่าไหร่นัก คุณเห็นว่ามันสั้นๆ มันไม่ได้แปลว่า มันใกล้เป็นต้น คุณจะดูเรื่องพวกนี้ไม่ออกด้วยแผนที่แผ่นนี้ครับ แต่ว่าคุณจะดูออกหรือค้นหาได้จาก iphone App Tokyo Metro Line ครับ (ลองไปหาโหลดกันเอาเอง แต่ว่ามันก็จะมีแต่แผนที่ และข้อแนะนำการใช้งานของ Tokyo Metro Line เท่านั้น)
อีกอย่างที่คุณต้องรู้เมื่อคุณเหมาแค่ 1000 YEN สำหรับโตเกียวเมโทรไลท์ คุณจะใช้ได้เฉพาะสายพวกนี้เท่านั้นครับ คือ Ginza line , Marunouchi line, Hibiya Line, Tozai Line, Chyoda Line, Yurakucho Line ,Hanzomon Line, Namboku Line, Fukutoshin Line แต่สายที่คุณจะใช้ไม่ได้คือ Toei Line ทัะงหมด และ LR Line ก็ยังใช้ไม่ได้อีกต่างหาก
สรุปเอาเป็นว่าถ้าหากว่าคุณจะเดินทางในโตเกียวทั้งวัน การใช้รถไฟให้เป็นนั้นเป็นเรื่องที่คุณต้องรู้ และ ไม่ต้องกลัวที่จะตกรถไฟ หรือถ้าหากว่าคุณไม่แน่ใจ ให้คุณเข้าไปถามพนักงานประจำสถานีได้ จะเป็นพนักงานคนญี่ปุ่นที่อยู่ประจำทางเข้าออกของที่ตรวจสอบตั๋วครับ โดยคนนี้จะพูดอังกฤษได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่เราก็พูดกับเค้าด้วยภาษาที่ง่าย อย่าพูดเยอะครับเพราะอาจจะทำให้เค้างงๆได้ และ ถ้าหากว่าคุณไม่แน่ใจให้คุณออกมาจากรถไฟเพื่อดูก่อนว่าที่นี่สถานีอะไรกันแล้ว แล้วก็รอรถไฟคันหลังต่อไปก็ได้ ไม่ได้เสียเวลามากมายอะไรนัก เพราะ รถไฟมันมีต่อเนื่องด้วยระยะเวลาต่อคันไม่กี่นาทีเท่านั้นครับ ขอให้สนุกกับการเดินทางในโตเกียวก็แล้วกัน
ลิงค์ด้านล่างเป็นเว็ปที่ผมหาโรงแรมเพื่อการท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นโดยเฉพาะ โตเกียวครับ ลองเข้าไปดูกันเอาเองแล้วกันนะครับ จะได้รับส่วนลดประหยัดถึง 70% สูงสุดจากราคาขายหน้าโรงแรม
คำค้นหาของคุณที่มาเจอหน้าเว็ปนี้:
- data roaming คือ
- Ueno Station to ikebukuro
- เที่ยวโตเกียวด้วยตัวเอง
- data roaming ญี่ปุ่น
- รีวิวเที่ยวโตเกียว
- ais roaming japan
- ใช้ iphone ที่ญี่ปุ่น
- gps พิกัด โตเกียว