ถ้าหากว่าคุณเป็นคนที่ออกกำลังกายด้วยการวิ่งแบบส่วนตัว คือไม่ได้ออกกับคนอื่น หรือว่าไม่ได้วิ่งไปกับกลุ่มเพื่อนฝูง เพื่อที่จะพูดคุยเรื่องนานาสาระแล้วล่ะก็ แสดงว่า คุณอาจจะเหมือนกับผม คือ ไม่ได้ไปวิ่งที่ไหนเป็นเวลาที่แน่นอนหรือว่าไม่ได้วิ่งเป็นประจำ หรือ ที่ที่คุณไปวิ่งไม่ได้มีก้วนวิ่งขนาดใหญ่ที่นัดกันวิ่งเป็นประจำ ทำให้คุณต้องวิ่งอยู่คนเดียว แต่สำหรับผมแล้ว การวิ่งเดียวไม่ได้เป็นเรื่องเหงาหรือมองว่าเหนื่อยและเสียเวลาแต่อย่างใด แต่ผมว่าผมทำอะไรได้เยอะอย่างมากๆ ตอนที่วิ่งในสวนสาธาณะครับ
ปกติแล้วตอนที่ผมวิ่ง ผมจะสามารถที่จะทำกิจกรรมต่างๆเหล่านั้นผมมือถือ iPhone ที่ผมจะพกไปด้วยตอนที่วิ่งทุกครั้งไปครับ กิจกรรมที่ว่าก็ได้แก่
การ Tracking ความเร็วและระยะทางด้วย RunKeeper App.
ผมเป็นนคนที่บันทึก และก็จะมีอุปกรณ์หรือ software เยอะแยะเพื่อการบันทึกทุกอย่างเท่าที่อยากจะบันทึกไว้ไม่ว่าเป็นจะเป็นการ record ค่าใช้จ่ายส่วนตัว การมี Blog เพื่อบันทึก ความคิดความอ่านความเห็นและ อะไรที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับคนอื่น และ ตอนที่ผมวิ่งผมก็อยากจะ record เอาไว้ว่า ผมวิ่งไปแล้วที่ไหนอย่างไรด้วยความเร็วเท่าไหร่ นอกจากนี้ผมไม่ได้มี iphone เพื่อแค่การบันทึกเส้นทางวิ่ง ความเร็ว ด้วย GPS ของ iPhone แต่เพียงอย่างเดียวหรอกนะครับ ผมยังมี Polar Watch FT80 เพื่อการบันทึกกราฟอัตราการเต้นหัวใจ ตอนที่ผมวิ่งอีกด้วย เพื่อแสดงให้เห็นว่าผมมีความคืบหน้าหรือความฟิตระหว่างวิ่งมากขึ้นแค่ไหนอย่างไร โดยหลักๆ ผมต้องการจะจับเวลาการวิ่ง และ พลังงานที่ผมใช้ไปในการวิ่งครั้งนั้นๆครับ Appication iPhone ที่ผมใช้เพื่อการบันทึกเส้นทางวิ่งก็คือ RunKeeper ซึ่งแต่ก่อนไม่ได้ฟรีครับ (แต่ว่าตอนนี้เป็น App Free แล้ว) มันผมวิ่งเสร็จ มันก็จะถามว่าให้ Post สถิติการวิ่งครั้งนั้นไปยัง Twitter หรือว่า Facebook หรือไม่ ซึ่งผมแนะนำเป็นอย่างยิ่งนะครับ สำหรับคนที่อยากจะลดน้ำหนักหรืออยากจะฟิตร่างกาย การ Submit ผลการวิ่งหรือการออกกำลังกายขึ้นเป็นไปที่ที่เป็นสาธารณะในโลก online เสียหน่อยจะเป็นการกระตุ้นตัวเองทางจิตใจได้เป็นอย่างดี เพราะ เราไม่ได้รู้ว่าเราออกกำลังกาย หรือวิ่งหนักแค่ไหนอยู่คนเดียวครับ เรายังจะบังคับเพื่อนๆเรารู้ไปด้วยครับผม
การ chat กับเพื่อนร่วมงานหรือเพื่อนๆ(หรือสาวๆ)ที่ตื่นเช้า
ตอนที่ผมวิ่งผมจะเอา iPhone ไปด้วยครับ เกือบทุกครั้งและ อีกกิจกรรมหนึ่งที่ ผมว่า คนอื่นอาจจะคิดว่ามันเกินไป ก้คือ การ chat ไปด้วยวิ่งไปด้วย ซึ่ง ผมสามารถที่จะทำอย่างงั้นได้น่ะครับ แต่ว่าการ chat ครั้งนั้น ผมจะต้องพิมพ์ออกไปเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้นนะครับ ทั้งนี้แป้บพิมพ์ไทย มันไม่สามารถที่จะพิมพ์ได้ง่ายๆ ทำให้ผมไม่เลือกที่จะพิมพ์ส่งข้อความออกไปเป็นภาษาไทยครับ การพิมพ์ text บน iPhone ผมฝึกตัวเองมาได้ด้วยการพิมพ์ด้วยมือซ้าย กดด้วยนิ้วโป้งเพียงนิ้วเดียวคับ เพราะว่า การวิ่งจำเป็นต้องการการทรงตัวที่เป็นปกติ และ ถ้าหากว่าคุณจำเป็นต้องพิมพ์แบบสองมือ หรือเป็นทางการพิมพ์แบบ BB แล้วล่ะก็ .. ตอนที่คุณวิ่งไปด้วย และ พิมพ์ chat ไปด้วยมันจะดูน่าเกลียดเอามากๆน่ะครับ ถ้าหากว่าเป็นอย่างงั้น คือ chat สองมือและวิ่งไปด้วย นี่ผมจะเรียกว่า “เกินไปจริงๆน่ะหละ”
การ Check Email ซึ่งก็จะเป็น Email ที่ตั้งเวลาเอาไว้แน่นอนแล้ว
การ Check Email จริงๆแล้ว ตอนตื่นเช้ามาผมก็จะมี email เยอะพอประมาณ คือ สูงสุดก็ 10 mails ครับ แต่ว่า email ทั้งหมดจะโดนผม Process ไปแล้ว คือ ไม่อ่านก็ลบระหว่างที่ลุกจากตื่นเพื่อเข้าห้องน้ำ พอตื่นขึ้นมาผมจะคว้า iphone เพื่อเปิดไฟนำทางไปที่ห้องน้ำครับ (เพราะว่าปกติแล้วผมจะนอนปิดไฟหมดแล้วมันก็จะมืดมากจริงๆ) ก็ระหว่างที่ทำธุระในห้องน้ำก็ไล่อ่านไปเรื่อยก็ระยะเวลาก็พอๆกับที่ยืนทำธุระนั่นน่ะหละ แต่ว่าถ้าหากว่ามี email ไหนที่น่าสนใจก็แค่ mark as read ไว้เท่านั้น แต่ว่าก็จะไม่ได้ลบมันออกจาก inbox ครับ ไว้เข้า office แล้วก็ค่อยอ่านละเอียดอีกรอบก็ไม่ได้เสียเวลาอะไรมากมายน่ะครับ แต่ว่าตอนที่ผมวิ่ง นี่ก็จะกินเวลา 1 ชั่วโมงก็จะมี email เข้าสอง mails ที่ผมตั้งเอาไว้ทุกวันก็คือ To Do list ที่มาจาก Wunderlist ครับ ซึ่งจะบอกว่า วันนั้นต้องทำอะไรบ้าง ผมก็ดูคร่าวๆได้น่ะครับ ดูเสร็จก็ลบมันไปเลย และ อีกอันก็คือ email ที่ส่งมาจาก bank กรุงศรีฯที่บอกว่าจำนวนเงินอยู่ที่ saving account รายงานเป็นประจำวันครับ ก็อ่านและดูได้ระหว่างวิ่งเหมือนกันไม่ยากครับ
การฟังเพลงระหว่างวิ่งเพื่อเป็นการลดความเหนื่อย
อีกอย่างที่ทำให้ผมจำเป็นต้องถือ iphone วิ่งออกกำลังกายนั่นก็คือ การฟังเพลงครับ และ ฟังที่ผมลงผ่าน iTunes เอาไว้ ก็จะเป็นจังหวะแบบเบาๆ หรือแนว Bossa หรือเป็น Jazz เลยก็ได้น่ะครับ วัตถุประสงค์ก็คือ ต้องการจะปรับความเร็วในการวิ่งก็สามารถทำได้ครับ โดยถ้าหากว่าเป็นเพลงจังหวะเบาๆเหมือนที่ผมบอกไป มันจะทำให้คุณวิ่งเบาลง หรือว่า วิ่งแล้วฟังเพลงไปด้วยแบบนี้ก็จะไม่เหนื่อยมากเท่าไหร่ มันจะทำให้คุณวิ่งได้เบาลง แต่ก็วิ่งได้นานขึ้นเช่นเดียวกัน (แต่ว่าผมก็ไม่ได้วิ่งช้าจนเกินไปเพราะว่าอาจจะเสียฟอร์มได้เพราะว่า มันจะต้อง upload speed ความาเร็วในการวิ่งและระยะทางที่ผมวิ่งในครั้งนั้นเข้า Twitter account ผมผ่าน Run Keeper App น่ะหละครับ) หรือทางกลับกันถ้าหากว่าอยากจะวิ่งให้แรงกว่าเดิมก็ต้องใส่เพลงแบบสร้างกำลังใจ ไม่ว่าจะเป็นเพลงญี่ปุ่นที่ผมชอบ (ผมชอบอยู่หลายเพลงที่ ฟังแล้วเหมือนประทับใจ มีแรง และฟังดูเหมือนเป็นการให้กำลังใจระหว่างวิ่งได้ดี แม้ว่าผมจะฟังมันไม่ออกเลยแม้แต่น้อยก็ตาม)
การฟัง Podcast ประจำวันไม่ว่าจะเป็นช่างคุยดอทคอมหรือ WNYC Radio Lab
ถ้าหากว่าครั้งนั้นๆผมวิ่งแล้วไม่อยากจะฟังเพลง ผมก็ต้องเอา iPhone ไปฟังเป็น Podcast แทน โดยรายการที่ผมฟังเป็นประจำก็คือ รายการ Podcast ของช่างคุย Dot com ครับ เพราะว่า มันจะเป็นเนื้อหาที่ผมชอบฟังอยู่แล้วก็คือ พูดถึงข่าวเกี่ยวกับวงการไอทีบ้านเรา หรือ เกี่ยวกับวงการสื่อสาร ICT บ้านเราน่ะครับ รวมทั้งข่าวอะไรที่เกี่ยวกับ IT ต่างประเทศด้วย สำหรับอีก Podcast ที่ผมฟังจะเป็น ภาษาอังกฤษล้วน ก็คือเป็นของ WNYC Radio Lab ครับ โดยเนื้อหาผมก็ชอบด้วยเหมือนกัน คือ มันจะกล่าวเกี่ยวกับเรื่องอะไรที่ให้เราชวนคิดและ การตัดต่อเสียงของ Podcast นี้เป็นแบบว่าระดับดีมากเลยทีเดียว แต่ว่าข้อเสีย ของมันก็คือ มันไม่ได้ผลิตออกมาให้ฟังกันบ่อยเท่าไหร่ ไม่ค่อยมีอะไร update มากนัก ผมเข้าใจว่าแต่ละตอนมันก็น่าจะทำยากเอาการเหมือนกัน และ จะไม่มีกำหนดแน่นอนว่า เมื่อไหร่จะมี ตอนใหม่ เอามาให้เราได้โหลดฟังกันน่ะครับ
เอาเป็นว่า ถ้าหากว่าคุณมี iPhone เหมือนกับผมและอยากจะออกแรงวิ่ง การถือ iPhone วิ่งไปด้วยไม่ได้ทำให้คุณรำคาญอะไรมากขึ้นหรอก เพราะ คุณจะใช้มันได้อย่างคุ้มค่า แทนที่คุณจะวิ่งเฉยๆ คุณสามารถที่จะทำอะไรได้อีกตั้งหลายอย่างขณะที่คุณวิ่งออกกำลังกายนั่นน่หละครับ ลองดูแล้วกันนะครับ
คำค้นหาของคุณที่มาเจอหน้าเว็ปนี้:
- app ออกกําลังกาย iphone
- app ออกกําลังกาย