rackmanagerpro.com

ความจริงในโลกควอนตัมที่สะท้อนให้เราเห็นในโลกที่เรารับรู้ได้ว่า “มันเป็นแบบนี้นี่เอง”

quantum world โลกนี้มันเป็นแบบนี้กันหรอกหรือ

หากเราคิดกันดีๆ เราจะรู้ว่าโอกาสต่างๆที่เกิดขึ้นในโลกนั้น เราแทบจะไม่ได้มีอำนาจในการควบคุมมันเลยแม้แต่น้อย หากเราโยนลูกเต๋าที่สมดุล เราจะพบได้ว่า ไม่น่าจะเพ่งพินิจหรือคาดหวังให้มันออกเลขหน้าที่เราต้องการด้วยความตั้งใจมากเพียงใด เหมือนมันจะไม่ส่งผลใดๆกับผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นออกมาเลยแม้แต่น้อย เหมือนกับว่านี่คือ ธรรมชาติของความสุ่มที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติเองโดยแท้ 

การศึกษาทฤษฎีควอนตัม และสมมุติฐานต่างๆนั้น เราเกือบจะมองได้แล้วว่า สถานการณ์ใดๆที่มันจะเกิดขึ้น มันมีโอกาสการเกิดขึ้นแบบที่เป็นการกำหนดโอกาสเอาไว้ก่อนหน้าแล้วทั้งหมด แต่ผลลัพธ์ต่างหากที่ เราไม่สามารถบอกอะไรมันได้เลย เรียกว่าระดับเล็กที่สุด การหมุนของทิศทางสปินของอนุภาคควอนตัมนั้น พบว่า ไม่สามารถกำหนดได้ แต่ เมื่อมีสัปชัญญะรับรู้ หรือ ฝรั่งจะเรียกว่าการ observe ไม่ว่าจะถึงอุปกรณ์ใดๆก็แล้วแต่ที่จะทำให้สติจากสิ่งมีชีวิตใดหนึ่งๆนั้นรับรู้ได้ว่า โดยไม่สนเวลาอีกต่างหาก ! มันจะทำให้โลกนี้เป็นจริงออกมา ที่เราเรียกกันว่า Reality (ความจริงที่ปรากฏ)

คำว่า ไม่สนเวลา นั้นมันหลายความว่า เมื่อเรามองเห็นลูกเต๋าออกมาเป็นหน้าใดก็ตาม เหตุและผล หรือเหตุการณ์ทั้งหมดมันจะย้อนกลับไปหรือถูกกำหนดขึ้นมาทันที เพื่อให้ความเป็นจริงนั้นสมเหตุสมผลในมิติของฟิสิกส์แบบ Classical ทั้งหมด ในมุมมองของสติธรรมดาเหมือนที่เรามี เราจะมองย้อนกลับได้ค้นหาเหตุการณ์ก่อนหน้าได้ และ มันจะเป็น cause and effect ที่เราสามารถสืบสำเร็จได้ครบถ้วนทั้งหมด เล่าแบบนี้ ฟังอาจจะไม่เก็ตเท่าไหร่ ไม่เป็นไร ลองดูตัวอย่างนี้ก็แล้วกัน 

วันหนึ่งคุณเปิดกระเป๋าสตางค์ของคุณแล้วหยิบเหรียญออกจากแล้วโยนเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ออกว่าเป็นหน้าเหรียญว่าด้านใดจะหันหน้าให้เราเห็นได้ สมมุติว่าโลกที่คุณอยู่คือโลกที่คุณโยนแล้วพบว่าออกมาเป็นด้านหัว เหตุและผลแบบย้อนเวลาจะก่อตัวขึ้นมาครบถ้วนสมบูรณ์ทั้งหมดจนไปถึงจุดที่เรา ไม่มีสติรับรู้ได้นั่นเอง เช่น กรณีนี้ จุดขาดของความไม่รู้ก็คือ เหรียญมันอยู่ด้านไหนเมื่อเราเอาออกมาจากกระเป๋าสตางค์ และ เราไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำว่า เราจะออกแรงมากน้อยเพียงใดเพื่อโยนเหรียญในครั้งนั้นๆ และ นั่นอาจจะเดาได้ว่า น่าจะเป็นจุดที่เพียงพอแล้วต่อการกำหนดเหตุและผลย้อนหลังย้อนเวลากลับออกไปก็ได้ เพราะ มันไม่มีการวัดค่า ไม่มีการ observe หรือรับรู้ได้ แต่กลับทางกัน หากว่าเราติดกล้องวงจรปิดแบบ high resolution เข้าไปก่อนที่เราจะเปิดกระเป๋าเงินออกมา เหตุและผลมันก็จะย้อนกลับไปลึกในอดีตมากกว่านี้ได้อยู่ดี เพื่อให้ไม่มีสติใดๆรับรู้ได้นั่นเอง และ จุดๆนั้นของเวลาจะมีอยู่เสมออย่างแน่นอน ต่อให้คุณรับรู้ได้ทั้งหมด สิ่งที่คุณจะไม่รู้คือ ก่อนที่คุณจะมีสติรับรู้แบบมีเหตุผลได้เช่น ก่อนการเกิดของคุณเองยังไงล่ะ (ซึ่งมันไม่ต้องลึกถึงแบบนั้นหรอกเพราะแค่คุณสองขวบคุณยังจำอะไรไม่ได้เลยว่าอย่างงั้นเถอะ) แค่กำลังจะบอกว่ามันจะมีจุดหนึ่งของเวลาที่คุณไร้สติรับรู้อย่างแน่นอนที่สุดนั่นเอง 

จริงๆแล้วถ้าหากว่าให้อธิบายลึกๆแนะนำเข้าไปดู Youtube อันนี้น่าจะดีกว่า ส่วนใหญ่แล้วเราจะเรียกว่า Quantum Eraser หรือยางลบควอนตัม มันจะสรุปออกมาได้ประมาณว่า มันย้อนกลับไปทำสถานการณ์ของระดับควอนตัมนั้น มันเป็นจริงโดยการลบเหตุการณ์อื่นๆที่ไม่ได้เป็นจริงออกไปแทน และ เหลือไว้เพียงแต่เหตุการณ์ที่เป็นเหตุเป็นผลต่อผลลัพธ์ที่ได้รับการ observe ยังไงอย่างงั้นเลย ซึ่งสิ่งนี้เกิดขึ้นในระดับเล็กมากๆของสิ่งทั้งหมดในจักรวาลนี้ และ ที่เหลือคือเหตุการณ์ที่ผูกพันธ์ต่อมากันหมดแล้วในโลกระดับที่ใหญ่ขึ้น ที่เราสามารถสังเกตได้โดยง่าย 

นี่เป็นเรื่องเหมือนจะประหลาดมากที่ว่า อนุภาคต่างๆ มันเรียงตัวย้อนเวลาได้เท่าที่จำเป็น เพื่อทำให้สติรับรู้ได้ความครบถ้วนอย่างเป็นเหตุเป็นผลแบบที่โลกหรือจักรวาลของเรากำหนดกฏเกณฑ์เอาไว้แล้ว ! แต่ก็มีการทดสอบและประยุกต์ใช้กับ Quantum Computer ประมาณ 3 Qbits กันแล้วเพื่อทำให้สภาพมันย้อนเวลากลับไปได้ คล้ายกับการส่งข้อมูลย้อนเวลากลับไปอะไรทำนองนั้น และสิ่งนี้ มันคือภาคต่อของการใช้งาน (Utilize) จากความรู้ที่เป็นจริงจากการย้อนสภาพหรือการลบสภาพอันเป็นเหตุผลของ Quantum Eraser ได้ยังไงอย่างงั้น เรียกได้ว่า มนุษย์เราพบอะไร เราก็จะเอามาใช้งานให้ได้ในที่สุดอยู่ดี มันเกินกว่า การที่จะถามแล้วว่า “นี่มันเป็นเรื่องจริงอย่างงั้นหรือ ?” กันไปไหนต่อไหนแล้ว เนื่องด้วยมันถูกยอมรับและถูกพิสูจน์ในห้องแล็ปกันได้แล้ว และ มันอยู่ในระดับเอาไปใช้งานดูกันแล้วเสียมากกว่า เรื่องราวพวกนี้ คนทั่วไป หรือ Layman แทบไม่มีโอกาสได้เข้าใจได้เลย และ อาจจะไม่ได้เป็นประโยชน์อะไรด้วยซ้ำกับการเข้าใจมันในเวลานี้ การพัฒนาเพื่อใช้งานและความเข้าใจหรือการศึกษานั้นเกิดขึ้นลึกมากไปกว่านั้นอีกหลายเท่าตัวแล้วในเวลาที่พิมพ์บทความนี้อยู่อีกต่างหาก หากคุณได้อ่านบทความนี้ก็ขอให้รู้ไว้เท่านั้นว่า เรื่องพวกนี้มันเกิดขึ้นและเป็นจริงแล้ว เราอาจจะเอาใช้เพื่อให้เห็นโลกจริงตามที่มันเป็นก็ได้ เท่านั้นก็น่าจะเพียงพอแล้วสำหรับคนทั่วไปอย่างเราๆท่านๆที่นั่งอ่านอยู่นี้ 

Exit mobile version