เครื่องฟอกอากาศในปัจจุบันมีให้เลือกซื้อมากมายหลายรุ่นเอามากๆ แต่ จะมีแค่บางรุ่นเท่านั้นที่เรียกได้ว่าเป็นที่นิยมของผู้ซื้อหา เนื่องจากเหตุผล ของแต่ละรุ่นก็จะมีไม่เหมือนกัน แต่หากท่านต้องการเน้นเรื่องความสามารถในการกรองฝุ่น PM2.5 แล้ว เราแนะนำให้เลือกด้วยเหตุผลหลักเพียงสองประการด้วยกัน คือ
- ตัวกรองฝุ่น (หรือเราอาจจะเรียกว่าไส้กรองอากาศ)จะต้องมีความสามารถในการกรองฝุ่นที่ดีกว่ามาตราฐานที่กำหนดเอาไว้ โดยเริ่มตั้งแต่ระดับการกรองฝุ่นด้วย EPA หรือสูงกว่านั้นครือ HEPA เป็นต้ว
- ขนาดของกำลังของเครื่องนั้นจะต้องเหมาะสมกับขนาดของห้องด้วย เพื่อประสิทธิภาพในการกรองฝุ่นของทั้งห้อง
หลักๆแล้ว เครื่องฟอกอากาศรุ่นใดๆ ที่เราต้องการเอามาใช้เพื่อกรองฝุ่นที่บ้านหรือสำนักงานนั้น จะต้องเป็นรุ่นที่เป็นระบบกรองประเภท EPA หรือ HEPA เป็นสำคัญ หากใช้เทคโนโลยีอื่นแล้ว อาจจะต้องศึกษามากกว่าระบบการกรองฝุ่นด้วยตัวกรองเหล่านี้ เพราะ ไม่เป็นนิยมของตลาด และ มีข้อมูลจากผู้มีประสบการณ์การใช้งานน้อยกว่ามาก ตัวอย่างเช่น เครื่องฟอกาอากาศของแบรนด์ Clair ที่บอกว่าใช้ระบบ E2F filter แทนระบบการกรองด้วย HEPA หรือ EPA แล้วเน้นจุดขายว่า ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนไส้กรองบ่อย หรือ แม้กระทั่งสามารถเป่าล้างออกทำความสะอาดได้เพื่อความประหยัดค่าไส้กรอง และ ประหยัดกำลังไฟฟ้าอีกด้วย โดยหลักการแล้ว เครื่องเหล่านี้ ยังไม่ได้รับการพิสูจน์จากผู้ใช้งานรายใดในโลกออนไลน์มากนัก เพราะ เนื่องจากราคาที่แพงกว่าเครื่องฟอกอากาศที่จำหน่ายในตลาด และ คนไม่กล้าที่จะเสี่ยงเลือกทางเลือกเทคโนโลยีที่ผิดแปลกออกไป
คุณสามารถอ่านหลักการใช้เลือกไส้กรองอากาศสำหรับเครื่องฟอกอากาศเพิ่มเติมได้จากบทความเดิมที่เคยพิมพ์เอาไว้เพื่ออธิบายการเลือกไส้กรองอากาศเชิงลึก
ด้านล่างนี้เป็นเครื่องฟอกอากาศรุ่นที่กำจัดฝุ่นระดับ PM2.5 ได้ด้วยการกรองฝุ่น
Xiaomi Mi Air Purifier 2S
สำหรับพื้นที่ 21-27 ตารางเมตร
ราคาประมาณ 3,xxx บาท (ปรับลงจากปีก่อน)
เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Mi Air purifier 2S สำหรับปีนี้ถือได้ว่าประหยัดกว่าปีก่อนมาก เพราะ มีรุ่นใหม่ออกมาคือรุ่น 3H ทำให้ทางแบรนด์จำเป็นต้องกำหนดราคาเพื่อให้แตกต่างระหว่างกัน แน่นอนว่า พื้นฐานแล้ว ถือได้ว่าเป็นเครื่องฟอกอากาศรุ่นที่ขายได้ดีที่สุดเท่าที่มีในตลาด เครื่องฟอกอากาศที่เน้นการกรองฝุ่น PM2.5 ประจำปี 2019 นี้เลยก็ว่าได้ แต่ สำหรับปี 2020 นี้ เราก็ยังคงแนะนำรุ่นนี้เหมือนเดิมเนื่องจากราคาที่ประหยัดลงได้อีก ทำให้เกิดความคุ้มค่าเมื่อคุณซื้อเครื่องฟอกอากาศตัวนี้ใช้สำหรับบ้านของคุณเอง
SHARP FP-J30TA
สำหรับพื้นที่ 20-25 ตารางเมตร
ราคาประมาณ 2,9xx บาท (ปรับลงจากปีก่อน)
เครื่องฟอกอากาศ SHARP ถือได้ว่าเป็นแบรนด์ที่ขายได้ดีอีกแบรนด์หนึ่ง เพราะ มี Function การปล่อยประจุเพิ่มเติมเข้ามา จากการจากการกรองฝุ่นด้วยตัวไส้กรองระดับ HEPA แล้วก็ยังเพิ่มประสิทธิภาพให้อากาศนั้นสะอาดได้อีกขั้นด้วยการพ่นประจุ ให้ฝุ่นตกลงมา หรือทำลายเชื้อโรคในอากาศได้อีกด้วย รุ่นนี้จะเหมาะกับคนที่ป่วยเป็นโรคทางเดินอากาศมากกว่ารุ่นของ Xiaomi Mi Air purifier แต่ถ้าหากว่า คุณเน้นเรื่องการฟอกอากาศ เพื่อแก้ปัญหา PM2.5 แต่เพียงอย่างเดียวแล้ว เครื่องฟอกอากาศเสี่ยวหมี่ก็ถือว่าคุ้มค่ากว่าเช่นเดิม
เครื่องฟอกอากาศของ SHARP ที่มีความสามารถพ่นประจุทั้งลบและบวกนี้ ถือได้ว่าเป็นความสามารถพิเศษมาก เมื่อเทียบกับเครื่องฟอกอากาศรุ่นอื่นๆที่ราคาเดียวกัน เพราะ ม้นเน้นการทำความสะอาดระดับอนุภาค และ เชื้อโรคในอากาศได้ ไม่ใช่เป็นเพียงการดูดอากาศแล้วเอามาฟอกกรองฝุ่นเท่านั้น ดังนั้นแล้ว เครื่องฟอกอากาศรุ่นแบบนี้ที่มีฟังก์ชั่นพ่นประจุ จะเหมาะกับบ้านที่มีคนป่วยที่แพร่เชื้อได้ง่าย หรือ คนที่มีภูมิคุ้มกันโรคต่ำกว่าคนอื่นๆ (เช่นเด็กอ่อนหรือเด็กที่ีมีปัญหาทางเดินอากาศ)
แน่นอนว่า ด้วยราคานี้ เมื่อเทียบกับเครื่องฟอกอากาศ Xiaomi แล้ว ฟังก์ชั่นที่หายไป คือ การวัดค่า PM2.5 ในห้องแล้วปรับค่าตามสภาพอากาศของห้อง ด้งนั้น แล้ว หากใช้เครื่องรุ่นนี้ เรายังแนะนำให้คุณหาซื้อเครื่องวัดคุณภาพอากาศมาใช้อีกด้วยเพื่อให้แน่ใจได้ว่า คุณภาพอากาศนั้นดีแล้วหรือไม่
Bwell CF-8608
สำหรับพื้นที่ 40-80 ตารางเมตร
ราคาประมาณ 3x,xxx บาท
เครื่องสำหรับคนมีเงิน (รวย) ก็ว่าได้ เพราะ ฟิลเตอร์การกรองระดับ 7 ชั้นนั้นเรียกว่าเป็นสุดยอดเกินจำเป็นกันเลย คือ กรองฝุ่นได้ระดับ 0.008 ไมครอน เรียกได้ว่าละเอียดกว่า 2.5 ไมครอนไปมากเลย ! แต่ได้มาด้วยราคาที่แพงกว่าเครื่องฟอกอากาศ 10 ตัวรวมกัน ! ถ้าหากว่า คุณมีห้องแค่ห้องเดียว และ เป็นแบบ Grand Master Bedroom แล้ว และมีเงินเพียงพอ แล้วมองว่า อยากจะได้สะอาดสุดๆ เลือกรุ่นนี้ได้เลยแนะนำ เช่นเดียวกัน
แถมข้อมูลพัดลมที่ฟอกอากาศได้ (ไม่ใช่เครื่องฟอกอากาศโดยตรง)
Dyson Pure Cool
พัดลมฟอกอากาศ ที่ไม่ได้บอกว่าใช้กับพื้นที่เท่าใดนัก เพราะ มันเป็นพัดลม !
ราคาประมาณ 2x,xxx บาท
หลักการทำงานจะเหมือนกับเครื่องฟอกอากาศแบบกรองฝุ่นด้วยตัวกรองระบบ HEPA เพื่อการกรองฝุ่นที่ละเอียดได้ต่ำกว่า 0.1 ไมครอน และ กรองได้มากกว่า 99.95% จริงๆแล้วไม่ได้แตกต่างกับ HEPA รายอื่นๆสักเท่าไหร่นัก แต่ DYSON เน้นที่การออกแบบ และ เรื่องของความสามารถในการดูดลมเข้าเครื่อง และ เป่าลมออกมาแบบไร้ใบพัด ทำให้ราคาแพงกว่าปกติในระดับหนึ่ง ถ้าหากว่า คุณคิดว่า ชอบและรัก DYSON แล้วล่ะก็ การใช้พัดลมเครื่องฟอกอากาศ ทำงานแบบ 2 in 1 เลยก็น่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับคุณที่มีเงินเพียงพอที่จะซื้อพัดลมที่ราคาแรงขนาดนี้
ที่ว่าเครื่องนี้เป็นพัดลมเครื่องฟอกอากาศ เพราะ หลักๆ มันทำหน้าที่ คือพัดลมเป็นหลัก และ ที่แพง เพราะมันเป็นพัดลมแบบไร้ใบพัดที่เป็นเทคโนโลยีจำเพาะ ความปลอดภัยต่อเด็กและสัตว์เลี้ยง แต่ดันมีความสามารถในการฟอกอากาศติดมาด้วยเท่านั้น ทั้งนี้ มันสามารถลด PM2.5 ได้จริงแต่อาจจะใช้เวลานานกว่า เครื่องฟอกอากาศ โดยตรงประมาณ 5 เท่า เนื่องจาก โดยหลักการแล้ว การดูดอากาศกับการพัดลมออกไปนั้นควรจะคนละทิศทางจะดีที่สุด แต่ด้านล่างก็อยากจะดูด แต่ส่วนด้านบนที่เป็นใบพัดก็อยากจะผลักแล้วถ้าหากว่ากดให้หมุนด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้ระบบมวลลมสับสนเอามากๆ ทำให้ฟอกอากาศในห้องได้ช้ากว่า เครื่องฟอกอากาศปกติมาก