rackmanagerpro.com

รีวิวเครื่องฟอกอากาศ MI 3H ที่สุดของความคุ้มค่าเพื่อแก้ปัญหา PM2.5 สำหรับคนไทย

รีวิวเครื่องฟอกอากาศ Mi 3H

เครื่องฟอกอากาศสำหรับคนไทยนั้นตอนนี้ถือได้ว่าเป็นอุปกรณ์มาตราฐานหนึ่งที่บ้านเรือนหนึ่งๆจะต้องมีกันทุกครัวเรือนแล้วก็ว่าได้ เนื่องด้วยปัญหาฝุ่น PM2.5 ไม่ได้รับการแก้ไขได้ในเร็ววัน และ แม้ว่า เราจะได้ทำการแก้ไขแล้วในระดับโลกก็ยังคงเป็นปัญหาอยู่ดี เพราะ ฝุ่นไม่ได้เกิดขึ้นจากบ้านเมืองเราแต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังอาจจะเกิดขึ้นด้วยเพราะ เพื่อนบ้านของเราเผาป่าเผาพืชทางการเกษตร แล้วมวลอากาศก็ไหลเข้ามายังพื้นที่ประเทศไทยเราได้เหมือนเดิม เพราะฉะนั้น เหตุผลแค่เรื่องฤดูกาลนั้นจะไม่ได้เป็นเหตุผลอีกต่อไปแล้ว มันจะมีโอกาสเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อตลอดทั้งปี อย่างเลี่ยงไม่ได้ ส่วนตัวแล้วต้องจำยอมอยู่ในสภาพเมืองแบบนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้ก็ว่าได้ 

เครื่องฟอกอากาศรุ่นของ MI ที่ออกมาใหม่ล่าสุดนั้นคือ เครื่องรุ่น MI 3H ซึ่งได้รับการเปิดตัว ณ​ ไตรมาสสุดท้ายของปี 2019 ที่ผ่านมา และ เป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมในช่วงฝุ่น PM2.5 ตั้งแต่เดือน มค.ของปี 2020 เป็นต้นมาเนื่องด้วยความสามารถพิเศษของมันที่หลากหลายมากกว่ารุ่นที่ขายดีมากของปี 2019 คือ เครื่องฟอกอากาศ MI 2S ซึ่งราคาจะประหยัดกว่าประมาณ 1 พันบาท กล่าวคือ ราคาของเครื่องฟอกอากาศ MI 3H จะประมาณ 4,xxx บาท แต่เครื่องรุ่น 2S จะอยู่ที่ 3,xxx บาทเท่านั้น ทีนี้ลองมาดูกันดีกว่า ถ้าหากว่า คุณจะเลือกซื้อรุ่นใหม่ล่าสุด มันจะมีอะไรดีกว่ารุ่นเดิมๆก่อนหน้าอะไรมั้ย และจากประสบการณ์การใช้เครื่องฟอกอากาศนั้น เราจะต้องดูและเลือกเครื่องฟอกอากาศจากมุมมองไหนกันบ้างมาดูกันเลย

เราได้ทำการรีวิวเครื่องฟอกอากาศ Mi 3H หลายประเด็นด้วยกัน กดรายการด้านล่างนี้เพื่อข้ามไปอ่านได้ทันที

เครื่องฟอกอากาศ Mi 3H มีความสามารถในการฟอกอากาศได้มากขึ้นกว่าเดิม

เนื่องจากมันใหม่กว่ารุ่น 2S ทำให้มันได้รับการออกแบบส่วนที่เป็นแกนหลักสำคัญของเครื่องก็คือ ความสามารถในการฟอกอากาศกันตรงไปตรงมา โดยเหตุผลที่เครื่องแม้นว่าจะมีขนาดเท่าเดิมเหมือนกับรุ่น 2S แต่มันกลับอัดลมออกมาได้มากกว่ารุ่น 2S ได้อย่างไรกัน เนื่องจากประเด็นต่อไปนี้

  1. มีการออกแบบใบพัดและระบบแอโรไดนามิกใหม่ทั้งหมด ด้วยการออกแบบใบพัดแบบใหม่ที่ทำตัวเหมือนกับเป็นไซโครนมากกว่าใบพัดปกติทำให้แม้ว่าจะเปิดด้วยความเร็วรอบในการหมุนเหมือนกันหรือเท่ากันก็ตาม แต่กำลังดูดและผลักของใบพัดที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษใหม่แบบนี้ จะทำให้ดันอากาศออกได้มากกว่าเดิมเข้าไปอีกว่า 33% จากของเดิม 
  2. ตัวขับมอเตอร์แบบใหม่ที่ให้ความสามารถในการหมุนได้เร็วกกว่าเดิม ด้วยกำลังไฟฟ้าเท่าเดิม มอเตอร์ที่อัพเดทมากกว่าเดิมก็จะทำให้กำลังไฟฟ้าที่ใช้ต่อความเร็วรอบนั้นน้อยลงไปได้ก็แปลว่า เราสามารถดันอากาศผ่านใบพัดที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษได้ดีกว่าเดิมด้วยเช่นเดียวกัน

อย่างที่ท่านอาจจะทราบดีอยู่แล้วว่า เราจะเลือกเครื่องฟอกอากาศด้วยความสามารถของอัตราการพ่นอากาศสะอาด (CADR) ที่เรียกกันเต็มๆว่า Clean Air Delivery Rate ซึ่งถ้าหากว่ามากก็จะแปลว่า เครื่องนั้นจะรองรับห้องได้ใหญ่กว่าด้วยเช่นเดียวกัน แต่ ส่วนตัวแล้วสำหรับการใช้งานจริง เราจะใช้งานในห้องที่มีสภาพการเปิดแอร์อยู่ตลอด (บ้านเราเมืองร้อน ก็แปลว่า ถ้าหากว่า เราอยู่ห้องไหนที่เป็นห้องปิด ห้องนั้นจะมีแอร์ติดตั้ง และ เราจะเปิดแอร์เมื่อมีคนอยู่อย่าแน่นอน ไม่เหมือนกับบ้านเมืองอื่นที่หนาวเย็นกกว่า)

ภาพนี้แสดงให้ท่านได้เห็นว่า เมื่ออากาศแม้ว่า มันจะสะอาดอยู่แล้ว แต่เมื่อผ่านเข้าไส้กรองสีเทาของเครื่องฟอกอากาศของ Mi 3H จะพบได้ว่า อากาศที่ไหลออกมาปากปล่องด้านบน จะมีความสะอาดของ PM2.5 เท่ากับ 0 หรือเรียกได้ว่า จับไม่ได้เลยว่ามีฝุ่น PM2.5

ในเมื่อกำลังของเครื่องฟอกอากาศ MI 3H นี้มีเลข CADR มากกว่าก็จะทำให้ใช้กับห้องได้ใหญ่กว่ารุ่น 2S ขึ้นไปอีก 33% เช่นเดียวกัน เรียกได้ว่าแต่เดิมมีความสามารถรองรับห้องขนาด 40 ตร.ม. แต่ถ้าหากว่าเป็นรุ่นของ 3H ก็จะรองรับห้องได้มากกว่า 60 ตร.ม. แต่บอกว่า มากกว่าก็เพราะว่า เราจะเปิดแอร์ด้วยเสมอเมื่อเครื่องทำงานและ เราอยู่ในห้องนั้นๆ มันจะทำให้ความสามารถในการเวียนอากาศนั้นจะมีแอร์เข้ามาเป็นตัวช่วยด้วย (แต่ว่าแอร์มันไม่ได้ทำหน้าที่ฟอกอากาศอะไรหรอกนะ) 

ขนาดและความสูงของเครื่องฟอกอากาศ 3H เหมาะกับห้องทุกแบบโดยเฉพาะห้องนอน

สำหรับห้องนอนคนไทยปกติ เราจะมีเอาฟูกวางเอาไว้บนเตียงและถ้าหากว่าสังเกตดีๆ เมื่อเราเอาเครื่องฟอกอากาศตั้งไว้ใกล้หัวเตียง เราจะพบได้ว่า ระดับความสูงมันเหมือนกับหรือเท่ากับพอดีกับระดับของท็อปของเตียงพอดี เรียกได้ว่า วางไปแล้ว มันจะดูดีกลืนไปกับเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์อื่นๆของห้องนอนเราได้ไม่ยากเลย นอกจากนี้พื้นที่ของเครื่องที่ใช้ก็ใช้เหมือนกับรุ่นเดิมคือ 2S แม้ว่ามันจะมีความสามารถในการฟอกอากาศมากกว่าเดิม แต่ก็กินพืนที่ห้องนอนเราเท่าเดิมคือ ใหญ่แค่ขนาดขอกระดาษ A4 เท่านั้นเอง 

ความปลอดภัยกับเด็กเมื่อมีเครื่องฟอกอากาศ Mi 3H ตั้งเอาไว้อยู่

สำหรับคนที่มีเด็กเล็ก 3-5 ขวบ วัยนี้เป็นวัยเด็กที่เรียกว่าอยากรู้อยากเห็นทุกสิ่งอย่างที่เป็นของใหม่เข้ามาในบ้าน เพราะงั้นแล้ว สำหรับผู้ปกครองก็จะกังวลว่า เด็กจะไปทำอะไรกับเครื่องนี้ได้หรือไม่และ อาจจะได้รับอันตรายจากเครื่องฟอกอากาศได้ด้วยเหตุผลใดได้บ้าง เรามาลองวิเคราะห์กันเป็นเรื่องๆกันเลยดีกว่า

  1. การควบคุมโดยใช้โหมดผู้ปกครอง : เราสามารถตั้งเครื่องให้ทำงานผ่านแอพได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้นก็สามารถทำได้ เราเรียกโหมดนี้ว่าโหมดผู้ปกครอง คือ เด็กจะไม่สามารถกดหรือควบคุมเล่นเครื่องเปิดหรือปิดเครื่องได้เองเลยแม้ว่าเขาจะไปกดปุ่มที่หน้าเครื่องก็ตามที ซึ่งจะเหมาะมากเพื่อป้องกันไม่ให้เด็กกดเล่น และเปิดเครื่องเล่นกันเองได้ ระหว่างที่ไม่มีคนอยู่
  2. ตะแกรงด้านบนได้รับการออกแบบให้รูเล็กมากกว่าเดิม : ตะแกรงที่อยู่ส่วนบนของเครื่องฟอกอากาศนั้นจะได้รับการออกแบบให้มีตะแกรงที่ถี่มากกว่าเดิม แม้ว่าน้องจะเอานิ้วก้อยแหย่เข้าไปก็ทำได้ยากมาก เพราะตะแกรงมันจะเล็กกว่านิ้วของน้องเขา และ นอกจากนี้ เครื่องฟอกอากาศรุ่นใหม่ตัวนี้ อย่างที่ได้เกริ่นไปแล้ว มันออกแบบมาเป็นใบพัดหน้าตาแบบไซโครน คือ ใบพัดจะอยู่ลึกเข้าไปในเครื่องมาก แม้ว่าน้องจะแหย่เข้าไปได้ก็ไม่มีทางที่จะโดนใบพัดระหว่างที่เครื่องทำงานได้อยู่ดี เรียกได้ว่า เป็นการออกแบบมาเพื่อป้องกันเด็กได้ดีโดยแท้จริง 
ภาพด้านบนแสดงลักษณะของการออกแบบส่วนตะแกรงป้องกันการเอานิ้วแหย่รูของเครื่องฟอกอากาศ Mi 3H ที่เรากำลังรีวิวกันอยู่นี้

ไส้กรองที่แถมมากับเครื่องฟอกอากาศ Mi 3H มีความพิเศษขึ้นไปอีกระดับ ! 

เมื่อเราเปิดฝาด้านหลังของเครื่องฟอกอากาศ เราจะพบว่ามีการติดตั้งฟิลเตอร์กรองอากาศมาอยู่แล้ว สามารถใช้เครื่องได้ทันทีเลยก็ว่าได้ สังเกตไส้กรองอากาศเป็นแบบสีเทา ความหนาแน่นของไส้กรองสูงพิเศษ

ส่วนตัวแล้วตั้งแต่ใช้เครื่องฟอกอากาศ Mi มาไม่เคยเห็นไส้กรองตัวใหม่ตัวนี้ เรียกได้ว่า มันเป็นไส้กรองที่ทำมาพิเศษอีกเหมือนกันเพื่อใช้กับเครื่องรุ่นพิเศษๆรุ่นนี้ก็ว่าได้ กล่าวคือ ไส้กรองนี้ได้รับการออกแบบโดยใช้แผ่นกรอง HEPA แบบละเอียดกว่าเดิม หรือ เรียกว่าเป็นเกรด E13 (มันจะมีเรื่องของการทดลองเข้ามาเกี่ยวซึ่งไม่ขอกล่าวจะดีกว่าเพราะมันเกินจำเป็นจะต้องไปรู้มัน) แต่โดยรวมแล้วเกรดมันดีกว่า HEPA ปกติขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง ก็แปลว่า มันจะกรองอะไรที่ละเอียดๆได้มากกว่า PM2.5 หรือ PM0.1 ก็ตามได้ด้วยสัดส่วนที่มากขึ้น หรือ แปลอีกนัยหนึ่งก็คือ เราสามารถทำความสะอาดฝุ่นกรองออกมาด้วยแผ่นกรองนี้ได้ไวมากกว่าเดิม ด้วยกำลังดูดที่มากกว่าและด้วยตัวกรองละเอียดที่แน่นกว่าอีกด้วย อย่างไรก็ดี สำหรับแผ่นกรองอากาศรุ่นสีเทาตัวนี้ ไม่เห็นว่าจะมีจำหน่ายแยก ณ ตอนนี้ที่ซื้อสินค้า แต่เป็นไส้กรองอากาศที่แถมมากับเครื่องฟอกอากาศจำเพาะรุ่น 3H นี้เท่านั้น (รุ่นอื่นก็ไม่เคยเห็นแถมอะไรแบบนี้มาก่อนเลย) 

รีวิวโหมดการทำงานของเครื่องฟอกอากาศ Mi 3H ทั้ง 4 โหมด

การใช้งานเครื่องด้วยการกดหน้าจอสัมผัสนั้น เราจะปรับเครื่องให้ทำงานได้ทั้งหมด 4 โหมดด้วยกัน คือ โหมดการทำงาน AUTO (หน้าจอขึ้นตัว A) โหมดทำงานแบบกำหนดความแรงลม (เป็นรูปตัวหนอน ถ้าหากว่าหนอนสามชั้นแปลว่า แรงลมระดับสาม) โหมดทำงานแบบระดับความแรงลมที่เราชอบ และโหมดของการทำงานแบบเงียบพิเศษ (Night Mode)

กดหน้าจอที่เครื่องฟอกอากาศ MI 3H เพื่อปรับโหมดการทำงานของเครื่องฟอกได้ง่ายๆ

โหมดการทำงานแบบ AUTO : คือ เครื่องจะทำการปรับความแรงของลมเองอัตโนมัติ เมื่อเครื่องพบว่า มีค่า PM2.5 มากกว่า 50 มันจะเร่งความแรงของการกรองอากาศจากเบาสุดๆให้มีการทำงานในระดับที่เครื่องมันเองคิดว่าเหมาะสม เพื่อลดค่า PM2.5 ให้ลงมาเหลือต่ำกว่า 50

โหมดการทำงานแบบกำหนดความเร็วลมเอง : คือ เราเลือกได้ว่า ถ้าหากว่าเราอยากจะให้แรงเราก็กดให้มันเป็นระดับความแรงระดับสาม หรือถ้าหากว่าจะเบาสุดคือก็ระดับหนึ่ง กล่าว คือ มันมีโหมดของความแรงลมทั้งหมด 3 ระดับเท่านั้น คือ เบา ปานกลาง และ แรง

โหมดการทำงาน Favorite : คือ เราต้องกำหนดค่านี้ในแอพเท่านั้น ส่วนตัวแล้ว เราจะทำให้เป็นความแรงลมมากที่มากกว่าระดับสามขึ้นไปอีก ซึ่งมันสามารถตั้งค่าได้ผ่านแอพอย่างเดียว และ เราจะใช้โหมดนี้ เมื่อเราต้องการให้ดูดอากาศแรงสุดๆด่วนๆ เมื่อเราเข้ามาให้ห้องแล้วพบว่าห้องมีสภาพอากาศ PM2.5 มากสุดๆแล้วนั่นเอง

โหมดการทำงานแบบเบาเงียบสำหรับกลางคืน Night Mode คือ เราสามารถทำให้เครื่องบังคับว่า ไม่ต้องเป็น AUTO เพราะเราต้องการให้เครื่องทำงานเงียบๆเท่านั้นที่ระดับกำลังการดูดของพัดลมระดับเบาสุดตลอดเวลา และ มันจะเบามากกว่าเบาระดับหนึ่งอีกเสียด้วยซ้ำไป

เราสามารถโปรแกรมเครื่องฟอกอากาศ Mi ให้กรองฝุ่นให้ได้ในระดับที่เราต้องการได้

เครื่องฟอกอากาศของ Mi ทุกรุ่นนั้น เลือกทีจะตั้งค่าความสะอาดที่บอกว่า “ดี” คือระดับ PM2.5 น้อยกว่าเท่ากับ 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร แต่ ถ้าหากว่าคุณดูเกณฑ์สำหรับประเภทในยุโรปตอนนี้มีการกำหนดว่ามันจะต้องต่ำกว่า 25 ต่างหากถึงจะปลอดภัยต่อทุกคนที่เป็นมนุษย์ ซึ่งเราก็เริ่มรู้สึกว่า เราก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน แต่ว่าเราใช้เกณฑ์ของประเทศจีนหรือประเทศไทยมาเป็นตัวกำหนดว่าอะไรดีไม่ดีต่างหาก เพราะงั้น ถ้าหากว่า จะให้ดีที่สุด เราควรตั้งค่า คุณภาพอากาศที่เรียกว่าดี น่าจะกำหนดเอาไว้ที่ 25 แทนที่จะเป็น 50 น่าจะดีกว่า ซึ่งสำหรับเครื่องฟอกอากาศแม้นว่าจะเป็นรุ่น 3H นี้ก็ตาม ในเครื่องก็ยังโปรแกรมอากาศดีที่ค่า 50 เหมือนเดิมอยู่ดี ทำให้เราจำเป็นต้องกำหนดโปรแกรมระบบ Automation ของเครื่องฟอกอากาศได้ โดยกำหนดว่า ถ้าหากว่าค่าวัดได้เกินกว่า 25 แล้วเครื่องทำงานในโหมดหัวใจ (favorite mode) และให้เครื่องทำงานไปเรื่อยๆจนกว่าค่าจะต่ำกว่า 10 เป็นต้น เราสามารถกำหนดได้เอง โดยให้เข้าไปอ่านวิธีการที่เคยเขียนบอกเล่าเอาไว้แล้วจากเรื่องนี้ ปัญหาในการใช้งาน Xiaomi Air Purifier ในโหมด AUTO

ความง่ายดายในการตั้งค่าและเปิดใช้งานครั้งแรกของเครื่องฟอกอากาศ Mi 3H 

เมื่อได้รับสินค้ามาจะเป็นกล่องแบบง่ายๆแค่แกะแล้วยกเครื่องออกมา เราจะทำการตั้งค่าได้ง่ายเอามากๆ โดยขั้นตอนหลัก คือ ให้เปิดด้านหลังของเครื่องจะมีฝาอยู่ด้านในฝาจะมีสายไฟอยู่ เราเอาสายไฟเสียบขั้วกับเครื่องฟอกอากาศ แล้วก็เอาด้านเสียบกับไฟฟ้าที่เต้าเสียบ กดเปิดเครื่องด้วยที่หน้าจอแอลอีดีระบบสัมผัส เพื่อให้เครื่องเริ่มทำงาน เพียงแค่นี้จริงๆ เครื่องก็สามารถใช้งานได้แล้ว ทั้งนี้ ตัวไส้กรองอากาศที่แถมมากับเครื่องนั้นจะเป็นไส้กรองรุ่นสีเทา และ ไม่มีพลาสติกบรรจุภัณฑ์อะไรห่อหุ้มมันแล้ว เรียกได้ว่าเครื่องฟอกติดตั้งไส้มาพร้อมใช้งานทันทีเลยก็ว่าได้ 

เครื่องฟอกอากาศ Mi Air Purifier 3H ตัวใหม่ที่เพิ่งได้รับมาในสภาพที่ดีเอามากๆ ซื้อผ่านแอพ youpik ราคา 4880 บาทหลังได้รับ cashback เงินคืน
การเริ่มต้นใช้งานเป็นอะไรที่บอกว่าง่ายเอามากๆ ทำตามภาพประกอบในเล่มนี้ได้ทันที

สำหรับการต่อกับ Wifi network ในพื้นที่บ้าน เราก็ทำตามขั้นตอนใน Mi home (แอพ) ได้ไม่ยากเลย เรียกว่าง่ายมากๆก็ว่าได้เลยไม่ขออธิบายอะไรในบทความนี้ แค่อยากจะบอกว่า มันแค่ทำตามที่หน้าจอบอกให้ทำอะไรก็ทำเท่านั้นเอง

สรุปความว่าด้วยเรื่องเครื่องฟอกอากาศ Mi 3H

โดยรวมแล้วประสบการณ์การแกะกล่องและใช้งานเครื่องฟอกอากาศรุ่น 3H ถือได้ว่าดีกว่ารุ่นอื่นๆมาก ด้วยความสามารถในการเกาะ internet wifi ที่เกาะได้แน่นกว่าเดิม ทำให้คุณสามารถควบคุมการทำงานของเครื่องได้ดีกว่าเห็นหน้าจอว่า PM2.5 ที่ห้องตอนนี้มีค่าเท่าไหร่ และ ที่สำคัญ คือ เรากำหนด Automation ด้วยกฏต่างๆของเราเองได้ เช่น ที่กำหนดใช้หลักคือ เพื่อทำให้เครื่องทำงานไปเรื่อยๆเพื่อฟอกอากาศให้ได้ต่ำเป็นตัวเลขหลักเดียว หรือ เพื่อประหยัดไส้กรองและพลังงาน โดยการตั้งเวลาเปิดปิดเครื่องก็ได้ เมื่อเราจะใช้ห้องนอนก็กำหนดให้มันเปิดเองประมาณสัก 1 ทุ่ม เมื่อเราเข้ามาที่ห้องนอนของเรา เราก็จะเห็นสภาพค่าฝุ่นเป็นตัวเลขหลักเดียวอะไรทำนองนั้นก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน 

สรุปแล้วหากว่าคุณพอจะมีงบประมาณเสียหน่อย เราแนะนำให้คุณเลือกเครื่องฟอกอากาศรุ่น Mi 3H มาใช้งาน เพราะ มันเป็นการลงทุนเพื่อแก้ปัญหาฝุ่นในบ้านได้อย่างเด็ดขาดและประหยัดเงินคุ้มค่ามากทีี่สุดแล้ว แต่ ถ้าหากว่า คุณมองว่าความสามารถและขนาดห้องนั้นใหญ่เกินไป รุ่นเครื่องฟอกอากาศที่อาจจะเหมาะสมกับคุณมากกว่าคือ ของ Mi 2S เพราะมันประหยัดเงินคุณได้อีก 1,000 บาทโดยประมาณ หรือ ถ้าหากว่า คุณคิดว่าคุณไม่ได้คิดมากกว่าจะต้องใช้ของมีแบรนด์อะไร ขอประหยัดเงินสุดๆเอาไว้ก่อน เราก็แนะนำให้คุณเลือกเครื่องฟอกอากาศราคาหลักพันนิดหน่อยของ XPX หรือ WorldTech ได้โดยเราได้ทำการรีวิวไว้แล้วในบทความที่ชื่อว่า รีวิวเครื่องฟอกอากาศราคาถูก ขายกันเพียง 1,000 บาทเท่านั้นเอง!

Exit mobile version